fbpx

“AUTTA” กับการทดลองทางดนตรีในห้อง 704

ไม่กี่ปีมานี้ กระแสดนตรีฮิปฮอปเป็นเหมือนคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้าสู่สังคมไทย จากรายการประกวดร้องเพลงฮิปฮอปหลายรายการ ส่งให้ดนตรีฮิปฮอปกลายเป็นกระแสหลัก และยังสร้างแร็ปเปอร์หน้าใหม่มาประดับวงการเพลงมากมาย และหนึ่งในดาวรุ่งที่เปล่งประกายมากที่สุด คือเด็กหนุ่มที่มีนามว่า AUTTA – อัษฏกร เดชมาก ที่แม้จะไม่ได้มีตำแหน่งแชมป์จากรายการประกวด แต่ก็สร้างสรรค์ผลงานเพลงฮิปฮอปที่น่าจับตามองมากมาย ภายใต้สังกัดค่าย YUPP! ซึ่งรวมถึงผลงานสะเทือนวงการฮิปฮอปอย่าง ANTLV เมื่อปี 2564

ล่าสุด AUTTA กลับมาอีกครั้ง พร้อมอัลบั้มใหม่ที่มีชื่อว่า 3.45 x 4.9 x 2.55 อันเป็นตัวเลขของขนาดห้องสี่เหลี่ยมเบอร์ 704 ที่เขาใช้พักอาศัย และยังเป็นสถานที่ที่บรรจุเรื่องราวมากมายในชีวิตของเขา ซึ่งในที่สุดก็กลายเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่เขานำมาทดลอง ปรุงรสด้วยเสียงดนตรี และบอกเล่าออกมาให้ทุกคนฟัง

“การทดลอง” ในห้องเบอร์ 704

4 ปี คือจำนวนปีที่ AUTTA อาศัยอยู่ในห้องเบอร์ 704 โดยเข้ามาอยู่ตั้งแต่เรียนชั้นปีที่ 2 จนกระทั่งเรียนจบ ซึ่งนอกจากจะเป็นที่ “กิน งีบ รีบ นอน” แล้ว ห้องนี้ยังเป็นต้นทางและปลายทางของเรื่องราวทั้งหมดในอัลบั้ม 3.45 x 4.9 x 2.55

“ทำไมต้องเป็นห้องนี้ เพราะว่าตัวเพลง พอมันทำไปเรื่อยๆ แล้ว เราค่อยมาเห็นว่าทุกเพลงมันวิ่งกลับเข้าไปที่ความเป็นห้องนี้ การใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้ ความนึกคิดของเราอยู่ในห้องนี้ มันก็มีทั้งช่วงที่เรารู้สึกโกรธตัวเอง ไม่ชอบตัวเอง โกรธคนอื่น เกลียดคนอื่นบ้าง สงสัยในตัวเอง ทำงานหนัก แล้วเราสงสัยว่าเราทำไปทำไมวะ”

เช่นเดียวกับนักเล่าเรื่องคนอื่นๆ AUTTA มีเรื่องราวของตัวเอง และถ่ายทอดมันออกมาผ่านเสียงเพลง ด้วยแนวดนตรีที่หลากหลาย บางครั้งก็ซับซ้อน และบางครั้งก็เรียบง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเขาเล่าถึงแนวคิดในการทำเพลงของตัวเองว่า “ไม่ได้คิดอะไรเลย” และเรียกการทำงานของเขาว่า “การทดลอง”

“เอาตรงๆ ก็คือไปเรื่อยครับ แต่ว่าจะมีนิดหนึ่งก็คือส่วนใหญ่ผมจะมีคอนเซ็ปต์ของเพลงนั้นก่อนว่าพูดถึงเรื่องอะไร mood & tone ประมาณไหน แล้วก็หาดนตรีเข้าไปจับกัน ก็เลยออกมาเป็นสภาพนี้มากกว่า”

“ทดลองทุกเพลงครับ ทดลองหมดเลย บรรยากาศในการทดลองสิ่งเหล่านี้ก็มีเวิร์กบ้าง ไม่เวิร์กบ้าง เป็นธรรมดาของการทดลองครับ เหมือนฟีลแบบทดลองสารเคมีแล้วมันบูม! ระเบิดน่ะ เป็นบ่อยครับ แบบว่าไม่เวิร์กก็เยอะครับ ก็ลบทิ้งซะบ่อย ก็ใช้เวลาเยอะ”

11 เรื่องราวที่มากกว่า “กิน งีบ รีบ นอน”

AUTTA เปิดม่านเรื่องเล่าของเขาเองด้วยเพลง “704” ชื่อเดียวกับเลขห้อง เดาได้ไม่ยากว่านี่คือภาพรวมของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องนี้ โดยท่ามกลางดนตรีแจ๊สฟังสบายหู AUTTA แร็ปเล่าเรื่องชีวิตประจำวันและการทำเพลงอยู่ในห้องแคบๆ ของตัวเอง ชีวิตนักดนตรีในประเทศที่ไม่เอื้อให้อาชีพนักดนตรีสามารถอยู่รอดได้จากการเล่นดนตรีเพียงอย่างเดียว และเมื่อท้องไม่อิ่ม ก็ไม่ต้องพูดถึงสิทธิที่จะฝัน ตามด้วยเรื่องราวของนักเรียนดนตรีที่รู้สึกแปลกแยกจากสังคมในรั้วโรงเรียน อย่างไรก็ตาม ห้องแคบๆ นี้กลับทำให้เขารู้ว่า “พื้นที่ไม่สามารถบดขยี้ฝันหรือขังศักยภาพคน” เขาได้เติบโตขึ้นในห้องนี้ และพร้อมที่จะโบยบินในที่สุด

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างในเพลง 704 นี้ คือบรรดา Easter Eggs ที่ AUTTA ตั้งใจซ่อนไว้ ไม่ว่าจะเป็นความยาวของเพลง ที่อยู่ที่ 4.07 นาที Time Signature 7/4 บีตดนตรีของเพลงซึ่งอยู่ที่ 74 bpm และในเนื้อเพลงยังกล่าวถึง Stan Getz นักดนตรีแจ๊ส เจ้าของฉายา The Sound และเจ้าของเพลง Seven Steps to Heaven

ขณะที่คนรุ่นใหม่จำนวนมากพยายามอย่างหนักที่จะประสบความสำเร็จในโลกที่แทบไม่เหลืออะไรให้ครอบครอง AUTTA ก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น ที่ทำงานหนักเพื่อเดินตามความฝัน ดังนั้น หลายเพลงของเขาจึงบอกเล่าประเด็นนี้ แม้ดนตรีจะเป็นความสุขของเขา แต่ตัวตนของเขาก็ถูกกัดกินในระหว่างทางอยู่เสมอ ทั้งจากการทำงานหนักจนไม่ได้พักผ่อน ไปจนถึงการหลงลืมว่าตัวเองคือใคร

“ทางรถไฟกับวัยเซ่อ” แทร็กที่สองที่บอกเล่าเรื่องราวในช่วงเวลาพักจากการทำงานหนักด้วยการเดินจิบเบียร์กับเพื่อนไปตามทางรถไฟอย่างไร้จุดหมาย และสิ่งที่เขาพบเจอระหว่างทางก็ทำให้เขาเข้าใจว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่คนเราต้องการมากที่สุดคือชีวิตที่สงบและเรียบง่าย

เสียงสะท้อนของคนรุ่นใหม่ที่กัดฟันทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ปรากฏอีกครั้งในเพลง “ไม่ว่างมองฟ้า” ซึ่งยังคงเป็นดนตรีแจ๊สนุ่มๆ คลอไปกับเสียงแร็ปของ AUTTA, Pratyamic และ K.AGLET ที่พูดถึงการต่อสู้ของคนธรรมดา ที่ต้องก้มหน้าก้มตาพยายามมากกว่าคนอื่น เพื่อจะเติบโตในวงการฮิปฮอป จนไม่มีเวลาได้เงยหน้ามองท้องฟ้า เช่นเดียวกับ “ทบทวน” เพลงอะคูสติกที่ให้ความรู้สึกล่องลอยไปในกระแสความคิดสารพัดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ทำให้เราเห็นภาพของคนที่ทำงานหนัก และกำลังนั่งสูบบุหรี่พลางคิดเรื่องต่างๆ เรื่อยเปื่อย และทำให้เราเข้าใจว่า บางทีเราก็แค่ต้องการเวลาเป็นของตัวเองเหมือนกัน

นอกจากการตั้งคำถามถึงความหมายของสิ่งที่ทำ AUTTA ได้สะท้อนความรู้สึกสงสัยในตัวเอง ผ่านเพลง “เธอบอกว่าฉันคือ” ที่ปรับดนตรีให้มีความป็อปขึ้น พร้อมเสียงทุ้มๆ ของ พัด Zweed n’ Roll เนื้อเพลงที่มีความเป็นบทกวี บอกเล่าความรู้สึกของคนคนหนึ่งที่สามารถเป็นได้ทุกอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็น แต่กลับรู้สึกว่าแท้จริงแล้ว ตัวเองไม่ได้เป็นอะไรเลย ซึ่งเพลงนี้ AUTTA เล่าว่าเป็นเพลงที่ทดลองแล้ว “ระเบิดตูมตาม” มากที่สุด ต้องรื้อหลายครั้ง กว่าจะออกมาเป็นเพลงเพราะๆ แบบนี้ได้

นอกจากความจมดิ่ง อัลบั้ม 3.45 x 4.9 x 2.55 ยังมีส่วนที่พลุ่งพล่านและเกรี้ยวกราดอยู่ด้วยเช่นกัน อย่างเพลง “เกลียดกูก่อนมึง” เพลงเนื้อร้องกวนประสาท ที่ AUTTA ใช้สะท้อนความรู้สึกเกลียดนิสัยบางอย่างของตัวเอง และถึงแม้ว่าคนอื่นจะเกลียดนิสัยของเขา แต่เขายืนยันกว่าก่อนที่ทุกคนจะเกลียดเขา เขาได้ชิงเกลียดตัวเองก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม เพลงนี้ให้พลังที่เข้มข้น มีความประชดประชัน แต่ก็คึกคักกว่าเพลงอื่นๆ ในอัลบั้ม ด้วยเสียงกีตาร์ที่สนุกและยียวน 

เสียงกีตาร์ของ “เกลียดกูก่อนมึง” เชื่อมโยงกับเพลงต่อมาคือ “Introvert” ที่ทำหน้าที่ส่งเสียงในใจอันเกรี้ยวกราดของคนโลกส่วนตัวสูง โดยพยายามบอกโลกว่า อย่าเอาไม้บรรทัดของคนทั่วไปมาตัดสินคน Introvert เสริมด้วยเสียงโซโลกีตาร์กระแทกใจ ฝีมือของอันดา – อลันดา ฉันทรัตนโชค แชมป์กีตาร์ระดับโลก เพื่อนสนิทของ AUTTA นั่นเอง

จากความเกรี้ยวกราด AUTTA เสิร์ฟมุมมองเกี่ยวกับความเจ็บปวดในเพลง “หลอกมาเลย” เพลงอกหักของคนที่ยินดีที่จะโดนหลอก และยินดีที่จะหลอกตัวเองไปเรื่อยๆ ว่าความรักยังดี เพียงเพราะยังไม่สามารถยอมรับความจริงว่าความรักนั้นไม่เหลืออยู่แล้ว รวมทั้ง “สุดท้ายแล้วเราจะ” เพลงที่ว่าด้วยความทรงจำ ที่ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ สุดท้ายแล้วคนเราก็จะลืมสิ่งเหล่านี้ในที่สุด ซึ่งเพลงนี้สร้างอารมณ์ปล่อยวางด้วยเสียงทุ้มนุ่มของเล็ก Greasy Cafe ที่มาร่วมร้องในท่อนฮุกด้วย นับว่าเป็นอีกเพลงที่สวยงามทั้งในแง่แนวคิด เนื้อร้อง และดนตรี ให้ความรู้สึกท่วมท้นและเรียกน้ำตาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

อีกหนึ่งเพลงที่เรียกได้ว่าทำวงการเพลงสั่นสะเทือน นั่นคือ “ANTLV” ซึ่งย่อมาจากคำว่า “Another Level” ก็เป็นการทดลองแล้วเกิดระเบิดครั้งหนึ่งของอัลบั้มนี้ โดยเนื้อเพลงพูดถึงการเดินทางของ AUTTA ในเส้นทางแร็ปเปอร์ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกอย่างให้เหนือกว่าคนอื่น แต่เป็นการเอาชนะตัวเองในอดีต เพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงที่แสดงศักยภาพของ AUTTA อย่างชัดเจน ทั้งในด้านการแต่งเนื้อร้องและดนตรีอันพลุ่งพล่าน นอกจากนี้ AUTTA ยังเล่าว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่กำหนดทิศทางในการทำงาน รวมทั้งวางกรอบวิธีคิดและซาวนด์ดนตรีอื่นๆ ในอัลบั้มด้วย

อัลบั้ม 3.45 x 4.9 x 2.55 สิ้นสุดลงที่เพลง “ประกายฟ้า” เพลงเรียบง่ายที่มีแต่เสียงเปียโนและเสียงร้องเพลง ให้อารมณ์ที่อบอุ่นและปลอบประโลมจิตใจ ความเรียบง่ายของดนตรีสะท้อนให้เห็นความจริงใจ เป็นมิตร และความห่วงใยคนอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีข้อมูลว่า เพลงนี้เขียนขึ้นเพื่อระลึกถึง “ประกายฟ้า พูลด้วง” นักร้องและ YouTuber ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองจากความเครียดในสถานการณ์โควิด-19

อย่างไรก็ตาม เมื่อฟังทั้ง 11 เพลงแล้ว เราพบว่า นี่ไม่ใช่อัลบั้มที่สะท้อนชีวิตของ AUTTA เท่านั้น แต่ความฝัน ความโกรธ ความเจ็บปวด ความสงสัยในตัวเอง หรือการหลงลืมบางอย่างในชีวิต ล้วนมีอยู่ในชีวิตของคนทั่วไปทั้งสิ้น จึงไม่น่าแปลกใจหากใครสักคนจะดำดิ่งไปกับอารมณ์ต่างๆ ในเพลงเหล่านี้ เพราะเรื่องเล่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของมนุษย์ทุกคน

การค้นพบของนักดนตรีที่ชื่อ AUTTA

“อย่างแรกคือค้นพบ preset ของตัวเองครับ คือ preset ว่าตัวเองเป็นคนทำงานแบบนี้ ชอบประสานแบบนี้ ชอบวิ่งแทร็กแบบนี้ จัดการไฟล์เสียงแบบไหน พอมันเข้าใจวิธีการทำงานของตัวเองแล้ว ก็รู้ว่าซาวนด์ของตัวเอง ออกมาจะเป็นประมาณนี้ อีกแง่หนึ่งคือเข้าใจเรื่องของความหมายของตัวเองขึ้นด้วยครับ แบบว่าความหมายของระบบความคิดของตัวเอง ก็เข้าใจตัวเองมากขึ้น” นี่คือสิ่งที่ AUTTA ค้นพบจากการทดลองในห้อง 704

เมื่อถามว่าเขาจะมี preset ใหม่ในอนาคตอีกหรือไม่ เขายืนยันว่ามีแน่นอน เพราะเขายังคงอยากทดลองผสมสารเคมีทางดนตรีใหม่ๆ อีกเรื่อยๆ

และเราก็หวังว่าจะได้ฟังเพลงของเขา ซึ่งก็จะเป็นเพลงของคนฟังทุกคนอีกครั้งหนึ่ง

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า