fbpx

พิธา – ปาปินิยม ความฝันและความหวังของวัยเยาว์ ในการ์ตูนโดราเอมอน

ไม่มีใครคาดคิดว่า  “สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง” จะโหมกระหน่ำการเมืองไทย เมื่อพรรคก้าวไกลสามารถชนะเลือกตั้งได้เสียงในสภาถึง 152 ที่นั่ง มากกว่าที่สังคมคาดการณ์ไว้มาก ทำให้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคเก่าที่ครองแชมป์มาตลอดระยะเวลา 20 ปี ได้ที่นั่งไปเพียง 144 ที่นั่ง และยังชนะพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมสายทหารอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐไปได้ชนิดไม่เห็นฝุ่น นับเป็นปรากฏการณ์ที่สั่นสะเทือนประเทศไทยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

หากไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กำลังจะเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย (42 ปี) นับตั้งแต่หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมทย์ (40 ปี) และพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยรวมเสียงพรรคฝ่ายค้านเก่าและพรรคอื่นๆ โดยมีจำนวน 313 คน

แต่การจะจัดตั้งรัฐบาลนั้น กลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านทั้งด่าน กกต. ที่ต้องรับรองการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อาจจะนานเป็นเดือนๆ ผ่านด่าน ส.ว. ที่ไม่ได้เลือกมาจากประชาชน พยายามใช้คำพูดขู่ว่าจะไม่โหวตให้พิธาเป็นนายกฯ หากยุ่งกับการแก้ไขมาตรา 112 และกลัวอเมริกาจะมาครอบงำไทย (ว่าอย่างนั้น) และหนำซ้ำยังมีพวกนักร้อง นักฟ้องยื่นตรวจสอบการถือหุ้นสื่อ itv ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่กำลังรอจ้องจะเล่นงานตัวเขาอยู่

ดูเหมือนว่าตอนนี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ น่าจะเป็นบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่ลำบากที่สุด เพราะยังไม่ได้รับตำแหน่งก็มีอุปสรรคขวากหนามเต็มไปหมด และในสภาวะที่ฝ่ายอำนาจเก่ายังถือไพ่เหนือกว่า ทั้งอำนาจศาล ส.ว. และกองทัพ โอกาสที่ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่การตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ยุบพรรคการเมือง ไปจนถึง

รัฐประหาร

แต่นั้นก็ไม่ทำให้พิธาหวั่นไหว เขาเลือกที่จะเดินสายพบปะกับกลุ่มเครือข่ายธุรกิจ ผู้ประกอบการ กลุ่มผู้ใช้แรงงาน  สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อที่จะเตรียมพร้อมกับการทำงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า (ถ้าไม่มีอุบัติเหตุกลางทางเสียก่อน) อีกทั้งยังเข้าหาประชาชน ผ่านการคุยในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา โดยประชาชนได้เห็นพิธาโชว์วิสัยทัศน์ แนวคิด และไลฟ์สไตล์ของเขา จนล่าสุดที่พิธาพูดถึงสุราพื้นบ้าน โดยแนะนำสุราท้องถิ่น พร้อมกับพูดสนับสนุนนโยบายสุราก้าวหน้า จนถึงตอนนี้ มีสุราหลายเจ้าที่ขายหมดในเพียงชั่วข้ามคืน ถึงขนาดผลิตไม่ทันกันเลยทีเดียว

พิธาได้กลายเป็นผู้นำที่มีความชอบธรรมไปแล้ว และไม่มีอะไรมาหักล้างได้ อีกทั้งยังเป็นการสื่อสารที่ชัดเจนต่อกลุ่มอำนาจนิยมเก่าที่พยายามจะจัดการเขาทุกวิถีทางว่า หากมีอะไรก็ตาม ที่ทำให้พิธาไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ จะเกิดความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ประชาชน ซึ่งแน่นอนว่า ฝ่ายอำนาจนิยมเก่าก็อยากจะใช้วิธีการต่างๆ ทำลายความชอบธรรมของพิธาให้หมดไป เพื่อกำจัดอย่างง่ายดาย

ฉากทัศน์การเมืองไทยตอนนี้ ทำให้นึกถึงหนังการ์ตูน “โดราเอมอน ตอน สงครามอวกาศของโนบิตะ” ซึ่งมีทั้งในรูปแบบมังงะ และอะนิเมะ (มีทั้งภาคปี 1985 และ Remake 2021) ที่จะมีตัวละคร ชื่อ ปาปิ มนุษย์ต่างดาวเด็กตัวจิ๋ววัย 10 ขวบ ที่มาจากดาวพิริกา โดยหนีการรัฐประหารของนายพลกิลมอร์  ผู้นำกองทัพของพิริกาที่ก่อตั้งองค์กร PCIA เพื่อจัดการตามล่าผู้ต่อต้าน ปาปิ แม้ภายนอกเขาจะดูเด็ก แต่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยตอน 8 ขวบ และที่ดาวพิริกานั้น หากเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ต่อให้เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็จะมีสถานะเท่าเทียมกัน และเลือกสายงานอาชีพที่ตัวเองชอบได้ และหากได้รับเลือก อายุ 10 ขวบ ก็เป็นประธานาธิบดีได้ 

PCIA องค์กรของนายพลกิลมอร์ได้ส่งโดรากุรุ หัวหน้าองค์กร PCIA ซึ่งมีหน้าที่จัดการผู้เห็นต่างและนำไปรายงานแก่นายพลกิลมอร์ ปาปิก็อยู่ในลิสต์เช่นกัน และที่สำคัญ ปาปิคือจุดประสงค์ในการจัดการทั้งหมด เพราะเขาคือประธานาธิบดีที่ถูกนายพลกิลมอร์รัฐประหารมา โดยนายพลกิลมอร์นั้นจำเป็นต้องใช้ปาปิในการสร้างความชอบธรรม โดยการยอมรับว่านายพลกิลมอร์เป็นผู้นำ และทำการสวมมงกุฎตั้งตัวเองขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ 

นับว่าโชคดีที่ปาปินั้น พบกับพวกโดราเอมอน ตอนที่ไปถึงดาวโลก แม้ว่าปาปิจะไม่อยากให้พวกโดราเอมอนมาช่วย เพราะกลัวจะเป็นอันตราย แต่พวกโดราเอมอนก็เลือกที่จะช่วยเหลือปาปิ แม้จะมีภัยรออยู่ข้างหน้า เพราะปาปินั้นเป็น “เพื่อน” ของพวกเขา 

ในตอนจบของเรื่องในแต่ละยุค ทั้งปี 1985 ทั้ง 2021 ทั้งมังงะ มีจุดจบเดียวกัน คือ ทหารของนายพลกิลมอร์ถูกจัดการโดยพวกโดราเอมอน นายพลกิลมอร์พยายามหนีออกนอกประเทศ แต่กลุ่มต่อต้านและประชาชนต่างลุกฮือกันต่อต้านจอมเผด็จการ จนทำให้นายพลกิลมอร์ยอมรับความพ่ายแพ้ และดาวพิริกาก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง 

แต่ในการดำเนินเรื่องที่น่าสนใจมากคือ การอารยะขัดขืนของปาปิที่มีต่อนายพลกิลมอร์ ซึ่งแต่ละยุคจะแตกต่างกัน อย่างของปี 1985 จะเป็นช่วงที่ปาปิถูกจับไปแล้วก็ถูกนำตัวขึ้นศาลใหญ่แห่งดาวพิริกา โดยประธานศาลตัดสินให้ปาปิถูกประหารชีวิตในอีก 2 วัน โดยศาลให้จำเลยก็คือปาปิได้กล่าวอะไรก่อนจะเข้ากระบวนการ  ซึ่งที่ปาปิได้กล่าวว่า 

“…ฉันขอฝากไว้คำหนึ่ง ในสภาวะที่ไร้กฎหมายเช่นนี้ ไม่มีวันอยู่ได้ยืนยาวหรอก อีกไม่ช้า ความโกรธแค้นของประชาชนจะลุกฮือไปทั่วพิริกา กลายเป็นไฟเผาผลาญพวกเผด็จการให้เป็นเถ้าถ่านไปในที่สุด…”

ปาปิ (จากมังงะ โดราเอมอน ตอนสงครามอวกาศ)

แต่ถ้าเป็นเวอร์ชั่นปี 2021 จะเป็นตอนที่ปาปิได้ไปมอบตัวกับนายพลกิลมอร์ และจะยอมยกตำแหน่งประธานาธิบดีให้ และได้เข้าร่วมงานสถาปนานายพลกิลมอร์เป็นจักรพรรดิ โดยที่จะมีการถ่ายทอดสดให้ชาวเมืองพิริโปลิส เมืองหลวงของพิริกาได้ดู เพื่อการสร้างความชอบธรรม (legitimacy) โดยการมอบอำนาจให้กับนายพลกิลมอร์ในการปกครองดาวพิริกา แต่กลับกลายเป็นว่าปาปิได้ใช้โอกาสนี้ ในการพูดถึงมิตรภาพระหว่างโนบิตะและผองเพื่อน ที่มีส่วนในการดึงความกล้าของเขาออกมาต่อสู้กับความกลัวที่อยู่ในใจ และการปลุกระดมชาวพิริกาในการต่อสู้กับระบอบเผด็จการ ปกป้องเสรีภาพของตัวเอง อีกทั้งยังประจานนายพลกิลมอร์ว่า เป็นจอมเผด็จการไร้ความชอบธรรม จนทำให้นายพลกิลมอร์โกรธควันออกหู

ไม่รู้ว่า ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ จะได้รับแรงบันดาลใจจากประเทศแถวนี้หรือเปล่า? แต่ที่แน่ๆ มันกลายเป็นเรื่องสอนเด็กอย่างดี ที่พูดถึงความน่ากลัวของระบอบเผด็จการที่มีทหารเข้ามาครองอำนาจ ซึ่งตัวฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ ได้พบเจอในช่วงที่ทหารได้ขึ้นมามีอิทธิพลในการเมืองญี่ปุ่นในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง จนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่น และการใช้ตัวละครผู้นำให้เป็นเด็ก ก็คงจะไม่สื่ออะไรไปกว่า การที่นักการเมืองญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะเป็นคนผู้สูงอายุ และแทบจะไม่มีผู้นำที่มีอายุน้อย และระบบการเมืองที่ความเป็นอนุรักษนิยมสูงไม่เอื้ออำนวยให้คนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำงาน นอกจากจะต้องเป็นผู้มีเส้นสายและเป็นคนที่มีครอบครัวทำงานการเมือง เป็นสาเหตุที่ทำให้คนหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นไม่สนใจการเมือง

ความเหมือนของพิธาและปาปิ คงจะเป็นการพยายามใช้ความกล้า สลัดความกลัวในใจ และนำความหวังมาสู่ผู้คน โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ภายใต้สภาวะแห่งความกลัวมาอย่างยาวนาน การไม่สยบยอมต่ออำนาจนิยม การอารยะขัดขืน และการไม่เล่นเกมของผู้มีอำนาจ จึงเป็นดั่งการสร้างพลังและความกล้าในใจประชาชน และทำให้พวกเขาร่วมที่จะต่อสู้ต่อระบอบเผด็จการไปกับผู้นำของพวกเขา 

ที่เขียนมานี้ไม่ได้ต้องการจะบอกว่าพิธาหรือปาปิเป็นฮีโร่หรือคนดีของประชาชนแต่อย่างใด เพราะสุดท้ายนักการเมืองก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่สามารถมีข้อผิดพลาด หรือทำอะไรโดยไม่คิดไตร่ตรองเสียก่อน และควรถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา 

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าพิธาจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่า ส.ว. จะโหวตหรือไม่โหวตให้ ไม่ว่าจะมีคนไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และหาทางสร้างความชอบธรรมของตัวเองในการอยู่ต่อ จงจำไว้เถิดว่า ไม่มีอะไรที่หยุดความเป็นไปของกาลเวลาให้ย้อนกลับได้ ดังที่พิธาได้เคยพูดว่าตอนที่อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญ ในการปิดสวิตช์ ส.ว. ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ว่า

“ท้ายที่สุดอยากฝากไปยังผู้มีอำนาจทุกท่านที่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถเหนี่ยวรั้งเข็มนาฬิกาไว้ได้ ขออวยพรให้ท่านมีอายุยืนเพียงพอที่จะเห็นความพยายามของท่านล่มสลายไม่มีชิ้นดี ได้เห็นความต้องการของท่านถูกบดขยี้ด้วยกงล้อของเวลา ที่เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และได้มีโอกาสรับรู้กับตาของท่านเองว่า ผู้คนและยุคสมัยจะตราหน้าพวกท่านว่าอย่างไรไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติเรา”

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

เขียนโดย ศรายุทธ อาตวงษ์

ที่มา : thansettakij / matichon 1 2

  • การตูนโดราเอมอนชุดพิเศษ ตอน สงครามอวกาศ
  • โดราเอมอน ตอน สงครามอวกาศ (1985)
  • โดราเอมอน ตอน สงครามอวกาศจิ่วของโนบิตะ (2021)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า