fbpx

“ZOM 100” ถ้างานจะหนักขนาดนี้ ยอมถูกซอมบี้กินดีกว่า

เชื่อว่าคนทำงานส่วนใหญ่มีความใฝ่ฝันที่อยากเติบโตในหน้าที่การงานของตัวเอง เพราะการเป็นคนเก่งมักจะถูกยอมรับในสังคมอยู่เสมอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นสื่อออนไลน์มีการนำเสนอเคล็ดลับหรือวิธีการสู่ความสำเร็จของบุคคลอื่น เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ได้ปฏิบัติตาม และกลายเป็นไม้บรรทัดวัดความสำเร็จอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทุกคนต่างก็อยากประสบความสำเร็จในแบบเดียวกัน

มาตรวัดความสำเร็จที่เป็นสูตรสำเร็จนี้ ก่อให้เกิดค่านิยมที่ปลูกฝังกันมานานอย่างการ “ทำงานถวายหัว” ด้วยเหตุที่ว่า หากอยากวิ่งตามความสำเร็จในสายอาชีพ ต้องทำงานให้หนักเข้าไว้ ยิ่งทำงานหนัก ยิ่งมากประสบการณ์ หลายคนจึงเลือกที่จะอุทิศชีวิตให้งานอย่างสุดโต่ง เช่น ทำงานแต่เช้ายิงยาวจนดึก หอบงานจากออฟฟิศมาทำต่อที่บ้าน เช็คมือถือตลอดเวลา หรือแม้วันหยุดก็ยังทำงาน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้แสดงให้ถึงการทำงานหนักเกินไปจนทำให้เสียสมดุลในชีวิต

คำกล่าวที่ว่า “งานหนักไม่เคยฆ่าใคร” อาจเป็นเพียงอุบายที่ทำให้คนทุ่มเทกับงานจนตัวตายเพื่อผลลัพธ์การทำงานที่ดี ทว่าในความเป็นจริงนั้น ทุกปีมีพนักงานจำนวนมากเสียชีวิตจากการทำงานหนัก องค์การอนามัยโลก ได้เผยผลสำรวจจากทั่วโลกในปี 2016 พบว่ามีคนกว่า 745,000 คน เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจขาดเลือด เนื่องจากการทำงานหนักเกินไป ซึ่งพบในประชากรที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

หากพูดถึงวัฒนธรรมการโหมงานอย่างหนักจนคร่าชีวิตคนเป็นจำนวนมาก เรามักจะนึกถึงประเทศญี่ปุ่น ที่ถึงขั้นมีการบัญญัติอาการเหล่านี้ว่า Karoshi Syndrome หรือ ‘โรคคาโรชิ’ ซึ่งหมายถึงการทำงานหนักเกินไปจนนำไปสู่ความตาย โรคนี้ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี 1970 หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในยุคนั้น ชาวญี่ปุ่นมีค่านิยมการทำงานหนักเพื่อช่วยกันฟื้นฟูประเทศชาติ และวัฒนธรรมดังกล่าวก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมการทำงานของคนญี่ปุ่นที่สืบทอดต่อกันมาหลายยุคสมัย 

นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์และซีรีส์หลายเรื่องที่ตีแผ่ชีวิตการทำงานหนักของชาวญี่ปุ่น หนึ่งในนั้นก็คือเรื่อง ‘ZOM 100: Bucket List of the Dead’ การ์ตูนแอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่ว่าด้วยเรื่องการทำงานของ ‘เท็นโดะ อากิระ’พนักงานหนุ่มไฟแรงที่ทุ่มเทให้กับการทำงานในบริษัทที่ใฝ่ฝัน ทว่าบริษัทแห่งนี้กลับเป็นบริษัทมืด (Black Company) ที่เอารัดเอาเปรียบจนทำให้เขาไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม แต่แล้ววันหนึ่งเกิดเหตุซอมบี้บุกโลกแทนที่เขาจะตกใจ กลับตระหนักขึ้นได้ว่าไม่ต้องไปทำงานอีกต่อไปแล้ว 

แน่นอนว่าเมื่อเราตัดสินใจเลือกเดินบนเส้นทางอาชีพใดอาชีพหนึ่ง ภาพฝันที่ทุกคนปรารถนาคือการได้เข้าไปอยู่ในบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านนั้นโดยเฉพาะ รวมถึง ‘อากิระ’ ตัวละครหลักใน ZOM 100 ที่ได้เริ่มต้นทำงานฝ่ายผลิตโฆษณาในบริษัทที่เขาใฝ่ฝัน แต่กลับพบความจริงว่าเป็นบริษัทที่กดขี่พนักงาน โดยตั้งแต่วันแรกของการทำงาน เขากลับต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ จากโลกที่เคยคิดว่าสดใส กลายเป็นสีหม่นเทาไปซะงั้น

แม้บริษัทจะมีสวัสดิการให้กับพนักงาน อย่างเช่น วันหยุดพักร้อนประจำปี หรือ วันหยุดครอบครัว แต่กลับไม่มีพนักงานคนไหนได้ใช้วันหยุดเหล่านี้เลย เหตุเพราะต้องทำงานหนักติดต่อกันหลายวัน แม้ข้าวเย็นก็ต้องกินที่บริษัท ความตึงเครียดเหล่านี้ทำให้อากิระได้เห็นการเติบโตที่บิดเบี้ยวในหน้าที่การงาน ผ่านบทสนทนาของเพื่อนร่วมงานที่พากันอวดชั่วโมง OT ของตัวเอง คนไหนมีมากกว่า 200 ชั่วโมงต่อเดือน จะดูเป็นคนเก่งขึ้นมาทันที

ยิ่งกว่านั้น เจ้านายของอากิระยังเป็นคนที่มีอำนาจในมือมากพอที่จะสั่งลูกน้องให้ทำตามคำสั่ง ด้วยน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจนทำให้ลูกน้องบางคนถึงกับทนไม่ไหว ซึ่งอากิระก็โดนกระทำในแบบเดียวกัน จนกลายเป็นภาพจำที่ฝังในใจ แม้ในขณะที่หลับ เขาก็ยังนึกถึงเสียงของหัวหน้า

อากิระได้ทำงานอยู่ในบริษัทนี้นานถึง 3 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้สูญเสียเวลาส่วนตัวและจิตวิญญาณในการใช้ชีวิตไปอย่างหดหู่ สภาพร่างกายที่มีเพียงความเหนื่อยล้า ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร แม้แต่การทำความสะอาดห้อง หลังจากทำงานจนดึก เขาประทังชีวิตที่สิ้นหวังนี้ด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพียงถ้วยเดียว บ่อยครั้งที่เขาวูบหลับไปด้วยความคิดที่ว่า “พรุ่งนี้ไม่อยากตื่นมาทำงานเลย”

“เรายังทำงานที่นี่ทำไมเนี่ย ควรหาที่อื่นดีไหม” อากิระถามตัวเองถึงการลาออก ซึ่งคำตอบที่ได้คือ การทำงานหนักทำให้เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะหางานใหม่ อีกทั้งเขามีความคิดว่า หากลาออกไป เพื่อนในทีมก็ต้องทำงานเพิ่ม ทำให้เขามีคำปลอบใจตัวเองสั้นๆ ว่า “วงการนี้ยังมีบริษัทที่แย่กว่าเราอีกเยอะ” สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงของคนที่กำลังเผชิญปัญหาในการทำงาน แต่ไม่กล้าที่จะลาออกเพราะรู้สึกสงสารเพื่อนร่วมงาน และมีความกลัวที่จะเปิดรับความท้าทายใหม่ๆ จนทำให้ลดคุณค่าในตัวเองและเลือกที่จะอดทนกับการทำงานที่เป็นพิษแบบนี้ต่อไป

เหตุซอมบี้บุกโลกอย่างปริศนา กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของอากิระ ทำให้เขาได้รับอิสรภาพจากการทำงานหนัก โลกที่หม่นเทากลับเป็นสีสันสวยงามอย่างไม่เคยมีมาก่อน เขาได้ปลดแอกการเป็นพนักงานบริษัทโดยสมบูรณ์ พร้อมเปิดโอกาสให้ตัวเองออกไปทำในสิ่งที่อยากทำในโลกของซอมบี้

การทำงานหนักของอากิระในเรื่อง ZOM 100 พูดกันตามตรงว่า หากไม่มีเหตุการณ์ซอมบี้บุกโลก เป็นไปได้ที่อากิระจะยังคงเป็นพนักงานต่อไปเรื่อยๆ โดยที่เราอาจไม่รู้ว่าเวลาชีวิตที่เหลือของเขาจะอุทิศให้กับงานได้สั้นหรือยาวนานแค่ไหน ซึ่งในอนิเมะเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าโลกการทำงานที่เป็นพิษนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าโลกในซอมบี้เสียอีก

“เรากำลังทำงานหนักประหนึ่งซอมบี้หรือเปล่า”

“เรากำลังทำงานในบริษัทราวกับโลกซอมบี้หรือเปล่า”

อย่างไรก็ตาม แม้โลกความจริงยังไม่มีซอมบี้บุกโลกอย่างที่เราเห็นกันในซีรีส์ แต่ชีวิตจริงนั้น ซอมบี้อาจเป็นตัวเราที่กำลังทำงานหนักพร้อมร่างไร้วิญญาณ หรือแม้กระทั่งบรรยากาศการทำงานที่ล้อมรอบไปด้วยคนที่เป็นพิษราวกับอยู่ในโลกของซอมบี้ ที่พร้อมจะกัดกินจิตวิญญาณของเราเช่นกัน ต้องกลับมาถามตัวเองว่า เราจะยอมให้การทำงานแบบนี้ กัดกินเราจนกลายเป็นซอมบี้จริงหรือ?

ที่มา: wired.co.uk

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า