fbpx

ไม่เกินจริงที่จะเชื่อใจและฟัง ‘คิม แทยอน’ โวคอลควีนที่ใช้บทเพลงการันตีความสำเร็จ

      ‘คิม แทยอน’ เมนโวคอล Girls’ Generation และเจ้าแม่ OST.

      “ชอบแทยอนตั้งแต่ตอนขึ้นเสียงสูงใน Into The New World”

      “หลายคนไม่รู้แล้วด้วยซ้ำว่าศิลปินเดี่ยวแทยอนคือหัวหน้าวงโซนยอชิแด”

      “แต่ไม่ว่าจะในบทบาทไหน โวคอลของพี่เขาก็ยอดเยี่ยมอยู่ดี” 

      สำหรับคนที่ชอบไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป ชอบฟังเพลงเกาหลี ชอบฟังเพลงประกอบละคร หรือชอบฟังเพลงบัลลาด เชื่อว่าชื่อของ คิม แทยอน (Kim Taeyeon) จะต้องเป็นหนึ่งในศิลปินที่อยู่ในเพลย์ลิสต์โปรดของใครหลายคน ไม่ว่าจะด้วยตัวตนหรือบทบาทแบบไหนก็ตาม ทั้งการเป็นสมาชิกหัวหน้าวงโซนยอชิแด (Girls’ Generation) เป็นคนที่คุ้นเสียงกันดีจากการร้องเพลงประกอบซีรีส์ดังหลายเรื่อง ไปจนถึงการเป็นศิลปินเดี่ยวที่มีเพลงฮิตมากมาย 

      ในกรณีแรกเริ่ม หลายคนเติบโตมาพร้อมกับแทยอนตั้งแต่วันแรกที่มิวสิกวิดีโอเพลง Into The New World ถูกปล่อยออกมาเมื่อปี 2007 ผู้คนมองเห็นเด็กสาวตัวเล็กขับเครื่องบินที่ขึ้นเสียงสูงได้ก้องกังวาน ก่อนจะมีพัฒนาการด้านการร้องเรื่อยมาผ่านเพลงฮิตต่างๆ ของวงทั้ง Kissing You, Gee, Genie, The Boys, Mr Mr. ฯลฯ มาจนถึงเพลงล่าสุดอย่าง FOREVER 1 ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี หลายคนได้เห็นแทยอนในมุมเกิร์ลกรุ๊ปมาโดยตลอด 

      ไม่ใช่แค่การเป็นสมาชิกโซนยอชิแด เป็นลีดเดอร์ หรือเป็นนักร้องหลักของวงเท่านั้น แต่ในบทบาทของการร้องเพลงประกอบละครก็ถือว่าไม่น้อยหน้า ซ้ำยังทำให้คนทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามไอดอลรู้จักหรือจำเสียงของแทยอนได้มากขึ้น เพราะมีหลายครั้งที่เพลงประกอบซีรีส์และภาพยนตร์ของเธอไต่อันดับกลายเป็นเพลงฮิต และคว้ารางวัลจากงานประกาศรางวัลปลายปีได้หลายครั้ง 

      หากยังจำกันได้ ในปี 2008 แทยอนได้ร้องเพลง If ประกอบซีรีส์เรื่องฮงกิลดง วีรบุรุษแห่งโชซอน (Hong Gil-dong) รวมถึงเพลง Can You Hear Me ประกอบซีรีส์เรื่องทำนองรักสัมผัสใจ (Beethoven Virus) ที่สามารถคว้ารางวัล Popularity Award จากเวทีประกาศรางวัลใหญ่อย่าง Golden Disc Awards มาได้ 

      ต่อมาในปี 2012 เธอได้ร้องเพลงประกอบละครอีกครั้งกับเพลง Missing You Like Crazy จากซีรีส์เรื่องรักยิ่งใหญ่ หัวใจเพื่อเธอ (The King 2 Hearts) คว้ารางวัล Best OST. จากงาน Seoul International Drama Awards ที่่ถือได้ว่าเธอเป็นเจ้าแม่ OST. คนหนึ่งในช่วงเวลานั้น มาจนถึงงานเพลงที่โชว์พลังเสียงขั้นสุดอย่าง Into The Unknown เวอร์ชันภาษาเกาหลี ประกอบภาพยนตร์แอนิเมชัน Frozen ในปี 2019 ที่ยืนยันว่าเธอยังคงเป็นตัวแม่ของวงการเสมอ

      สื่อมวลชนบางสำนักวิเคราะห์เหตุผลว่าทำไมทีมผู้จัดซีรีส์หลายเรื่อง ถึงมักเลือกให้แทยอนเป็นผู้ร้องเพลงประกอบผลงานของพวกเขา แน่นอนว่าส่วนหนึ่งต้องเป็นชื่อเสียงของตัวศิลปินที่เป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดให้ผู้ชมและผู้ฟังตั้งตารอ 

      ‘เมื่อละครฮิต เพลงประกอบก็จะฮิตเช่นกัน แต่ถ้าละครไม่ฮิตตามเป้า แต่เพลงประกอบก็ยังสร้างโอกาสให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น แม้ว่าบางคนจะไม่ดูละคร แต่เขาอาจเลือกฟัง OST. เหมือนกับที่เลือกฟังเพลงตามศิลปินที่ชื่นชอบและถูกจริต ดังนั้นการเลือกว่าใครคือศิลปินที่จะมาร้องเพลงประกอบละครจึงมีความสำคัญมาก

      ‘แทยอนเป็นศิลปินที่มีผลงานจับต้องได้ มีเพลงฮิต และมีเนื้อเสียงดีเยี่ยม รวมถึงความเชื่อที่ว่าแทยอนมักมีผลงานที่ตรงกับรสนิยมการฟังของสาธารณชน ผลงานเพลงประกอบละครเรื่องแรกๆ ของเธอเน้นโชว์ความสามารถด้านการร้องเพลง เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้คนถึงคาดหวัง OST. ของแทยอน’

      หลังเธอกับเพื่อนโซนยอชิแดสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเคป็อป วันที่ 29 เมษายน 2016 ต้นสังกัด SM Entertainment เปิดตัวซับยูนิตย่อยที่รวมโวคอลของวงทั้งแทยอน ทิฟฟานี่ และซอฮยอน ภายใต้ชื่อ Girls’ Generation-TTS (เกิลส์เจเนอเรชัน-แททิซอ) กับเพลงเดบิวต์ Twinkle ขึ้นแท่นเป็นศิลปินเกาหลีกลุ่มแรกที่สามารถคว้าอันดับที่ 4 ในชาร์ตรวมอัลบั้ม iTunes Music Store ของสหรัฐอเมริกาได้ ณ เวลานั้น ซึ่ง Twinkle เป็นอีกหนึ่งเพลงที่การันตีคุณภาพผลงานเพลงและความสามารถของกลุ่มโวคอลของโซนยอชิแดได้เป็นอย่างดี 

จากหัวหน้าวงเกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติ สู่การผันตัวเป็นศิลปินเดี่ยว

      สำหรับบางคนที่อาจไม่ทันยุคของโซนยอชิแด พวกเขาเริ่มรู้จักแทยอนจากการเป็นศิลปินเดี่ยวมากความสามารถที่มีเพลงฮิตหลายเพลง รู้จักเพราะเป็นศิลปินที่เดบิวต์เมื่อปี 2015 กับเพลง I เปิดฉากเส้นทางบนถนนสายดนตรีได้อย่างงดงาม สร้างปรากฏการณ์หลายอย่างให้กับวงการเคป็อป รวมถึงการส่งแทร็กอื่นๆ ในอัลบั้ม เช่น U R โชว์พลังเสียงตลอดทั้งเพลง ก็ทะยานขึ้นชาร์ตแข่งกับเพลงไตเติลอย่างเพลง I ที่นานๆ ครั้งเราจึงจะเห็นการที่เพลงรองในอัลบั้มได้รับความนิยมมากพอกับเพลงไตเติล 

      ในปี 2016 แทยอนปล่อยอัลบั้มถัดมาเป็นไตเติลชื่อว่า Why ตามด้วย Something New ในปี 2018 ที่มีแนวเพลงเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะสองบทมาพร้อมกับจังหวะดนตรีที่เร็วขึ้น เส้นเรื่องในมิวสิกวิดีโอแปลกตา ทำให้เห็นอีกมุมหนึ่งของแทยอนที่แตกต่างจากเพลงเดบิวต์

      อัลบั้ม Purpose ในปี 2019 ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอีกชิ้นหนึ่งของแทยอน กับเพลงไตเติล Spark ที่คราวนี้เธอมาพร้อมกับเพอร์ฟอร์แมนซ์จัดเต็มทั้งการร้องและการเต้น เผยให้เห็นพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ และกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าอัลบั้มนี้มีเพลงดีๆ ซ่อนอยู่เยอะมากทั้ง Gravity, Better Babe, LOL, City Love และ Drawing Our Moments

      จากผลสำรวจความคิดเห็นของชาวเน็ตเกาหลี หลายครั้งที่เราจะเห็นว่าแทยอนถูกเรียกว่า믿듣탱 (มิดทึดแทง) เป็นคำย่อของ 믿고듣는 태연 ที่มีความหมายว่าเชื่อใจและฟังเพลงของแทยอน จนทำให้การประกาศคัมแบ็ค การร้องเพลงประกอบละคร หรือแม้กระทั่งการปล่อยซิงเกิลเพียงแค่เพลงเดียว ก็ทำให้ผู้คนหันมาสนใจเธอได้ทุกครั้ง 

      ผลงานในช่วงครึ่งปีแรกของ 2023 คืออัลบั้มเต็มชุดที่ 3 อย่าง INVU (ไอเอ็นวียู) ที่ปล่อยในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 กับแนวเพลงหลากหลายทั้งบัลลาด ป็อปแดนซ์ อาร์แอนด์บี และดิสโก ทั้งหมด 13 เพลง ล้วนเกี่ยวข้องกับความรู้สึกต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของความรัก สุข เศร้า ยินดี หรือแม้กระทั่งความอิจฉา ที่ชื่อไตเติลหลักก็ล้อไปกับประโยคภาษาอังกฤษว่า “I envy you”

      INVU กลายเป็นเพลงแรกในรอบ 9 ปี ของค่าย SM ที่ไต่อันดับ 1 Melon Monthly Chart ได้ ซึ่งเพลงล่าสุดที่เคยทำไว้คือเพลง Rum Pum Pum Pum ของศิลปินวง F(x) เมื่อปี 2013 นอกจากนี้ INVU ยังขึ้นอันดับ 1 ของ iTunes Top Albums มากกว่า 23 ประเทศทั่วโลก อันดับ 1 ชาร์ต Digital Album Sales มียอดขายอัลบั้มเกิน 2 แสนก็อปปี้ และชนะอันดับ 1 ในรายการเพลงของเกาหลีใต้ คว้าถ้วยรางวัลมาได้ 8 ถ้วย 

      ความสำเร็จอย่างเป็นที่ประจักษ์ทำให้นิตยสาร TIME เลือกผลงานของแทยอนให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มเคป็อปยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี 2022 (Best K-Pop Album) โดยเขียนรายละเอียดเอาไว้ว่าเธอเป็นศิลปินมากประสบการณ์จากการเป็นหัวหน้าวง Girls’ Generation จนถึงการเป็นศิลปินเดี่ยว ทุกอย่างถูกพิสูจน์ให้เห็นไปหมดแล้วว่าเธอมีความสามารถมากแค่ไหน และทำไมเธอถึงมีอิทธิพลในวงการเคป็อป

      ถ้า INVU เป็นผืนผ้าใบสีขาว แทยอนคือจิตรกรเอกที่แต่งเติมสีสันให้ผืนผ้าใบว่างเปล่าเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของเธอ ทั้งน้ำเสียงไพเราะดึงดูดใจ บางช่วงบางตอนเต็มไปด้วยความฉุนเฉียว ดุดัน หรือการขึ้นเสียงสูง เสียงกระซิบ ทั้งหมดบอกเล่าเรื่องราวตามเนื้อเพลงอย่างมีอารมณ์ร่วม พาผู้ฟังเดินทางไปพบกับความรู้สึกตกหลุมรัก ความอิจฉา (INVU) การไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยเมื่ออยู่กับใครคนนั้น (Can’t Control Myself) ไปจนถึงภาพสะท้อนความรู้สึกของเด็กสาวคนหนึ่ง (Toddler) ที่เชื่อว่าตอนจบจะต้องมีแต่ความสุข (Ending Credits) 

      “การแสดงของศิลปินผู้ช่ำชอง ทำให้บทเพลงทั้ง 11 แทร็ก เสียดแทงใจมากกว่าครั้งไหน”

จงเชื่อใจและฟัง ‘คิม แทยอน’ 

      “ราชินีโวคอล”

      “นักร้องที่ไว้ใจได้”

      “ความสำเร็จทางดนตรีที่หาตัวจับยาก จึงไม่แปลกใจเลยที่คนจะเรียกเธอว่า คิง แทยอน (King Taeyeon)” 

      ความสำเร็จในเส้นทางการเป็นศิลปินเดี่ยวของเธอ สามารถการันตีอย่างเป็นรูปธรรมได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการล้างชาร์ตเพลงบ่อยครั้ง การคว้ารางวัลเพลงประกอบซีรีส์ยอดเยี่ยมตั้งแต่ยังไม่เริ่มงานเป็นศิลปินเดี่ยว ได้รับรางวัลศิลปินหญิงยอดเยี่ยม (Best Female Artist Award) จากงาน Mnet Asian Music Awards (MAMA) สองปีติดกัน (2015-2016) รวมถึงการคว้ารางวัลใหญ่ในวงการเพลงเกาหลีอย่าง ‘แดซัง’ และการขยายสเกลคอนเสิร์ตที่มีจำนวนผู้ชมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

      อาจต้องคั่นอธิบายถึงแดซังกันสักนิด สำหรับบางคนที่ไม่รู้จักรางวัลแดซัง (대상 หรือ Daesang) หมายถึงรางวัลใหญ่ที่ทรงคุณค่าที่สุดในงานประกาศรางวัล คำว่า ‘แด’ ในภาษาเกาหลีมีความหมายว่าใหญ่ ส่วน ‘ซัง’ แปลว่ารางวัล เมื่อรวมกันแล้วก็ตรงตามชื่อคือรางวัลใหญ่ที่สุด 

      ทางด้านของเวที Seoul Music Awards (SMA) ในปี 2020 ที่แบ่งแดซังออกเป็นสองสาขา ในปีนั้นแทยอนก็ส่งเพลง Four Seasons คว้าแดซังดิจิทัลมาได้ ส่วนเจ้าของรางวัลดิสก์แดซังคือบังทันโซยอนดัน (BTS) ซึ่งศิลปินทั้งสองจะมีความโดดเด่นต่างกัน เช่น เพลงของแทยอนสามารถไต่ชาร์ตเพลงในเกาหลีใต้ได้ ส่วน BTS มียอดขายอัลบั้มมากที่สุด 

      Four Seasons ถือเป็นผลงานที่สร้างสถิติมากที่สุดเพลงหนึ่งของแทยอน ไม่ใช่แค่การชนะแดซัง แต่ยังชนะรางวัล Best Ballad จากเวที MelOn Music Awards (MMA) ปี 2019 ชนะรางวัลนักร้องนำยอดเยี่ยม (Best Vocal Performance) จากเวที MAMA 2019 ชนะ Digital Main Prize (บนซังจากเวที) มาครองได้เช่นกัน

      นอกเหนือจากรางวัลความสำเร็จจากผลงานเพลง การจัดคอนเสิร์ตของแทยอนแต่ละครั้งก็กวาดคำวิจารณ์เชิงบวกจากสื่อมวลชนและผู้ชมได้เสมอมา เช่น ในปี 2017 แทยอนจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกชื่อว่า PERSONA ตามด้วยคอนเสิร์ต ’s…TAEYEON CONCERT ให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงกันด้วยเสียงโวคอลกับดนตรีสดในคอนเสิร์ตที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย

      หนึ่งความน่าสนใจคือ คอนเสิร์ต ’s…TAEYEON CONCERT สร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวจากเกาหลีใต้คนแรก ที่จัดคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบในไทยที่ธันเดอร์โดมได้ถึง 2 รอบการแสดง จนกระทั่งในช่วงโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดหนักไปทั่วโลก ส่งผลให้คอนเสิร์ตครั้งที่ 3 ที่ใช้ชื่อว่า The UNSEEN ที่มีผู้ซื้อบัตรคอนเสิร์ตไปแล้วจนเต็มฮอลล์ แต่สุดท้ายจำต้องยกเลิกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

      แม้จะไม่ได้พบกันหลายปี แต่ในปี 2023 แทยอนได้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งกับคอนเสิร์ต The ODD Of LOVE ถือเป็นการพบกันอีกครั้งในรอบ 4 ปี 6 เดือน ของคิมแทยอน 

      The ODD Of LOVE เปิดฉากขึ้นที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 3-4 มิถุนายน ที่ผ่านมา ด้วยจำนวนผู้ชมมากกว่าหมื่นคน ต่อด้วยการทัวร์ทั่วเอเชียทั้ง ฮ่องกง ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย กับสเกลใหญ่ขึ้นที่มีผู้ชมเข้าร่วมมากกว่าหมื่นคน และในประเทศไทยเอง แทยอนได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวจากเกาหลีใต้ที่สามารถจัดคอนเสิร์ตที่ อิมแพ็ค อารีน่า ได้สองวัน แถมยังขึ้น SOLD OUT ในเวลาไม่นาน ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้ 

      จากการได้ติดตามการแสดงศักยภาพด้านการร้องของแทยอนอยู่เสมอ จึงทำให้มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าแทยอนจะถ่ายทอดความรู้สึกหลากหลายให้ทุกคนได้สัมผัสผ่านเสียงเพลง การแสดงอันยอดเยี่ยม วงดนตรีคู่ใจที่ทัวร์คอนเสิร์ตไปพร้อมกับเธอเสมอ รวมถึงโปรดักชันที่จะเติมเต็มทุกความรู้สึกให้ครบถ้วน ที่โซวอนไทยไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง 

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า