fbpx

“Psycho-Pass” การตัดสินชีวิตคนด้วยเทคโนโลยีและความยุติธรรมที่เหมือนไม่มีอยู่จริง

*มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของ Psycho-Pass Season 1*

หากกระบวนการยุติธรรมในปัจจุบันนี้ คือการที่จะต้องจับกุมผู้ที่กระทำความผิดไปเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาล และยอมรับกับบทลงโทษต่อไป แต่ในปี 2113 ที่โลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งเทคโนโลยีที่ค่อนข้างจะล้ำหน้าเพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม อาหารการกิน การตกแต่งบ้าน อยากได้แบบไหนก็แค่สั่งการไปที่เอไอประจำตัว การกำหนดอาชีพของผู้คนผ่านระบบการทดสอบ รวมไปถึงกระบวนการยุติธรรมถูกแทนที่ด้วยระบบการทำงานบางอย่างแทน

เรากำลังพูดอนิเมะที่เป็นที่พูดถึงอย่างมากในช่วงปี 2012 อย่าง “Psycho-Pass” ที่มีเรื่องราวฉากหลังเป็นประเทศญี่ปุ่นในช่วงปี 2113 ที่เข้าสู่ยุคสมัยของการพึ่งพาเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาไปอย่างล้ำหน้าไปมากๆ และมีระบบแกนกลางที่เรียกว่า “Sybil System” ระบบเอไอของรัฐบาลที่จะสามารถคัดกรองและแบ่งแยกคนดีออกจากคนชั่วได้ ผ่านการตรวจวัดค่าสภาพจิตใจหรือค่า Psycho-Pass โดยอาศัยนำเอาข้อมูลของประชาชนทุกคนมาเป็นตัวแปร ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัว อาชีพการงาน ประวัติการรักษา และข้อมูลยิบย่อยอื่นๆ ที่จะสามารถระบุความเป็นตัวตนของคนคนนั้นได้ ซึ่งเจ้าระบบนี้จะถูกติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง และคอยสอดส่องตรวจจับค่าสภาพจิตใจของผู้คนในเมืองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าหากว่า ใครที่มีตัวเลขของค่าสภาพจิตใจสูงกว่าคนปกติทั่วไปแล้วนั้น และระบบตรวจจับได้ บุคคลนั้นจะถูกส่งตัวเข้าไปบำบัดจิตใจทันที เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงในการก่ออาชญากรรมในอนาคต บางคนก็บำบัดได้จนค่าสภาพจิตใจเป็นปกติ และออกไปใช้ชีวิตได้เช่นเดิม แต่บางคนก็ไม่ได้ผล ก็ต้องบำบัดต่อไปเรื่อยๆ

การที่มี “Sybil System” เกิดขึ้นมาก็เปรียบเสมือนการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม การก่อเหตุอาชญากรรมลดน้อยลงไปจนแทบจะไม่มีเกิดขึ้นเลย แต่ทว่ามันก็ยังมีคนที่ท้าทายกับระบบ ก่อเหตุอาชญากรรมแสนโหดเหี้ยมเกินมนุษย์มนา ทำให้ต้องมีเจ้าหน้าที่จากกรมรักษาความสงบ ออกไปตามล่าเจ้าพวกคนชั่ว โดยการใช้โดมิเนเตอร์ อาวุธที่ใช้สังหารเป้าหมายที่มีค่าสภาพจิตใจสูงกว่าคนปกติและบ่งชี้ได้ว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง

แต่ว่าการสังหารอาชญากรร้ายแรงในทันที โดยไม่ผ่านการพิจารณาคดีเหมือนในยุคนี้ มันเป็นสิ่งที่ควรทำแล้วหรือ? เพราะว่ามีบางช่วงบางตอนที่อาชญากรร้ายแรงกำลังจะถูกสังหารโดยโดมิเนเตอร์ แสดงถึงความสำนึกผิดออกมา แต่ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว เพราะเมื่อเจ้าเครื่องสังหารนั้นล็อกเป้าหมายเมื่อไหร่ มีแต่จะต้องเกิดการสังหารเท่านั้น

ส่วนนี้ทำให้เห็นว่า โดมิเนเตอร์เป็นเครื่องมือที่มีอิทธิพลในการตัดสินชีวิตคนได้อย่างเด็ดขาด และผู้ถือครองมันก็ต้องทำตามมันอย่างปฏิเสธไม่ได้ มันแสดงให้เห็นถึงการที่มนุษย์เราพึ่งพาเทคโนโลยีที่มากจนการตัดสินใจของคนจริงๆ ไม่สามารถทำได้อย่างถูกต้อง เพราะในเรื่อง จะมีบุคคลหนึ่งที่แม้ว่าเขาจะฆ่าคนตายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ถือโดมิเนเตอร์เล็งไปที่เขาอยู่ ค่าสภาพจิตใจของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเลย และเจ้าเครื่องก็ไม่ทำงาน ไม่สามารถสังหารคนคนนั้นได้ ทั้งๆ ที่หลักฐานการทำความผิดประจักษ์ชัดอยู่ตรงหน้าแล้ว และทางการจะเรียกบุคคลนี้ว่า ผู้มีสภาวะนิรโทษ

จากเหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ที่เชื่อมั่นในเจ้าเครื่องโดมิเนเตอร์ก็เกิดคำถามขึ้นมาภายในใจเลยว่า “นี่มันคือความยุติธรรมแล้วจริงๆ หรือ”

จากเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลนั้น สิ่งที่สะท้อนออกมาได้อย่างเด่นชัดคือเทคโนโลยีมีบทบาทในชีวิตมนุษย์ในทุกส่วน ตั้งแต่การใช้ชีวิต ความปลอดภัย อาชีพที่ทำ จนคล้ายกับว่านี่อาจจะเป็นการปกครองแบบเผด็จการที่ถูกครอบไว้ด้วยระบบการทำงานต่างๆ ที่เข้าควบคุมชีวิตผู้คน ควบคุมความคิด ไม่ให้ตัดสินอะไรด้วยตัวเอง จนในที่สุดก็เกิดเป็นสังคมที่ถูกควบคุมโดยคนกลุ่มหนึ่งไปโดยปริยาย

ถ้าหากในอนาคตมี “Sybil System” แบบในเรื่อง Psycho-Pass เกิดขึ้นมาจริงๆ

จากภาพรวมทั้งหมดนั้น ทุกคนคงจะเห็นว่า เจ้า Sybil System นั้น มีข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเองที่คาดว่าจะสามารถหักล้างกันได้ ทั้งในด้านความสะดวกสบายในใช้ชีวิตประจำวัน ไม่รู้จะแต่งตัวยังไง หรือกินอะไร เพียงแค่เราป้อนคำสั่งไปที่เอไอประจำตัว มันก็จะคิดให้เราแบบอัตโนมัติ หรือในด้านการประกอบอาชีพ ที่เมื่อถึงอายุตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด ทุกคนจะต้องเข้าทดสอบทางด้านอาชีพ และ Sybil System ก็จะจัดหาอาชีพให้จากจำนวนคะแนนที่สอบได้ โดยจะไม่มีใครต้องเป็นคนว่างงานเลย ข้อดีตรงนี้ก็ถูกแลกด้วยระบบความคิดของผู้คนที่จะค่อยๆ ถูกทดแทนด้วยการใช้เอไอคิดแทน พอนานวันเข้า ทุกคนก็จะใช้ชีวิตแบบหุ่นยนต์ ไร้ความนึกคิดของตัวเอง ทำงานตามที่ระบบกำหนดไปวันๆ จนสิ้นชีวิต

ส่วนต่อมาในเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ที่จะมีมากขึ้นอย่างชัดเจน เพราะระบบได้ตัดสินและมีการควบคุมบุคคลที่คาดว่าจะก่อเหตุร้ายไปตั้งแต่ต้นแล้ว จำนวนอาชญากรรมลดก็จะลดน้อยลงไปมากๆ แต่ทุกคนอย่าลืมว่า ความปลอดภัยที่มากขึ้นนั้น จะถูกแลกด้วยความเป็นส่วนตัวที่หายไปทั้งหมด เราจะถูกสอดส่องจับตาดูจากรัฐบาลในทุกย่างก้าว และเราก็เรียกร้องในส่วนนี้ไม่ได้อีกด้วย เพราะรัฐบาลก็จะบอกว่า “เพื่อความปลอดภัยของทุกคน”

แล้วถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกสังคมแบบไหน?

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า