fbpx

“HAJIMEmashite” Speed Interview ว่าด้วยเรื่องป็อป ๆ ในการแสดงงานป็อปอาร์ตของ Sakurai Hajime

ใคร ๆ ก็เคยมี “ครั้งแรก” และยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปอีกถ้าเราที่เริ่มทำบางอย่างเป็นครั้งแรก เข้าไปพบกับคนที่เพิ่งทำอะไรสักอย่างเป็นครั้งแรกเหมือนกัน

เช่นเดียวกับเรา ผู้ทำงานแรก และออกกองสัมภาษณ์ใหญ่ครั้งแรก ที่ไปสัมภาษณ์ศิลปินป็อปอาร์ตชาวญี่ปุ่นผู้มาจัดแสดงงานเดี่ยวของตัวเองครั้งแรกในกรุงเทพฯ

เราก้าวเท้าเข้าไปยัง The Decorum ร้านสูทและเครื่องแต่งตัวชายสุดเก๋สาขาล่าสุดที่ Gaysorn Village ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพราะนี่คืองานแสดงศิลปะเดี่ยวครั้งแรกที่กรุงเทพฯ ของ Sakurai Hajime ศิลปินป็อปอาร์ตชาวญี่ปุ่น ผู้ใช้ลายเส้นและคู่สีได้น่าจับตา ซึ่งเขาเพิ่งจัดงานแสดงเดี่ยวทั้งที่ไต้หวันและลอนดอน  และเนื่องจากศิลปินมีเวลาจำกัด เราจึงฉกฉวยเวลาสั้น ๆ จากเขาเพื่อมาทำความรู้จักตัวตนผ่านความป็อปที่ได้สัมผัสจากงาน 

ว่าแล้วก็นึกถึงเวลาเรียนภาษาญี่ปุ่นประโยคแรกที่จะต้องพูดเมื่อแนะนำตัว

นั่นคือ はじめまして (Hajimemashite) – ยินดีที่ได้รู้จัก

บทสนทนาต่อไปนี้ เราจึงหวังว่าทุกคนจะ “ยินดีที่ได้รู้จัก” ศิลปินท่านนี้ไปพร้อม ๆ กับเรา

Dressgenic! คืออะไร ?

Dressgenic! มาจาก Dress ที่แปลว่า “แต่งตัว” กับ “genic” จาก photogenic ซึ่งผู้ติดตามงานของผมจะสังเกตว่า งานส่วนมากจะเป็นภาพผู้หญิงสวมชุดชั้นในหรือสวมชุดว่ายน้ำ ซึ่งจะมีความโป๊นิดนึง แต่พอมาร่วมงานกับร้าน The Decorum ซึ่งเป็นร้านสูท ก็เลยออกแบบให้คาแรกเตอร์ผู้หญิงที่วาดเข้ากับร้านมากขึ้น คือจับมาแต่งตัว ใส่สูท เพื่อให้เข้ากับลักษณะของร้านที่เป็นร้านสูทด้วย ก็จะเป็นงานที่ฉีกแนวออกมาจากงานเดิม ๆ เลยทีเดียว

ตัวผมเองเกิดในช่วงศตวรรษที่ 20 จึงไม่ใช่เพียงแต่คาแรกเตอร์ผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงดนตรี การใช้ชีวิต หรือทุกอย่างที่เสพมามันอยู่ในศตวรรษนั้น เลยไม่อยากให้คนมองว่าเป็นงาน Retro หรือสิ่งที่มีเพียงแค่เพื่อนึกถึงเพราะมันเป็นของเก่า ก็เลยอยากทำให้งานนี้ทันสมัย ดูโมเดิร์นขึ้นมา 

และจริง ๆ เมื่อ 2 ปีก่อนผมเคยมาร่วมจัดแสดงงานของตัวเองที่ร้าน Club Luminaries (ร้านในเครือเดียวกับ The Decorum) พอร้าน The Decorum มีสาขาใหม่ที่ Gaysorn Village ซึ่งมีพื้นที่จัดแสดงงาน ก็เลยเชิญมาว่ามาจัดแสดงงานไหม จึงกลายมาเป็นที่มาของงานนี้

จากที่เคยเป็นผู้ที่เติบโตมากับงาน Pop Art กลายมาเป็น Artist ได้อย่างไร ?

จริง ๆ ผมเป็นคนชอบวาดภาพตั้งแต่เด็ก แต่ว่าตอนนั้น ก็ยังไม่เห็นว่าการวาดรูปจะเป็นงานที่จะเป็นอาชีพมั่นคงถาวรได้ ช่วงที่เรียนก็เลยเบนเข็มมาเรียนสถาปัตยกรรม เพราะว่าใกล้เคียงกับการวาดภาพที่ชอบมากที่สุด แต่พอเรียน ๆ ไปก็รู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ตัวเองเท่าไหร่ ก็เลยลองเปลี่ยนมาเรื่อย ๆ ลองทำงานดีไซน์ แล้วพอโตขึ้นก็จะเจองาน Illustrator (นักวาดภาพประกอบ) เลยรู้สึกว่าการวาดรูปในสมัยเด็ก ๆ ก็สามารถเป็นอาชีพได้ ซึ่งก็ไม่อยากเรียกตัวเองว่าเป็น Illustrator  แต่ว่าอยากใช้คำว่าเป็น ‘ศิลปิน’ เพราะว่ามันมีอะไรที่อยากสื่อออกมาในผลงานของผมได้มากกว่านั้น แม้ว่าจะเริ่มวาดภาพมาได้ 10 ปี รู้สึกว่ายังไม่นาน แต่ว่าก็อยากเรียกตัวเองว่าเป็นศิลปินมากกว่าครับ

เสน่ห์ของกรุงเทพฯ ที่น่าสนใจในสายตาของคุณ

อย่างแรกคืออาหาร ของกิน ที่ทำให้รู้สึกว่า อยู่ที่ญี่ปุ่นไม่สามารถได้รสสัมผัสแบบนี้ และการที่มาที่ไทยทำให้มีประสบการณ์ชนิดที่ว่า ถ้าไม่มาด้วยตัวเองก็จะไม่รู้  สมมติว่ากินเบียร์ที่ญี่ปุ่นก็ไม่อร่อยเหมือนกินเบียร์ที่ไทย คือมันโคตรอร่อยเลย ไทยมันคือแบบนี้ หรือว่าถ้าเพลงนี้ดัง ศิลปินนี้ดัง มีเรื่องราวแบบไหนก็สามารถรู้ได้เลยจากการเดินผ่านร้านอาหาร หรือการเห็นบรรยากาศ เพลงที่เปิดในร้าน หรือบรรยากาศตามถนน สิ่งเหล่านี้เป็นเสน่ห์หมดเลยที่ ต้องมาที่ไทยเท่านั้นถึงจะได้รับความรู้สึกแบบนี้

อันนี้เรียกว่าเป็น Pop Culture ไทยที่ชอบเลยใช่ไหม

ใช่เลย

แฟชันสามารถบอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์ได้อย่างไรบ้าง

จริง ๆ คือแฟชันกับมนุษย์ไม่ได้แยกจากกันเลย เพราะแฟชันคือการแต่งตัว มนุษย์เรา เราออกไปที่ไหนเราก็ต้องแต่งตัวอยู่แล้ว เลยรู้สึกว่ามันแทบจะเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนชอบแบบไหน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาเท่านั้น แฟชันจึงเป็นเหมือนสิ่งที่แสดงตัวตนของคน ๆ นั้นออกมา

ถ้าโลกนี้ไม่มี Pop Culture จะเป็นยังไง

มันต้องเป็นโลกที่น่าเบื่อแน่ ๆ ถ้าไม่มี Pop Culture แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะว่าในมนุษย์เองจะมีอะไรที่แตกต่างทุกวันอยู่แล้ว มันต้องมีอะไรที่เปลี่ยนขึ้นมา และโดยส่วนตัวผมที่ชอบงานยุค 90s ก็เป็นยุคที่มี Pop Culture เกิดขึ้นมาเยอะ ซึ่งในยุคนั้นไม่ใช่แค่งานศิลปะ แต่มีเรื่องของเพลง หรือรายละเอียดหลาย ๆ อย่างด้วย วัฒนธรรมมันจะวนอยู่แค่กับบางกลุ่ม เช่น ศาสนา อย่างทางยุโรปก็เช่นกัน แล้วมันค่อนข้างจำกัด แต่ว่าพอเป็นยุค 90s Pop Culture เกิดขึ้น มันทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น 

แพลนในอนาคตข้างหน้าของคุณจะเป็นอย่างไรบ้าง

ขอบอกก่อนว่า ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศแรก ๆ ที่ผมได้มาจัดแสดงงาน คือผมเองไม่ค่อยได้เดินทางออกไปนอกประเทศ ทีนี้ การเดินทางออกไปนอกประเทศก็ทำให้ได้ประสบการณ์อื่น ๆ ด้วย แล้วก็จะมีแรงบันดาลใจใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอด แล้วในแต่ละประเทศก็มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะไปแสดงงานที่อื่น ๆ มากขึ้นด้วยครับ

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า