fbpx

คิงส์-ชนาวิทย์ จากชายที่เคยทิ้งความฝัน สู่การเป็นศิลปิน 200 ล้านวิว

ยังอ่านมันทุกข้อความ เว้นตอนจบของมัน

“ผมเขียนมันเป็นท่อนแรก เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมเขียนทั้งหมดก่อนที่จะไปประกวดซะอีก ผมเลยอยากให้เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ทุกคนจำผมได้ในฐานะศิลปิน” พี่คิงส์-ชนาวิทย์ อยู่สะอาด เล่าย้อนกลับไปถึงวันแรกที่เขาก้าวเท้ามายืนในวงการดนตรี ถึงวันที่ตัดสินใจเลือก ‘หนังสือเล่มเก่า’ มาเป็นบทเพลงเปิดตัวของเขา

แม้วันนี้พี่คิงส์เป็นหนึ่งในศิลปินที่ผู้คนหลงรักและมีแฟนคลับมากมาย แต่เบื้องหลังความสำเร็จนั้นเต็มไปด้วยความพยายามและความเจ็บปวดจากการถูกลิดรอนความฝันทั้งจากคนรอบตัวและจากสังคม ที่บีบบังคับให้ทุกคนละทิ้งความหวังในการทำตามใจ เพื่อมองหาอะไรก็ตามที่ได้รับการยอมรับมากกว่า  

“แต่ผมก็อยากให้ทำตามความฝันนะครับ เชื่อเถอะว่ามันไปด้วยกันได้ ตอนนี้คุณอาจต้องอยู่กับความจริง แต่อย่าทิ้งความฝันที่มีไป”

เราขอเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเดินทางไปกับประสบการณ์และทำตามฝันไปด้วยกันกับพี่คิงส์ ตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน

ย้อนวันวานในวัยเยาว์

ตอน ป.3 วิชาดนตรี ตอนนั้นเรียนเป่าขลุ่ย ผมว่ามันสนุกดี ก็เลยกลับไปเป่าเล่นเองที่บ้าน หลังจากนั้นผมได้คำแนะนำจากครูให้ไปเข้าวงดุริยางค์ ชมรมดนตรีสากล เข้าไปก็ได้เล่นทรัมเป็ต แต่ตอนนั้นเราก็มั่วเครื่องนะ เล่นไปเรื่อยเลย ทำให้เราได้รู็จักกับเครื่องดนตรีหลายๆ เครื่อง หลังเลิกเรียนก็ไปอยู่ที่ชมรมตลอดเลย แต่พอช่วงมัธยมย้ายโรงเรียนก็ไม่ได้อยู่วงดุริยางค์แล้ว ก็เลยเริ่มเล่นเครื่องดนตรีอื่น ตอนนั้นเล่นกีต้าร์เพราะเล่นที่บ้านได้ ตอนเข้ามัธยมเราได้ทุนการศึกษา ก็เอามาซื้อกีต้าร์ หัดเล่นเองบ้าง ปรึกษาพ่อบ้างเพราะเขาเล่นเป็น ตอนนั้นยังไม่คิดจะเอามาเป็นอาชีพนะ เล่นด้วยความชอบล้วนๆ เลย

เคยมีวงตอน ม.3 เป็นวงแรกเลยที่ทำร่วมกับเพื่อนๆ 4-5 คน จำได้ว่าชื่อวงคือ Maker Believe เป็นวงร็อก แล้วก็เคยไปประกวดอยู่งานนึงที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นผมเป็นนักร้อง ร้องเพลงชีวิตเป็นของเรา (Bodyslam) แต่เสียงไม่ได้เลย เหมือนไปแหกปากอยู่บนเวที แต่งวงอื่นเขาเล่นดีมาก

แล้วก็เคยทำวงตอน ม.ปลาย ชื่อ Unseen เป็นวงที่ประสบความสำเร็จในสายประกวด แล้วก็เป็นวงที่มีภาพลักษณ์แบบเมทัล

พอเข้าช่วงมหาลัย ต้องบอกว่ายุคของผม ผู้ใหญ่เขามองว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน เป็นศิลปินไส้แห้ง ทำเป็นงานจริงจังไม่ได้หรอก ตอนเข้ามหาลัยก็เลยไปเรียนการตลาด คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ มันก็โอเคนะ ได้เรียนรู้หลายอย่างที่เป็นประโยชน์ สนุกดีนะ แต่จริงๆ เราก็ยังรักดนตรีอยู่ เราก็ยังเล่นดนตรีคนเดียวมาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ออกไปเล่นที่ไหนเลย เรียกว่าพักเรื่องดนตรีไปเลยครับช่วงนั้น พอเรียนจบมาก็มาทำงานการตลาด เป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดให้กับบริษัทอาหารเสริมแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเราห่างจากดนตรีจนคิดว่ามันคงจบแล้วหรือเปล่า ความฝันของเรามันเริ่มจางหายไป

The Artist Contest

The Artist Contest เป็นรายการของคนร้องเพลงนะ แต่เราเริ่มจากการเล่นดนตรี ทีนี้ด้วยสถานการณ์บังคับให้เราต้องร้องเพลง ก็เลยได้เริ่มร้องเพลงเล่นดนตรีจากตรงนั้น จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจสมัครครับ แต่ที่บ้านบอกให้ลองส่งคลิปดู เราก็ร้องเพลงส่งไปเป็นเพลงลึกสุดใจ (Nuvo) แล้วก็เข้ารอบ ตอนนั้นก็ไม่ได้ดีใจมากนะครับ เพราะว่าคนเยอะมากประมาณ 500 กว่าคน เราก็ไม่คิดว่าจะติดเข้ารอบต่อไป  แต่มันก็เข้ารอบมาเรื่อยๆ จนถึงรอบสามคนสุดท้ายครับ

ก้าวแรกสู่การเป็นศิลปิน

ก่อนอื่นเลยผมมีความคิดว่า ศิลปินในมุมมองของผมคือบุคคลที่สร้างสรรค์ผลงานเพลงได้ ซึ่งผลงานนั้นสร้างประโยชน์ให้คนที่ได้ฟังจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมก็ได้ ผมมองว่าศิลปินไม่ใช่แค่ร้องเพลงได้หรือร้องเพลงเก่ง ไม่ใช่แค่รับคำสั่งมาแล้วทำตาม แต่ต้องสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้เลย มันเป็นแนวทางการเป็นศิลปินของผมจนมาถึงตอนนี้

พอชนะการประกวดมาก็จะได้ออกเพลง ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นเพลงเดียวและเพลงสุดท้ายก็ได้ ก็เลยบอกพี่ต้องว่าขอใช้เพลงที่ผมแต่งเอง ก็คือเพลงหนังสือเล่มเก่า เป็นเพลงที่แต่งตอนที่เริ่มกลับมาเล่นดนตรีกลางคืน จริงๆ ก็แต่งไว้หลายเพลงนะ แต่ผมชอบเพลงนี้ที่สุด เลยเลือกเพลงนี้ 

ตอนแต่งเพลงนี้ ได้ทำนองมาก่อน แล้วเนื้อเพลงค่อยตามมา แต่ประโยคแรกที่ได้เลยคือ ยังอ่านมันทุกข้อความ เว้นตอนจบของมัน มันเป็น Key Message ของเพลงเลย ผมชอบนะแต่ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดี แต่มีโอกาสทำเพลงแล้วก็ให้พี่ต้องช่วยดู เขาก็โอเค ตกลงทำเพลงนี้ กระบวนการก็เหมือนเพลงทั่วไปเลยครับ ใช่เวลาประมาณ 2 เดือนหลังชนะการประกวด เริ่มจากเคาะเนื้อเพลง เลือกเครื่องดนตรี อัดดนตรี แล้วก็อัดร้อง

ข้อความที่ฝากไว้ในเพลง “หนังสือเล่มเก่า”

ผมเชื่อว่าคนเราต้องมีช่วงเวลาที่นึกถึงใครสักคนบ้างล่ะ อาจจะเป็นแฟน พ่อแม่ หรือใครก็ตาม ความหมายของเพลงนี้คือการคิดถึงใครสักคนที่ได้จากเราไปแล้วหรือเลิกรากันไป ก็เปรียบกับหนังสือที่เรามักจะอ่านบทเดิมๆ ข้อความเดิมๆ ซ้ำๆ เหมือนความรู้สึกที่ย้อนกลับมา เวลาเรานึกถึงคนเหล่านั้นเราก็มักจะนึกถึงแต่เรื่องดีๆ เหมือนท่อนที่ว่า ยังอ่านมันทุกข้อความ เว้นตอนจบของมัน อารมณ์เพลงก็เลยจะดูกลางๆ ไม่ได้มืดมนหรือสดใส แล้วแต่คนฟังจะตีความเลย

ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าได้สักแสนวิวก็ดีใจแล้ว ไม่ใช่ว่าด้อยค่าตัวเองนะ แต่จากสถิติของศิลปินในค่าย ณ ตอนนั้น ยอดวิวก็อยู่ประมาณล้านวิว เพราะค่ายเองก็ใหม่ แล้วเราก็เป็นศิลปินหน้าใหม่ ไม่เคยมีผลงานมาก่อน แต่หลักๆ เลยคือ ผมรักเพลงนี้มาก ต่อให้มีคนฟังแค่ 10 วิวผมก็โอเค ตอนแตะแสนวิวผมดีใจมาก จำได้ว่าใช้เวลาประมาณ 14 วัน ก็ถือว่าเร็วมากนะ ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ต่อให้จะไม่ได้ออกเพลงหลังจากนั้น แต่ก็มีกำลังใจในการทำงานต่อไป

แล้วพอยอดไปถึงล้านวิว ผมมันคือที่สุดแล้ว แต่ผมเป็นคนไม่ได้สนยอดวิวเท่าไหร่ มันไม่ได้บ่งบอกคุณภาพของเพลง แต่ผมเชื่อว่ามันทำให้เพลงเข้าถึงคนฟังได้มากขึ้น มีเพลงคุณภาพอีกหลายเพลงเลยที่ยังไม่ได้เข้าถึงคนฟังขนาดนั้น สำหรับผมแล้วผมรักทุกเพลง ทุกผลงานเลย จริงๆ ตอนนั้นก็คิดนะว่ามันเป็นตัวสร้างรายได้ ที่พ่อแม่เคยบอกว่าศิลปินไส้แห้ง มันไม่ใช่แล้วนะ มันเลี้ยงชีพได้ ฉะนั้นการออกผลงานต่อไป มันจะพิสูจน์ว่าเราจะหาเงินจากการทำเพลงได้ไหม เราจะอยู่รอดด้วยอาชีพนี้ได้ไหม เลยออกมาเป็นเพลงปิดที่ปวด

ก้าวต่อไปในวงการดนตรี

ตอนทำเพลงที่ 2 ก็เหมือนเดิมเลย แต่เราโตขึ้นในการทำงาน เราเริ่มสื่อสารกับคนอื่น วางแผนกระบวนการทำงาน เริ่มตัดสินใจจากอะไร มีปัจจัยอะไรบ้าง เพลงนี้เหมาะกับดนตรีแบบไหน เริ่มศึกษาเบื้องหลังจากพี่ต้อง-พริกไทย, พี่เอก-OneTrack 

พอได้มาทำเบื้องหลังอย่างที่ตั้งใจไว้ ก็ได้มีโอกาสเขียนเพลงและโปรดิวซ์เพลงให้กับศิลปินหลายๆ ท่าน ผลงานที่ออกไปไม่ว่าจะเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง ถ้ามันไปทัชใจคนฟังสักคน ผมถือว่าประสบความสำเร็จแล้วนะ ผมคิดว่านั่นก็ให้ความสุขกับคนฟังได้แล้วครับ 

เพลงพานภพ ที่เพิ่งทำกับปู่จ๋าน ลองไมค์ นั่นก็ชอบ คือเรามีความชอบของเราเป็นสารตั้งตนอยู่แล้ว แต่พอได้ Featuring กับศิลปินท่านอื่น ทำเพลงให้กับนักร้องที่มีชื่อเสียง ผมดีใจที่มาถึงจุดนี้ แล้วเพลงนี้เราอยู่ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังเลย แล้วมันก็เพราะมากๆ ด้วยครับ

อยากร่วมงานกับพี่สิงโต นำโชคด้วยครับ ได้คุยกับพี่สิงโตบ้างนิดหน่อย พี่สิงโตเป็นศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของเราเหมือนกัน เขาเป็นศิลปินที่มีคุณภาพ เล่นดนตรีอย่างที่เขาเป็น รู้สึกว่าวันหนึ่งอยากทำงานกับพี่เขาในช่องทางใดก็ได้

อุปสรรคที่ต้องก้าวข้าม

ทุกเพลงมีความยากในแบบของตัวเองนะ งานเบื้องหลังถ้าเราทำเพลงให้คนอื่น เราต้องใส่ตัวตนของศิลปินคนนั้นเข้าไปในเพลงด้วย สมมุติว่าศิลปินคนนี้รู้จักมะม่วงดี แต่เขาอยากจะนำเสนอทุเรียน เราจะมีหน้าที่ที่จะหาสิ่งที่จะเข้ากันได้ หรือทำให้ทุเรียนกับมะม่วงผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

ของฝากจากการพักผ่อน

เวลาที่คิดงานไม่ออกก็ไปเที่ยวครับ มันเกิดขึ้นบ่อยมากตอนทำเพลงที่ 2 ตอนนั้นเครียดมาก จนไม่อยากทำอะไรเลย ก็ไปปรึกษาพี่โปรดิวเซอร์ว่าจะทำยังไงดี ไม่มีไอเดียเลย เขาบอกว่าให้ไปเที่ยว เราก็ไป พอได้พักผ่อนได้ผ่อนคลาย เป็นการรีเฟรชให้พร้อมลุยงาน

แล้วบางครั้งก็ได้เพลงกลับมา มันจะมีบางอย่างแวบขึ้นมาเช่นเพลงเธอวิทยา ได้จากตอนที่ไปพักผ่อน ไม่ได้เกี่ยวกับทะเลภูเขา ตอนนั้นผมเห็นโรงเรียนแห่งหนึ่ง ก็คิดว่าถ้าเอาโรงเรียนมาแต่งเพลงจะเป็นยังไง ผมชอบคิดแบบนี้ สมมุติว่าเห็นผ้าม่าน ก็จะคิดว่าผ้านม่านสามารถแต่งเพลงอะไรได้บ้างถ้าเป็นเพลงรัก หรือเวลามองออกนอกหน้าต่าง เห็นเสาไฟฟ้าแล้วจะแต่งเพลงออกมายังไง

ไม่เหมือนที่คิดเอาไว้นี่นา

มีทั้ง 2 แบบเลย เอาเรื่องดีๆ ก่อน พูดกันตามตรงว่า สมัยก่อนจะเป็นศิลปินได้ยากกว่าสมัยนี้มาก ต้องมีแมวมอง ต้องไปเดินสยาม แต่ตอนนี้คนมีความสามารถมากขึ้น เด็กรุ่นใหม่ได้เรียนดนตรีมากขึ้น แต่ในทางกลับกันการที่จะเป็นศิลปินที่มีคุณภาพมันยากกว่าเมื่อก่อนมากๆ เพราะมีเพลงมากขึ้น ได้เปรียบมาขึ้น ศิลปินสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้มากขึ้น ส่วนอีกด้าน ถ้าเราทำเพลงจากแพสชั่นเราจะทำได้เรื่อยๆ ถ้าเราชอบคนฟังก็ชอบ แต่ถ้าทำเพลงเพราะหวังอยากดัง ไม่ได้สนใจว่าเพลงจะเป็นยังไง ในท้ายที่สุด ต่อให้คุณจะประสบความสำเร็จแค่ไหน คุณก็ไม่มีความสุขหรอก

ความรู้การตลาด กับการทำดนตรี

คนที่เรียนการตลาดจะเข้าใจผู้บริโภค ทำให้เวลาทำงานเพลง เราจะดูว่าคนฟังอยากได้อะไร มันเป็นสิ่งที่เราอยากจะนำเสนอมั้ย ถ้าความต้องการตรงกันก็ลุยงานได้เลย

การเปลี่ยนแปลง

ต้องขอบคุณ Mellow Me ครับที่ให้โอกาสเรามา สร้างหนังสือเล่มเก่า ขึ้นมา ขอบคุณมากๆ ครับ พอมาอยู่ 2 Brothers ก็มาอยู่กับพี่ดอน (พชรกร นิลแก้ว) ก็เป็นค่ายที่อบอุ่นครับเราอยู่กันเป็นครอบครัว ได้เจอพี่ดอนเพราะตอนั้นเขามีศิลปินคนนึงแล้วอยากให้โปรดิวเซอร์ทาง Mellow Me ทำให้ผมได้เจอเขา ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเราอยู่ Mellow Me อยู่แล้ว พอออกมาตอนแรกตั้งใจว่าจะทำช่องเองเลย เป็นศิลปินโนเนม แต่พอได้คุยกับพี่ดอนเขาก็ชวนมาอยู่ค่าย ก็ตัดสินใจอยู่พักนึงเลย ด้วยนิสัยใจคอของเขาที่เราอยู่ด้วยแล้วรู้สึกโอเค เลยตัดสินใจมาอยู่กับทางพี่ดอนครับ ก็ถือว่าตัดสินใจถูก เพราะเจ้าของค่ายดูแลคิวศิลปินด้วยก็ได้รับงานมากขึ้น เขาหาโอกาสมาให้เรา

อนาคตบนเส้นทางดนตรี

ผมเชื่อว่าสายอาชีพนี้จะเป็นที่ยอมรับ พูดได้เต็มปากเลยว่าอาชีพสายดนตรีสามารถเลี้ยงชีพได้ สร้างฐานะได้ ประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้สายอาชีพอื่น ถ้าเด็กรุ่นใหม่ที่มีใจรักในสายนี้ก็อยากให้ทางบ้านสนับสนุน มันสามารถไปได้ไกลนะ ศิลปินหลายคนในยุคนี้ก็ไปถึงระดับโลกแล้ว วงการดนตรีมันโตขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามีคนสนับสนุน การได้ทำในสิ่งที่อยากทำและมีรายได้ ก็คงไม่มีอะไรที่จะทำแล้วสบายใจมากกว่านี้แล้ว สำหรับผมอีก 5 ปีข้างหน้าก็ยังคงทำงานเป็นศิลปิน เป็นโปรดิวเซอร์อยู่ดี

จริงๆ ตอนนี้ก็ทำช่อง FillFEEL อยู่ครับ เป็นค่ายเล็กๆ ที่ทำกันเอง ตั้งใจว่าเราสร้างศิลปินขึ้นใหม่ด้วยคำว่าโอกาส เพราะกว่าผมจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็เพราะโอกาสที่เขาให้มา มีหลายคนที่ผมคิดว่าเขามีความสามารถ แต่เขาไม่ได้รับโอกาส เลยอยากจะมอบโอกาสให้คนเหล่านั้นบ้าง ตอนนี้ก็ทำอยู่พยายามหาคนที่มีความสามารถมาทำ เริ่มจากคนที่เรารู้จักหรือรู้สึกว่าเขาเก่งมาทำเพลงก่อน

สิ่งที่เรียนรู้ในชีวิตการทำงานเพลง

เวลาเราทำงานกับคนอื่นเราจะได้คำแนะนำที่ดีเสมอ อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนที่เห็นว่าสิ่งไหนดีจะชอบถามคนอื่นว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง คนรอบตัวไม่ได้กั๊กอะไร ได้คำแนะนำที่ดีเสมอมาจากทุกคนที่เราทำงานด้วย ไม่ว่าจะเป็น พี่ปู่จ๋าน พี่สงกรานต์ หรือใครก็ตาม จะมีคนที่คอยแนะนำผมตลอดตั้งแต่สมัยเข้ามาเป็นศิลปินใหม่ๆ จนถึงตอนนี้ที่ทำงานเบื้องหลังคือพี่เอก-Onetrack ทุกวันนี้ก็ยังคุยกันพี่เขาจะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ เสมอเกี่ยวกับการทำงาน เป็นคนหนึ่งที่เราปรึกษาอยู่ตลอด

ผมรู้สึกว่ายิ่งอยู่วงการนี้นานยิ่งได้เรียนรู้มากขึ้น ย้อนกลับไปวันแรก เราแต่งเพลงอีเหละเขละขละมาก พอมาตอนนี้เราแต่งเพลงได้ โปรดิวส์ได้มันก็เกิดจากการที่เราเรียนรู้มาตลอด ผมจะเรียนรู้จากการเห็นมากกว่าการเล่า เราเห็นว่าเขาแสดงตรงนี้ดีหรืองานเบื้องหลังตรงไหนเราเห็นว่าเจ๋งก็จะไปศึกษาเพิ่ม ไม่ใช่ฟังเขาเล่าว่าเจ๋งแล้วทำตาม

Work Life Balance

คิดว่าทำได้ 80 เปอร์เซนต์นะ อันดับแรกผมเป็นคนไม่เที่ยวเลย เลยมีเวลาเยอะมากๆ ได้นอนประมาณ 6-8 ชั่วโมง แต่นอนตี 4 ตื่อน 11 โมงนะ อาจเป็นเพราะธรรมชาติของนักดนตรีที่ชอบใช้ชีวิตตอนกลางคืน เพราะเงียบสงบกว่า สามารถทำงานได้โดยไม่มีอะไรมารบกวน มีสมาธิมากขึ้น ก็เลยแบ่งเวลาไปทำงานตอนกลางคืน แล้วใช้ชีวิตตอนกลางวัน แล้วก็รู้สึกสบายใจเวลาอยู่บ้านกับครอบครัว ก็จะได้ทั้งเวลาทำงานและใช้ชีวิตเลย การทำงานดนตรียุคนี้มีแค่โน้ตบุ๊คเครื่องเดียวก็ทำได้แล้ว จะไปเที่ยวทำงานด้วยก็ได้ จริงๆ ก็ไม่ได้คิดว่าเราจะจัดการชีวิตได้ดีนะ แต่เพราะปริมาณงานที่เหมาะเลยจัดการง่าย งานไหนไม่ไหวก็บอกไม่ไหว ถ้างานไม่เหมาะกับเราจะไม่รับ ผมว่าการทำงานต้องเหมาะสมกับเราด้วย

ความสำเร็จ การเติบโต และการส่งต่อ

ผมมองว่าตอนนี้ประสบความสำเร็จในระดับนึง สามารถดูแลพ่อแม่ได้ ดูแลตัวเองได้ จากการทำงานที่เรารัก ผมรู้สึกโอเคมากๆ อยากจะทำมันไปเรื่อยๆ ไม่ได้กำหนดว่าจะเลิกเมื่อไหร่ ผมรู้สึกว่าคนที่กำหนดอายุงานของตัวเอง เขาอาจจะไม่ได้รักงานนั้นจริงๆ ก็ได้ ถ้ารักจริงคงเลิกทำไม่ได้หรอก

ตอนนี้เรียกได้ว่ามั่นใจมากขึ้น ในส่วนที่เราถนัดครับ การแต่งเพลง เรียบเรียง แต่ก็ยังไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งขนาดนั้น  ผมมองว่าผมยังต้องพัฒนาตัวเองอยู่  ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะมากๆ และเบื้องหลัง ผมก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่ได้โอกาสจะทำงาน ถามว่ามั่นใจในตัวเองไหม ก็มั่นใจมากขึ้นครับ

สำหรับแฟนคลับ ผมว่าพวกเขาเป็นส่วนสำคัญเท่ากับตัวผมเลย ที่เรามีตัวตนทุกวันนี้เป็นเพราะพวกเขาเลย อย่างเพลงหนังสือเล่มเก่า มันดังไม่ได้หรอกถ้าไม่มีคนฟัง ไม่มีพวกเขาที่คอยซัพพอร์ทเรา แชร์ผลงานของเรา หรือนักดนตรีที่เอาเพลงเราไปร้องไปเล่น คนเหล่านี้เหมือนทีมๆ หนึ่ง พี่ก็เป็นสมาชิกหนึ่งคนในทีมเท่านั้นเอง ซึ่งทุกคนมีหน้าที่ที่สำคัญเท่ากันหมด เราเดินมาด้วยกัน ก็ต้องขอบคุณทุกๆ คน ที่สนับสนุนเราทุกๆ เพลงจนถึงตอนนี้ก็ยังสนับสนุนกันอยู่ อยากจะบอกว่าเขาคือทีมของเรา ก็สัญญาว่าจะทำเพลงที่ดีออกมา

สิ่งหนึ่งที่ผมบอกเสมอไม่ว่าจะไปที่ไหนคือ ความฝันกับความจริงมันไปด้วยกันได้ ตอนนี้คุณอาจจะอยู่กับความเป็นจริง จำเป็นต้องประกอบอาชีพหรือทำอะไรก็ตามที่เลี้ยงชีวิตไป แต่อย่าเพิ่งทิ้งความฝันเพราะว่ามันไปด้วยกันได้ ผมเชื่อว่ามันเป็นไปได้ ถ้าตอนนี้คุณทำงานประจำเวลาว่างก็ทำได้ คนที่มันชอบมันจะต้องหาพื้นที่ได้เสมออยู่แล้ว ผมเชื่อว่าถ้าเราไม่ทิ้งมันวันนึงมันก็ไม่ทิ้งเราเหมือนกัน

สุดท้ายนี้ฝากค่าย 2Brothers Music ด้วยครับ มีศิลปินหลายคนเลย ถ้าชอบแนวแรปก็มีพี่ปู่จ๋าน ชอบแนวสนุกสนานมีพี่บอล เชิญยิ้ม อยากฟังเพลงเพราะๆ ก็มีผมคิง-ชนาวิทย์ แล้วก็มีศิลปินคนอื่นด้วย ฝากช่องเล็กๆ ที่ผมทำด้วยชื่อช่อง FillFEEL เป็นช่องที่คุณจะได้ฟังเพลงเพราะๆ จากศิลปินที่มีความสามารถ แล้วก็ฝากผลงานส่วนตัวครับ พานภพ เพลงล่าสุดที่เพิ่งปล่อยนะครับ Featuring กับปู่จ๋าน แล้วก็เพลงนักปราชญ์ Google ที่ทำกับพี่สงกรานต์-รังสรรค์ และเพลงแค่อีกปี ด้วยนะครับ

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า