fbpx

What Happened เขาคุยอะไรกัน ? (8 มีนาคม 2566)

เคยมั้ย เวลาเข้าไปทวิตเตอร์ กดดูเทรนด์โลก แล้วนั่งสงสัยอยู่หน้าจอว่าไอ Hashtag ที่เขากำลังคุยกันนี่มันคือเรื่องอะไร น่าสนใจตรงไหน และมันเป็นเทรนด์ได้ยังไงกัน?

The Modernist ขออาสาไขข้อสงสัยให้คุณ กับ What Happened คอนเทนต์ที่เล่นกับกระแส Hashtag ที่น่าสนใจ หยิบมาเล่าให้ฟังง่ายๆ 5 เรื่อง เพื่อให้คุณตามเทรนด์ให้ทัน ไม่ต้องไล่อ่านเพื่อทำความเข้าใจ เพราะเราสรุปมาให้แล้ว

มาดูกันว่าเมื่อวานนี้มี Hashtag อะไรน่าสนใจกันบ้าง

#Patrickananda

ส่งไม้ต่อ? #patickanada เมื่อมีหญิงสาวรายหนึ่งได้โพสต์สตอรี่ไอจีส่วนตัวของตนว่า “เราขออนุญาตใช้พื้นที่ของเราพูดความจริงที่เกิดขึ้น ตลอดระยะเวลา 2 กว่าๆ ปีที่ผ่านมา แพรททริกเขาให้ความหวังเรามาตลอด อีกทั้งเรายังโดนกระทำทั้งร่างกายและจิตใจ จนเราต้องไปเข้าโรงพยาบาล เราไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว เราโดนกระทำมามากพอแล้ว” พร้อมกับรูปภาพนิ่งที่เป็นภาพของหนุ่ม ‘แพทริค อนันดา’ นักร้องหนุ่มชื่อดัง ดาวรุ่งมากความสามารถ 

แถมยังมีคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่แท็กไอจีของหนุ่มแพทริค พร้อมใจความว่า “l’m so sorry but every fan glub should know how he did to me” เมื่อทั้งรูปและวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ไปได้ไม่นาน #patickanada ก็ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์มาอย่างรวดเร็ว 

จนรู้ว่าผู้หญิงที่โพสต์ข้อความกล่าวถึง คือแฟนเก่าของหนุ่มแพทริค ที่เลิกกันไปสักพักใหญ่ พร้อมกับความสงสัยของชาวเน็ตว่า เรื่องนี้คือเรื่องจริงแน่หรือ?

เพราะเคสนี้ไม่ได้มีหลักฐานที่สามารถมัดตัวได้ว่า “แพทริค” เป็นผู้กระทำผิดจริง อีกทั้งมียังชาวเน็ตบางส่วนมองว่ารูป และคลิปวิดีโอสั้นๆ ไม่สามารถตัดสินได้ว่าเขากำลังทำร้ายผู้หญิงคนนี้อยู่

ทำให้มีเสียงแตกกันเป็น 2 ฝ่ายที่ทั้งเชื่อว่าทำ และไม่เชื่อ และแสดงความคิดเห็นว่า “ถ้าทำจริงๆ คงไม่อยากฟังเพลงของเขาอีก” และ “หลักฐานดูน้อนไปยังไม่ปักใจว่าทำจริงมั้ย คลิปสั้น 2 วิ ก่อนหน้าเกิดอะไรขึ้นบ้างไม่รู้ ไม่อยากให้ซ้ำรอยแบบรอบเคสเก่าก่อนๆ ที่ผ่านมา”

ซึ่งเมื่อวานนี้ทางต้นสังกัด ได้ออกมาประกาศว่า “จากเหตุการณ์ที่เป็นกระแสใน Social เกี่ยวกับ Patickanada ศิลปินในสังกัด D.U.M.B. Recordings ขณะนี้ทางต้นสังกัดได้พูดคุยกับศิลปิน และรับทราบข้อมูลที่เกิดขึ้น” และ “จะจัดการแถลงข่าว ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2566 นี้ เวลา 16.00 น.”

โดยในการแถลงข่าวครั้งนี้แพทริคได้อธิบายในหลายๆ ประเด็น ทั้งประเด็นเรื่องของการทำร้ายร่างกาย ว่าจริงๆ แล้วไม่เคยใช้ความรุนแรงกับใคร และขอปฏิเสธในประเด็นนี้ หรือประเด็นการให้ความหวังกับฝ่ายหญิง ซึ่งแพทริคเองได้กล่าวขอโทษออกไป รวมถึงประเด็นเรื่องของการทะเลาะเบาะแว้งกัน ว่ามีการทะเลาะกันจริง แต่แค่มีปากเสียงกัน ไม่ได้ถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน และเขาก็ยังคงมีความรัก และห่วงใยต่อฝ่ายหญิงเหมือนเดิม

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.dailynews.co.th/news/2071157/

#อัสนีวสันต์

อัสนี-วสันต์’ คือสองพี่น้องผู้ก้าวเข้ามาขับเคลื่อนวงการเพลงกว่า 37 ปี เริ่มต้นตั้งแต่การได้เข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ช่วงปีพ.ศ. 2517 และได้รางวัลชนะเลิศจากประกวดดนตรีโฟล์คซอง และเป็นใบเบิกทางเข้าสู่วงการเพลงครั้งแรกจากการทำวงอีสซึ่น ก่อนจะทำเพลงร่วมกันเพียง 2 คนจริงๆ จังๆ ในปี 2529 ในชุด ‘บ้าหอบฟาง’ ของไนต์สปอตโปรดักชั่น และเข้าสู่สังกัดแกรมมี่ในปีต่อมา

ตลอดเวลาการสังกัดในแกรมมี่ อัสนี-วสันต์มีผลงานเพลง และสตูดิโออัลบั้มที่น่าจดจำมากมาย จากลีลา และความเก๋าในแนวทางของเพลง ที่ทำให้ทั้งผลงานของเขาทั้งคู่ไม่มีวันตาย

ไม่ว่าจะเพลง ‘รักเธอเสมอ’ ที่ไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน ผู้คนก็ร้องตามได้เสมอ โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเกิดทันกันหรือเปล่า หรือเพลง ‘กรุงเทพมหานคร’ ที่เป็นหนึ่งเพลงแบบอย่างให้การศึกษาไทย ว่าถ้าจะหาวิธีจำชื่อเต็มของเมืองหลวง ก็ให้ร้องเพลงนี้ทั้งท่อน แล้วจะจำได้โดยอัตโนมัติ

แม้เวลาจะผ่านเลยมากว่า 37 ปี แต่ความเก๋า ความเท่ของทั้งสองคนก็ยังไม่เคยลดลง พวกเขายังคงเดินทางขับเคลื่อนวงการเพลงไปข้างหน้าอยู่เสมอๆ ตั้งแต่การเปิดค่ายสหภาพดนตรี ในปี พ.ศ. 2554 ร่วมกับ ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค, โอม-ชาตรี คงสุวรรณ และจุ๊บ-วุฒินันต์ ภิรมย์ภักดี

รวมถึงการปล่อยเพลงใหม่ๆ ให้แฟนๆ ได้ติดตามอยู่เป็นระยะๆ ที่ถึงแม้ว่าจะปรับวิธีการเผยแพร่จากเป็นอัลบั้ม ให้กลายเป็นซิงเกิ้ลๆ แล้วก็ตาม แต่คุณภาพของผลงานก็ยังคงความเป็นเขาทั้งคู่ได้อย่างเต็มเปี่ยม

ล่าสุด ‘หนีกรุง คอนเน็ค’ ผู้จัดผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดงานคอนเสิร์ต ได้ดึงตัวทั้งสองคนมาขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งในรอบ 2 ปีกว่าๆ กับ ‘คอนเสิร์ต 37 ปี อัสนีและวสันต์’ ที่จะจัดขึ้นในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ และเมื่อไม่กี่วันมานี้ก็เพิ่งจะขายบัตรหมดไปในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น

เก๋าอย่างยืนยงคงกระพันจริงๆ

จนทำให้ในผู้ใช้งานทวิตเตอร์ติด #อัสนีวสันต์ กันเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งมีทั้งมาลงขายบัตร หรือตามหาบัตรที่มีคนลงขายเอาไว้ รวมถึงมีผู้ใช้งานมาบอกเล่าประสบการณ์การกดบัตรของตัวเอง ที่คุณพ่อคุณแม่ คุณลุงคุณป้า รุ่นพี่ที่ทำงาน ฝากกดให้ ซึ่งพอนึกไปก็น่ารักดี เพราะผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องกดซื้อบัตรให้ทันในยุคนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นกลุ่มคน Gen Y Gen Z ที่ผ่านสมรภูมิกดจอรอคิวซื้อบัตรแบบนี้มาแล้วอย่างโชกโชน

หรือแม้กระทั่งมาตามหาบัตรเพื่อสานฝันที่จะให้แม่ได้ไปดูคอนฯ อปป้าป้อม และอปป้าโต๊ะ ก็มีเหมือนกัน น่ารักดีอย่างที่บอกไปจริงๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก :

#789FIRSTSTAGE

‘789’ คือชื่อของการแข่งขัน Survival ครั้งใหม่ภายใต้การดูแลของ ‘ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์’ ที่เริ่มต้นจากการหาเด็กฝึก หรือ ‘Trainee’ มาร่วมประชันผ่านเสียงร้อง การแร็ป และการเต้น เพื่อเดบิวต์เป็นศิลปินไอดอลชายกลุ่มใหม่ของไทย โดยเปิดรับสมัครออนไลน์ไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึงเดือนกันยายนเมื่อปีที่แล้ว เพื่อค้นหาผู้สมัครที่น่าสนใจจากทางบ้าน 10 คน ไปเข้าร่วมการแข่งขันกับเด็กฝึกของทางค่ายที่มีอยู่เดิมอีก 14 คน

ระหว่างการรับสมัคร ก็มีการเปิดเผยเด็กฝึกอยู่เนืองๆ ด้วยเช่นกัน ที่ทำให้แฟนๆ ได้ติดตามไลฟ์สไตล์ และชีวิตประจำวันว่าพวกเขาทำอะไร อยู่ที่ไหนกันบ้าง

จนกระทั่งวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางเพจ ‘789 Trainee’ ได้โพสต์เพื่อเชิญชวนให้แฟนๆ ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทำ first stage ผ่านการลงทะเบียนเลือก Trainee ที่ชอบ 1 คน จาก 24 Trainee และผู้โชคดีจะถูกสุ่มรายชื่อขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ที่ถือได้ว่าการได้เป็นผู้โชคดีย่อมจะได้เห็นศักยภาพครั้งแรกจริงๆ รวมถึงสิ่งที่ผู้ชมกำลังจะได้เห็นครั้งแรกนั้นก็ยังเป็นการแสดงสดต่อหน้าผู้ชมจริงๆ ครั้งแรกเช่นเดียวกัน

ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคมเป็นต้นมา เหล่าแฟนๆ ที่มีโอกาสได้เข้าร่วมถ่ายทำสเตจครั้งแรกของรายการนี้ ก็ต่างรวมตัวกันติด #789FIRSTSTAGE เพื่อบอกเล่า และรีวิวประสบการณ์การถ่ายทำสดๆ รวมถึงรีวิวผลงานของเด็กฝึกที่ได้แสดงบนเวทีครั้งแรกนี้อีกด้วย ว่าพวกเขาเหล่านี้มีของกันมากแค่ไหน และยิ่งทำให้แฟนๆ ที่ไม่ได้ไปร่วมต่างตั้งตารอการมาถึงของวันออกอากาศจริง เพื่อจะได้รับชมผลงานการแสดงของพวกเขาอย่างเต็มรูปแบบ

ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันอีกครั้งถึงวันออกอากาศจริงของรายการ แต่ถ้าให้พูดไป แค่การถ่ายทำครั้งแรก ผู้คนก็ส่งแรงเชียร์แรงใจให้ Trainee กันขนาดนี้แล้ว ก็ยิ่งถือว่าเส้นทางข้างหน้าทั้งตัวรายการ และผลลัพธ์อย่างวงไอดอลชายกลุ่มใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ย่อมสว่างสดใส และเป็นที่สนใจของสังคมอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก :

#หุ่นพยนต์

หุ่นพยนต์ หนังสยองขวัญเรื่องล่าสุดจากไฟว์สตาร์ ผลงานการกำกับโดย ไมค์ ภณธฤต ได้จัดการฉายรอบกาล่าไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา และเดิมจะเข้าฉายให้คนไทยทั้งประเทศได้ชมกันในวันนี้ (9 มีนาคม) แต่ล่าสุดทางแฟนเพจของหุ่นพยนต์ได้มีการโพสต์ว่าจะเลื่อนการฉายออกไป เนื่องจากจะมีการปรับแก้ไขหลังจากที่ได้รับเรท ฉ.20  เพื่อที่จะให้ได้เรทที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้ชม

โดยในตอนแรกหนังเรื่องนี้ได้รับเรทห้ามฉาย แต่หลังจากการปรับแก้แล้ว ก็ได้รับเรท ฉ.20 มา เพราะมีเนื้อหาที่กระทบต่อศาสนา ซึ่งเป็นเรทที่ต้องตรวจบัตรประชาชน และห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าชม ซึ่งหากเรามองไปที่นักแสดงนำของเรื่องนี้กันแล้วก็จะเห็นว่าเป็นนักแสดงวัยรุ่น ทำให้กลุ่มเป้าหมายของเรื่องนี้อาจยังมีกลุ่มวัยรุ่นหรือบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีอยู่ด้วย 

ในแง่ของการที่บอกว่าหนังเรื่องนี้มีผลกระทบต่อศาสนานั้น หลายคนที่ได้เข้าไปดูในรอบกาล่าแล้ว มีความเห็นว่า ตัวหนังจะเน้นไปที่ความเชื่อมากกว่า เรื่องประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศาสนานั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่เอามาแตะเท่านั้น การที่บอกว่าหนังเรื่องนี้จะไปทำลายศาสนานั้นเป็นแนวคิดที่เซนซิทีฟเกินไป

อีกทั้งยังเป็นการดูถูกผู้บริโภคว่าไม่มีความคิดความอ่าน ไม่สามารถพิจารณาได้เองอีกด้วย การทำแบบนี้จะยิ่งทำให้วงการหนังของไทยไม่เติบโตไปไหนและไม่มีใครกล้าหยิบเรื่องราวใหม่ๆ มาเล่า

ล่าสุดเมื่อวานนี้ สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยก็ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการใช้อำนาจของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ ในการตัดทอนเนื้อหาและแบนภาพยนตร์ และเรียกร้องให้มีการปฎิรูปกฎหมายภาพยนตร์เพื่อคืนสิทธิเสรีภาพในการผลิตและรับชมภาพยนตร์ให้กับประชาชน ผ่านช่องทางเพจของสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย

หลายคนที่ตั้งตารอหนังเรื่องนี้กันจนดันแฮชแท็ก #GalaPremiereหุ่นพยนต์ ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ในวันที่มีการฉายรอบกาล่านั้น ต่างก็ต้องผิดหวังไปตามๆ กันที่หนังถูกเลื่อนฉายออกไป และหันมาติดแฮชแท็ก #หุ่นพยนต์ พูดถึงการเซนเซอร์หนังของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ และสิทธิเสรีภาพที่ถูกปิดกั้นในการเสพสื่อของประชาชนคนไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก :

#แมนสรวง

แมนสรวง’ คือชื่อของหนังพีเรียดวายแนวใหม่ผลิตโดย ‘Be On Cloud’ ค่ายน้องใหม่มาแรงที่ก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จไปกับโปรเจกต์ Kinnporsche the series ที่พาหนุ่มๆ ในค่ายไป WorldTour Concert ในหลายๆ ประเทศ

กลับมารอบนี้จึงยิ่งใหญ่กว่าเดิม กับภาพยนตร์พีเรียดแนวใหม่ที่จะเล่าในเรื่องของตัวละครชาย ที่อยู่ในยุคการแสดงแบบละครนอก นำแสดงโดย มาย ภาคภูมิ, อาโป ณัฐวิญญ์, บาส อัศวภัทร์ และต๋อง ธนายุทธ มาในชื่อเรื่อง ‘แมนสรวง’

กว่าทางค่ายจะปล่อยชื่อเรื่องมาได้นั้น ก็ทำเอาแฟนคลับเดาพล็อตเรื่องกันไปต่างๆ นาๆ ที่ทางค่ายไม่หลุดสปอยมาให้สักนิดเลยว่าในตัวภาพยนตร์นั้นจะไปในรูปแบบทางไหน มีเพียงแค่ภาพที่ทำเอาชาวเน็ตคาดเดากันอย่างไม่หยุดหย่อน แถมตัวนักแสดงแฟนๆ ก็เดากันว่าอาจจะมีเพื่อนในค่ายนั้นมาแจมเพิ่มอีกรึป่าว

โดยการันตีความหน้าดูขึ้นไปอีก เมื่อ “ปอน กฤษดา” ผู้บริหารค่าย Be On Cloud ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงสตอรี่ส่วนตัวใจความว่า “แมนสรวงเป็นภาพยนตร์ที่ทั้งทีมงานและนักแสดงทุกคน เตรียมการกันมานานและหนักมาก เรามี story board  ทุกซีน มีภาพในหัวชัดมาก แต่วันนี้ ผ่านไป 2 คิวแล้ว เราทุกคนพูดตรงกันว่า งดงามและน่าดูกว่าภาพในหัวเราอีก” 

ยิ่งทำให้แฟนๆ รอกันไม่ไหว และเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องออกมาปังแน่ๆ อดใจรอกันได้เดือนสิงหาคม ‘แมนสรวง’ มาแน่

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://mobile.daradaily.com/news/123591

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า