fbpx

Hollywood Strike : การต่อสู้เพื่อกฎหมายควบคุม AI และสัญญาที่เป็นธรรม

      ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2023 เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในวงการฮอลลีวูด เมื่อคนทำงานกว่า 1.6 แสนคน พร้อมใจกันหยุดงานเพื่อประท้วงสตูดิโอและนายทุน จนกลายเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 63 ปี นับตั้งแต่ยุคของประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) 

      พวกเขาพร้อมใจหยุดงานโดยมีจุดประสงค์หลักคือขอแก้ไขสัญญาค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม สวัสดิการที่ควรครอบคลุมกว่านี้ รวมถึงผลกระทบจากการที่สตูดิโอหลายเจ้านำปัญญาประดิษฐ์มาใช้แบบไม่มีการตกลงชัดเจน ซึ่งเป็นการเรียกร้องความเป็นธรรมในประเด็นที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์

      หัวหอกการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีหลายองค์กรด้วยกันทั้งสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ (SAG) สหพันธ์ศิลปินโทรทัศน์และวิทยุแห่งอเมริกา (AFTRA) และสมาคมนักเขียนบทอเมริกา (WGA) ที่มีสมาชิกรวมกันหลักแสนคน พวกเขาเริ่มหยุดทำงานตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2023 ช่วงเวลานั้นผู้คนคิดว่าการประท้วงจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ แล้วก็จะต้องจบลงพร้อมความพ่ายแพ้ของแรงงาน เพราะผู้ประท้วงเหล่านี้ล้วนต้องกลับเข้าทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ

      กลายเป็นว่าการประท้วงในปีนี้ได้รับการตอบรับจากคนทำงานหลายกลุ่ม นักเขียนบท นักพากย์เสียง นักทำเพลง คนทำงานเบื้องหลัง สตันท์แมน ฯลฯ พวกเขาพร้อมใจกันหยุดทำงาน นัดกันเดินขบวนบ่อยครั้งจนการประท้วงยืดเยื้อนานกว่า 2 เดือน

      ข้อเรียกร้องของเหล่าคนทำงานในฮอลลีวูดครั้งนี้คือการขอให้สตูดิโอช่วยปรับฐานค่าแรงให้ได้มาตรฐาน สมเหตุสมผลกับเนื้องานที่ได้รับ ซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังประเด็นการเรียกร้องของสมาคมนักเขียนบทอเมริกาที่จะต้องตามแก้ปัญหาการเขียนบทของปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงการเรียกร้องสวัสดิการด้านต่างๆ ทั้งประกันสุขภาพ ระบบเงินบำนาญ ฯลฯ

      นอกจากสวัสดิการพื้นฐานที่พนักงานบางคนยังไม่ได้รับ ประเด็นความโปร่งใสด้านสิทธิประโยชน์ที่คนทำงานจะได้รับตามสัดส่วนผู้ชมในแพลตฟอร์มสตรีมมิง เนื่องจากบางสตูดิโอทำข้อตกลงกับคนเขียนบท นักแสดง หรือคนเบื้องหลังเรื่องการแบ่งกำไรจากยอดผู้เข้าชม ทว่าพอถึงเวลาประเมินส่วนแบ่งจริงๆ ค่ายหนังกลับไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขที่ชัดเจนเพื่อให้ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ สร้างความรู้สึกไม่เป็นธรรมกับคนทำงานไม่น้อย

      ประเด็นการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ก็ค่อนข้างได้รับความสนใจมากพอสมควร และส่งผลกระทบต่อหลายฝ่าย เพราะในแง่การเขียนบท เราได้เห็นการประท้วงของสมาคมนักเขียนบทอเมริกาที่หยุดงานเพื่อเรียกร้องให้สตูดิโอเลิกใช้ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์อย่าง ChatGPT เขียนบทซีรีส์และภาพยนตร์ หลังการเขียนของ AI ทำให้นักเขียนบทจำนวนมากต้องทำงานหนักขึ้น เพราะพวกเขาจำเป็นต้องแก้บทที่ไม่สมเหตุสมผลหรือบทซีรีส์เพี้ยนๆ ที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง 

      แน่นอนว่าการแก้บทย่อมทำให้นักเขียนได้รับค่าจ้างน้อยกว่าการสร้างสรรค์บทภาพยนตร์ขึ้นมาเอง การคอยตามแก้งานของ AI สร้างความไม่พอใจให้คนทำงาน รวมถึงประเด็นที่ว่าการเขียนบทของ AI ไม่ใช่การสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาใหม่ แต่เป็นการใช้คลังข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตแล้วยำรวมกันเป็นงานหนึ่งชิ้นที่เต็มไปด้วยความสุ่มเสี่ยงจะละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะระบบได้คัดลอกผลงานเก่าๆ ของมนุษย์ที่เคยทำไว้แล้ว จึงทำให้สมาคมนักเขียนบทอเมริกามองว่างานของ AI ไม่ใช่งานต้นฉบับ 

      นักแสดงที่ดูเหมือนมีอำนาจในการต่อรองกับสตูดิโอได้มากกว่านักเขียนบทหรือคนทำงานเบื้องหลัง ก็ประสบปัญหาเรื่อง AI เช่นเดียวกัน เห็นได้จากการที่สตูดิโอสร้างหนังหลายเจ้าเกิดไอเดียใหม่ พยายามใช้ AI คัดลอกใบหน้า ท่าทาง การพูด น้ำเสียง ไปจนถึงแอกติงการแสดงของเหล่านักแสดง ด้วยการจ่ายเงินขอก๊อบปี้ทั้งหมดที่ว่ามาเพียงแค่ครั้งเดียว แต่สตูดิโอจะมีสิทธิในการใช้ AI ของนักแสดงต้นแบบเพื่อสร้างสรรค์ผลงานอะไรก็ได้ตลอดไป 

      สมาคมผู้ผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์ (AMPTP) ที่มีตัวแทนเป็นสตูดิโอเจ้าใหญ่ทั้งดิสนีย์ (Disney), วอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Brothers), พาราเมานต์ พิกเจอร์ส (Paramount Pictures), ฟอกซ์ (Fox), เอ็นบีซี (NBC), เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ฯลฯ เคยพยายามชี้แจงว่าคำกล่าวหาของ SAG-AFTRA และ WGA ที่ว่าการก๊อบปี้ภาพลักษณ์นักแสดงแล้วจะใช้ AI ที่ว่านั้นตลอดไปไม่เป็นความจริง การใช้แบบจำลองดิจิทัลนักแสดงผู้เป็นต้นแบบในภาพยนตร์เรื่องใดก็ตาม ไปจนถึงการนำไปใช้งานด้านอื่นๆ จะต้องได้รับการยินยอมจากนักแสดงแล้ว และการจ่ายเงินเพียงครั้งเดียวที่ว่าก็เป็นการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำเท่านั้น

      ถึงแม้ AMPTP จะชี้แจงเรื่องค่าจ้างแล้ว แต่ตอนนี้โลกก็ยังไม่มีสัญญาที่ชัดเจน ไม่มีการวางกฎระเบียบที่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับการใช้ AI คัดลอกบางสิ่งบางอย่างจากนักแสดง จึงไม่แปลกที่หลายฝ่ายจะเกิดความกังวลและไม่ยินยอมให้สตูดิโอนำเสียง การพูด หน้าตา การแสดง แอกติงของตัวเอง ไปเทรนด์กับ AI เพื่อสร้างผลงานขึ้นใหม่ที่ลอกมาจากบุคคลที่มีตัวตนจริง 

      ความน่ากลัวของไอเดียนี้มีหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะกับบุคคลที่เป็นต้นแบบ AI ที่ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีที่มีแทบทุกอย่างคล้ายกับตัวเองจะถูกนำไปใช้กับอะไรบ้าง โดยเฉพาะกับสิ่งไม่คาดฝัน เช่น การแสดงออกทางการเมือง การใส่ร้ายป้ายสี การบิดเบือนข้อมูล การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล การกระทำอนาจาร หรือการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมาย 

      ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฝ่ายคนทำงานอย่าง SAG-AFTRA พยายามเจรจาหาทางออกร่วมกับตัวแทนฝ่าย AMPTP เพื่อดูว่าสตูดิโอจะสามารถใช้ AI ได้ถึงขั้นไหน ทว่าทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ และการประท้วงของเหล่านักแสดงชื่อดังจึงเริ่มเผยให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น 

      ขณะที่การประท้วงยังคงเกิดขึ้นเป็นประจำ มีครั้งหนึ่งที่ไมค์ มาสซา (Mike Massa) นักแสดงสตันท์แมน ผู้รับบทอันตรายแทน แฮร์ริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) ในภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones and the Dial of Destiny (2023) ร่วมขบวนประท้วงแล้วจุดไฟเผาตัวเองเพื่อแสดงจุดยืนว่าจะสู้ต่อไปจนถึงที่สุด ที่ถึงแม้การจุดไฟเผาตัวเองของเขาจะได้รับการตรวจสอบและดูแลด้านความปลอดภัยเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่เขาทำก็สร้างเสียงวิจารณ์และเสียงเชียร์ให้กับผู้คนที่ติดตามการเคลื่อนไหวของคนในวงการฮอลลีวูด

      เควิน เบคอน ( Kevin Bacon) นักแสดงชื่อดังวัย 65 ปี สวมเสื้อยืดที่มีข้อความว่า SAG-AFTRA STRONG เพื่อสนับสนุนจุดยืนของสหภาพนักแสดง รวมกับนักแสดงซีรีส์และนักแสดงภาพยนตร์อีกหลายคนในการประท้วง ณ กรุงนิวยอร์ก ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการเดินขบวนของนักแสดงคนอื่นๆ ในลอสแองเจลิส 

      การนัดหยุดงานของคนทำงานส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้ในช่วงที่เกิดการประท้วง กองถ่ายภาพยนตร์ทั้ง Deadpool 3 และ Mission: Impossible 8 ไม่สามารถทำงานได้ไปพักใหญ่ ไปจนถึงงานรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง Oppenheimer (2023) ที่ทีมนักแสดงทั้งคิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) แมตต์ เดมอน (Matt Damon) เอมิลี บลันต์ (Emily Blunt) ฟลอเรนซ์ พิว (Florence Pugh) ฯลฯ รวมถึงผู้กำกับอย่างคริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ก็วอล์กเอาต์จากงาน ปล่อยให้พรมแดงโล่งไม่มีคนเดิน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับทีมเบื้องหลังรวมถึงนักแสดง ซึ่งตัวของโนแลนเองก็ได้แสดงจุดยืนที่ไกลกว่า ด้วยการประกาศว่าเขาจะยังไม่สร้างผลงานใหม่ หากการประท้วงครั้งนี้ยังคงดำเนินอยู่ 

      โรบิน แพทเทอร์สัน (Robyn Patterson) โฆษกทำเนียบขาว ออกแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฮอลลีวูด โดยระบุว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน (Joe Biden) จะสนับสนุนการผลักดันสิทธิของแรงงานที่นัดประท้วงด้วยการหยุดงาน โดยหวังว่าทุกฝ่ายจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้โดยเร็ว

      สถานการณ์ในตอนนี้คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในช่วงปี 2007-2008 กับการประท้วงของคนทำงานในฮอลลีวูดที่ยาวนานกว่า 3 เดือน สร้างผลกระทบใหญ่ทางเศรษฐกิจของรัฐแคลิฟอร์เนียรวมมูลค่ากว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 7 หมื่นล้านบาท) ไปจนถึงการไร้คนทำงานมากกว่า 37,700 ตำแหน่ง 

      อย่างไรก็ตาม บ็อบ ไอเกอร์ (Bob Iger) ที่นั่งตำแหน่ง CEO ของดิสนีย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ถึงการเรียกร้องของคนทำงานภายใต้การนำของ SAG-AFTRA และ WGA นั้นเป็นไปได้ยากและ ‘ไม่สมเหตุสมผล’ 

      สตูดิโอรายใหญ่บางเจ้าอาจไม่ได้รู้สึกว่าการหยุดงานของมนุษย์เป็นปัญหามากนัก เห็นได้จากการที่เน็ตฟลิกซ์ประกาศจ้างทีมงานและผู้จัดการมาทำงานในแผนกดูแล Machine Learning ซึ่งเป็นเหมือนกับส่วนมันสมองของ AI รวมถึงจัดการระบบอัลกอริทึมของเน็ตฟลิกซ์ทั้งหมด ด้วยอัตราค่าจ้างที่สูงมากถึงปีละ 300,000-900,000 ดอลลาร์ 

      การจ้างมนุษย์มาควบคุมดูแล Machine Learning นั้น จะส่งผลโดยตรงต่องานสร้างสรรค์ของเน็ตฟลิกซ์เนื่องจากการทำงานและการวางแผนของบริษัทจะขึ้นอยู่กับ AI ทั้งการวางโครงเรื่องว่าซีรีส์เรื่องใหม่ควรมีทั้งหมดกี่ตอน กี่ซีซัน ไปจนถึงการนำ AI มาใช้วางแผนทางธุรกิจเพิ่มเติมอีกด้วย

      ตอนนี้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าการประท้วงของคนทำงานในฮอลลีวูดจะยืดเยื้อนานจนถึงสิ้นปี ท่ามกลางท่าทีของสตูดิโอหลายแห่งที่พยายามทำให้เห็นว่าองค์กรไม่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงมากนัก และยังไม่สามารถการันตีหรือชี้ชัดได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า จุดร่วมของทั้งสองฝ่ายที่สามารถตกลงกันได้จะออกมาในรูปแบบไหน 

อ้างอิง : bbc / fagenwasanni / thaipbsworld / reuters 2 / cnbc 2

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า