fbpx

จาก “คุณาชีวก” ถึง “พระบิดา” เมื่อคนวาจาน่าฟังรู้ไม่จริง แถมให้กินฉี่รักษาโรค

วัดวิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง

หนึ่งในกระแสที่ถูกพูดถึงกันพอสมควรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าไม่นับเรื่องของคุณแตงโม อดีตพระกาโตะ ก็มีเรื่องของโจเซฟ หรือพระบิดา เจ้าลัทธิที่อ้างว่าตัวเองเป็นพระบิดาของทุกศาสนา มีอิทธิฤทธิ์ต่างต่างนานา รักษาโรคภัยด้วยของเสียของตัวเอง ซึ่งคิดว่าทุกคนคงเห็นกันหมดแล้ว คงไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืดกันแล้ว และคงจะไม่ได้ชวนคุยเรื่องนี้ 

แต่ที่จะชวนคุยก็คือ เชื่อหรือไม่ว่า เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคนี้ ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 10-20 ปีที่ผ่านมา เขามีมากันเป็นร้อยๆ ปีแล้ว เพราะตอนได้ยินข่าวเรื่องนี้ ในหัวก็คิดว่าทำไมมันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินเรื่องแบบนี้ที่ไหนสักแห่ง เหมือนเดจาวูเบาๆ

จนสุดท้ายก็มานึกออกว่า อ๋ออ นี่มันเรื่องของคุณาชีวกชัดๆ

คุณาชีวกคือใคร คุณาชีวกเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญในพรหมนารทชาดก หนึ่งในทศชาติชาดกซึ่งเป็นลำดับ 8 จาก 10 เรื่องโดยพระพุทธเจ้าทรงเสวยพระชาติเป็นมหาพรหมชื่อนารท แต่ก่อนที่ตัวละครตัวนี้จะมีบทบาท จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวข้องกับคุณาชีวกคนนี้แบบเต็มๆ

ต้องเล่าเท้าความอย่างนี้ก่อน มีเมืองหนึ่งชื่อเมืองมิถิลา มีพระเจ้าอังคติราชเป็นกษัตริย์ที่ดี ปกครองด้วยทศพิธราชธรรม แต่อยู่มาวันหนึ่ง พระองค์อยากจะสนทนาธรรมกับผู้รู้สักคน แต่แทนที่เสนาบดีในราชสำนักจะแนะนำคนดีคนมีความรู้ให้ ดันไปแนะนำอเจลก (ชีเปลือย) ชื่อคุณาชีวกกับพระเจ้าอังคติราช พร้อมบรรยายสรรพคุณว่าเป็นผู้มีปัญญา วาจาไพเราะ สังเกตไหมว่า คนที่ชอบอ้างตัวเป็นผู้วิเศษ ผู้รู้ในทุกยุคทุกสมัยมักจะมีคุณสมบัติสำคัญข้อหนึ่งคือต้องเป็นคนพูดเพราะ พูดเก่ง ซึ่งคุณาชีวกมีคุณสมบัติข้อนี้ครบถ้วน

วัดช่องนนทรี กรุงเทพฯ

พอวันจริง พระเจ้าอังคติราชก็เดินทางไปหาคุณาชีวกตามคำเสนาบดี ไปถึงปุ๊บก็ถามสารทุกข์สุขดิบกันนิดหน่อยก่อนจะเปิดด้วยการสนทนาธรรมาตามความตั้งใจซึ่งแน่นอนว่าคุณาชีวกตอบไม่ได้หรอกเพราะแกไม่ได้เป็นกูรูผู้รู้อย่างที่เสนาบดีโฆษณาไว้ แต่ด้วยความเป็นคนฉลาด พูดเก่ง ลูกล่อลูกชนดี แกก็เฉไฉไปเรื่องอื่น พร้อมกับบอกพระเจ้าอังคติราชว่ามาฟังเรื่องนี้ดีกว่า ว่าจริงๆ แล้วบาปบุญไม่มีจริง กรรมดีกรรมชั่วไม่มีจริง โลกหน้าไม่มีจริง ทุกคนทุกสิ่งชีวิตล้วนแต่เสมอภาคกัน

ฟังแบบนี้ถ้าคิดแบบคนมีปัญญาอาจจะคิดนิดหนึ่งว่า เฮ้ย จริงเหรอ แต่ดันมีคนสองคนที่ระลึกชาติได้พูดขึ้นมา คนแรกคือ อลาตเสนาบดีที่ดันระลึกชาติว่าชาติก่อนตัวเองเป็นคนฆ่าสัตว์ ทำบาปมากแต่ชาตินี้ก็ยังได้เกิดเป็นเสนาบดี คนที่สองคือทาสชื่อวีชกะ ที่ระลึกชาติได้ว่าชาติก่อนเป็นเศรษฐีทำดีมาตลอดแต่ชาตินี้กลับมาเกิดเป็นทาสี เลยเหมือนเป็นเครื่องยืนยันคำพูดของคุณาชีวกเข้าไปอีก

แต่ปัญหาอยู่ตรงนี้ครับ สองคนนี้แม้จะระลึกชาติได้แต่ระลึกชาติมาได้ไม่ครบ เพราะอลาตเสนาบดีแม้จะเป็นคนฆ่าสัตว์แต่ก็เคยถวายดอกไม้บูชาเจดีย์ บุญเลยส่งผลก่อนบาป เลยได้มาเป็นเสบาดี ส่วนนายวีชกะนั้นชาติก่อนหน้านั้นเคยด่าพระ ซึ่งผลกรรมมาส่งผลในชาตินี้ กลายเป็นว่าพระเจ้าอังคติราชได้ความรู้และข้อมูลอ้างอิงแบบผิดๆ ไปพร้อมๆ กันเลย

วัดใหญ่อินทาราม จ.ชลบุรี

บทสรุปสุดท้าย หลังจากฟังคุณาชีวกพูดจบพร้อมได้อ้างอิงแบบผิดๆ มา พระเจ้าอังคติราชก็เลยเชื่อคำของคุณาชีวกจนสนิทใจ ทีนี้ก็บรรลัยสิครับ พอกลับมายังเมืองมิถิลา พระองค์ก็ทรงเสวยสุขแบบเต็มพิกัดชนิดที่ไม่สนใจบ้านเมืองใดๆ พระธิดาอย่างนางรุจามาเกลี้ยกล่อมก็ไม่สำเร็จ จนพระธิดาต้องขอให้เทวดามาช่วยและได้พระนารทพรหมมาช่วยเหลือจนหลุดจากความหลงผิดไปได้

วัดไพชยนต์พลเสพย์ จ.สมุทรปราการ

เห็นไหมครับ คุณลักษณะของคุณาชีวกนี่ดูแล้วแทบจะต่างอะไรกับพระบิดาเลย เพราะเป็นคนที่มีวาทศิลป์ พูดเก่ง โน้มน้าวใจคนเก่ง พูดอะไรใครก็เชื่อจนมีผู้ติดตาม มีสาวกผู้ติดตามได้ทั้งที่ไม่ใช่คนมีความรู้แต่สามารถทำให้คนเชื่อได้ว่าเป็นคนมีความรู้ได้ เรื่องนี้น่ากลัวนะครับ น่ากลัวมากๆด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมปัจจุบันที่ระหว่างศรัทธากับงมงายมีแค่เส้นบางๆเส้นเดียวกั้นเอาไว้ ถ้าก้าวผิดคุณจะหลุดไปอีกฝั่งนึงได้ไม่ยากเลย 

ซึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยให้เราไม่หลงเดินไปผิดทางก็คือ “กาลามสูตร” ครับ

กาลามสูตร หรือ เกสปุตตสูตร เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะที่อาศัยอยู่ ณ เกสปุตตนิคม มีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับหลักแห่งการเชื่อว่าด้วยการไม่เชื่อสิ่งใดอย่างงมงายโดยไม่ใช่ปัญญาพิจารณาให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสียก่อนแล้วจึงเชื่อ มีอยู่ทั้งสิ้น 10 ประการ ประกอบด้วย

1. อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา
2. อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
3. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำราหรือคัมภีร์
5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง
6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาดคะเนอนุมานเอา
7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ
8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตน
9. อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้
10. อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูเรา

ผมเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าทุกคนในสังคมของเรายึดหลักกาลามสูตรนี้เป็นที่ตั้ง เราจะไม่มีทางถูกใครหลอกเอาได้ง่ายๆแน่ๆ ลองดูแต่ละข้อสิครับ ถ้าเราพิจารณาทุกอย่างด้วยหลักการเหล่านี้ในทุกๆ ครั้ง เราก็จะไม่มีทางตกหลุมพรางของใครแน่ๆ

ดังนั้นผมขอแนะนำเลยครับ ยึด 10 ข้อนี้ไว้ รับรอง คุณจะไม่มีทางถูกหลอกอย่างแน่นอน

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า