fbpx

Sheltered แหล่งพักพิงของสัตว์ไร้บ้านและมนุษย์ขาจร

ปัจจุบันเวลาเราจะเดินไปไหนมาไหนก็มักจะเจอหมาแมวอยู่เต็มท้องถนน หากมองเผินๆ คงเป็นอะไรที่น่ารักน่าชังดี แต่ในการที่เราเจอสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ มันก็เป็นสัญญานอันตรายที่บ่งบอกถึงภาวะ “สัตว์ไร้บ้านเต็มเมือง” ได้ชัดเจนทีเดียว

และคำถามที่ตามมาอย่างไม่อาจเลี่ยงก็คือ “แล้วใครเป็นคนดูแลสัตว์เหล่านั้นกันล่ะ?”

Sheltered ภาพยนตร์สารคดีจากผู้กำกับชาวดัตช์อย่าง Saskia Gubbels ที่จะพาไปสำรวจหนึ่งในศูนย์พักพิงสัตว์ขนาดใหญ่ในอัมสเตอร์ดัม ที่เป็นทั้งศูนย์ฝึกและเลี้ยง ส่วนกลางที่จัดหาบ้านให้สัตว์ต่างๆ ตั้งแต่กระบวนการแรกเริ่มไปจนถึงตอนที่พวกสัตว์นั้นได้บ้าน ทั้งยังฉายภาพความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ความรักความเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ๆ มีต่อสัตว์ทั้งหลาย แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความเจ็บป่วยของสัตว์ก็กัดกำลังกินหัวจิตหัวใจของเจ้าหน้าที่ไปทีละน้อย

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในศูนย์พักพิงมีสัตว์หลากประเภทขนาดไหน เพราะ Sheltered จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องราวของหมา แมว กระต่าย และเรื่องราวก็ต่างกันตามธรรมชาติของสัตว์นั้นๆ อย่างในแผนกของหมา ก็จะมีตั้งแต่ตอนถูกรับเข้าศูนย์พักพิงและมาพร้อมความดุร้ายอย่างผิดปกติ จนค่อยๆ ถูกฝึกให้เข้าสังคม ประเมินความน่าจะเป็นในการถูกรับเลี้ยง และรอครอบครัวที่เหมาะสม ส่วนในแผนกของแมว ด้วยอุปนิสัยของเขาที่ไม่ค่อยเข้าสังคมอยู่แล้ว แม้บาดเจ็บก็ไม่แสดงอาการ เลยอาจไม่มีเรื่องราวที่หวือหวานัก แต่สำหรับคนรักแมว มันก็ไม่ได้เป็นภาพที่ดีนัก

อีกส่วนที่น่าสนใจและงดงามอย่างสุดๆ เลย คือในแผนกของ “กระต่าย” โคจรชีวิตของเขาไม่ได้มากมาย วันๆ ไม่ได้ทำอะไรนอกจากกิน (แต่สัตว์เลี้ยงมันก็แบบนั้นล่ะนะ) หนำซ้ำยังต้องมีคนคอยประคบประหงมอีก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติที่มองผ่านๆ มันไปก็ได้ แต่ซัสเกียนั้นมองลึกลงไปอีก เธอเลือกเล่าในมุมมองของผู้ดูแลกระต่าย “ใครกันที่มาดูแลกระต่าย” “กระต่ายวันๆ ไม่เห็นทำอะไรจะต้องดูแลอีกเหรอ?” “ต้องเป็นคนอย่างไรในงานแบบนี้” หลายคำถามที่เกิดขึ้น ณ ตอนที่ฉากแรกของกระต่ายและผู้ดูแลปรากฎขึ้นบนจอภาพยนตร์

และคำตอบสุดแสนจะเรียบง่ายจนคาดไม่ถึงคือ มันเป็นที่ “พักพิง” ภาพชินตาของเราคือ สัตว์ต้องพึ่งเราในการที่จะมีชีวิตอยู่ ต้องพึ่งเราถึงจะเดินตามถนนแล้วไม่อดตาย ซึ่งนั่นก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่ใครจะรู้ว่าสักมุมหนึ่งของสังคมก็ยังมี “มนุษย์” ที่ต้องพึ่งพา “สัตว์” เหล่านั้นเช่นกัน และ Sheltered ได้ฉายภาพของสัตว์ที่กลายเป็น “ที่พักพิง” ของมนุษย์ได้ในบางวาระ และในวาระเล็กๆ นั้นก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตใครสักคนได้เหมือนกัน ดั่งที่เจ้าหน้าที่กล่าวกับกระต่ายตัวหนึ่ง ว่า “ฉันดีขึ้นแล้ว แกก็จะดีขึ้นเหมือนกัน”

เส้นเรื่องทั้งสามจึงเกื้อหนุนกันอย่างงดงาม พร้อมด้วยความเรียบง่ายในการเล่าเรื่องและงานภาพที่แข็งแรง ทำให้ Sheltered ของซัสเกียไม่จำเป็นต้องตะโกนอะไรมากมาย เพราะนอกจากมันเป็นเรื่องสามัญทั่วโลกแล้ว เสียงหมา เสียงแมว กระทั่งเสียงแผ่วเบาของกระต่ายก็แผดดังขึ้นมาจนกังวาลไปทั่วโลก

แม้จะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแรงกล้าเพียงใด
หากยังเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะดำรงอยู่หรือสูญเสียก็บั่นทอนเราได้ทั้งนั้น

“อาชีพเฮงซวย” คำก่นด่ากับตัวเองของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในศูนย์พักพิงดังขึ้น ขณะเดียวกับที่ผู้เขียนก็คิดเหมือนกันว่าอาชีพนี้ช่างเลวร้าย เพราะนอกจากต้องรับมือกับการสูญเสีย พวกเขายังต้องประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับมือกับครอบครัวอุปถัมภ์ พฤติกรรมของสัตว์ที่เกินจะรับมือ กระทั่งการไม่สามารถหาบ้านให้สัตว์เหล่านั้นได้

Sheltered ได้ฉายภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อย่างเช่น แผนก Call Center ที่ต้องคอยรับสายครอบครัวอุปถัมภ์ทั้งหลาย ภาพเจ้าหน้าที่ วิ่งกันวุ่นเพราะว่าหมากัดกรงจนปากเลือดไหล กระทั่งแผนกประเมินพฤติกรรมสัตว์ ที่จะคอยดูความพร้อมของสัตว์นั้นๆ ว่าสามารถกลับเข้าสู่สังคมได้หรือยัง รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ อย่างเช่น “หมาตัวนี้ไม่ชอบผู้ชาย” “หมาตัวนี้เข้ากับหมาตัวอื่นไม่ได้เลย” ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้รับเลี้ยง มันยังแสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่อันล้นเหลือของเจ้าหน้าที่ๆ มีต่อสัตว์ทั้งหลาย

ในฐานะของเจ้าหน้าที่ รวมถึงคนที่ชมอยู่ภายนอกอย่างผู้เขียนเอง ก็ต่างรู้ว่าจุดหมายสูงสุดของงานคือ “สัตว์เหล่านั้นมีบ้าน” ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก มีสัตว์หลายตัวที่ไม่ได้บ้าน มีสัตว์หลายตัวไม่สามารถกลับเข้าสังคมได้อีกแล้ว มีสัตว์หลายตัวที่ต้องหวนคืนสู่ธุลี

ไม่ว่าจะแค่ได้เห็นหรือรับรู้การสูญเสีย การลาจากก็เป็นเรื่องยากที่จะทำใจ แม้ความตายจะเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต แต่ในตำแหน่งแห่งที่ของคนรักสัตว์และทำงานกับมัน ความยากลำบากทั้งทางกายและใจ ที่เกิดจากความสูญเสียนั้นคงรุนแรงขึ้นหลายเท่า มีสัตว์เป็นหมื่นแสนที่ผลัดกันเข้าออกศูนย์พักพิงสัตว์ทั่วโลก คล้ายเป็นวังวนความทุกข์ ที่เจ้าหน้าที่ในศูนย์ต่างต้องเจอ จะด้วยหน้าที่หรือมุ่งมั่นด้วยรักก็แล้วแต่ เขาเหล่านั้นไม่สามารถปฏิเสธมันได้ มีเพียงร้องไห้ ยิ้มรับ และก้าวเดินต่อเท่านั้นเอง

ท้ายนี้ ช่วงเวลา 1 ชั่วโมงกว่าของ Sheltered ไม่ได้บอกเล่าเพียงเรื่องราวของหมา แมว กระต่ายเท่านั้น มันได้เชื่อมโยงไปสู่โคจรของการมีชีวิต และการพักพิงต่อกันและกัน และ ณ ขณะหนึ่ง สิ่งสุดแสนจะงดงามก็คือ การไร้ซึ่งสัตว์เดรัจฉานหรือสัตว์ประเสริฐ และมีเพียงชีวิตกับชีวิต

และก็หวังว่าความงดงามที่ว่านั้นจะเกิดขึ้นในประเทศไทยสักวัน

Content Creator

Photographer

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า