fbpx

“สัปดาห์ทำงาน 4 วัน” ปฏิวัติวันทำงาน สร้างบาลานซ์ชีวิต 

รู้หรือไม่ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ มาเป็นเวลาเกือบร้อยปีแล้ว และด้วยวิถีชีวิตของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ก็เกิดกระแสการปรับลดชั่วโมงการทำงาน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว ซึ่งจะนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของมนุษย์ และแนวทางหนึ่งที่เริ่มมีการทดลองใช้ คือการจัดให้มี “สัปดาห์ที่มีการทำงาน 4 วัน” เพื่อคุณภาพชีวิตของแรงงาน ที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานที่มากขึ้นในอนาคตด้วย

สัปดาห์ที่มีการทำงาน 4 วัน คือการทำให้ชั่วโมงการทำงานลดลง 20% โดยไม่หักค่าจ้างและผลผลิตไม่ลดลง ซึ่งแตกต่างจากชั่วโมงการทำงานที่บีบอัด โดยให้พนักงานทำงานในชั่วโมงการทำงานเท่าเดิมในจำนวนวันที่น้อยลง

แนวทางนี้เริ่มทดลองใช้ในหลายบริษัท โดยในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว บริษัท 61 แห่ง ทดลองใช้แผนการทำงานนี้เป็นเวลา 6 เดือน ผลปรากฏว่า บริษัท 56 แห่งจากทั้งหมด ขยายแผนสัปดาห์ที่มีการทำงาน 4 วันต่อไป และ 18 แห่งจาก 56 แห่ง ยึดแนวทางนี้อย่างถาวร

ขณะที่ในสเปนมีการสนับสนุนเงิน 10 ล้านยูโร ให้กับผู้ผลิตรายย่อย เพื่อให้สามารถปรับลดชั่วโมงการทำงานอย่างน้อย 10% โดยยังสามารถจ่ายเงินค่าจ้างได้เท่าเดิม ตลอดระยะเวลาทดลอง 2 ปี

ด้านบริษัทยูนิลีเวอร์ทดลองสัปดาห์การทำงาน 4 วัน ในกลุ่มพนักงานในนิวซีแลนด์ จำนวน 80 คน ในช่วง 18 เดือน และขยายโครงการเป็นพนักงาน 500 คน ในออสเตรเลีย

พนักงานกว่า 500 คน ในบริษัท 28 แห่ง ของแอฟริกาใต้ เข้าร่วมการทดลองสัปดาห์ทำงาน 4 วัน ซึ่งเริ่มต้นเมื่อเดือนมีนาคม และจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน และการทดลองครั้งที่สองจะเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ ต้นปี 2022 รัฐบาลเบลเยียมประกาศการปฏิรูปมาตรการที่ให้สิทธิพนักงานทำงาน 4 วัน โดยไม่ถูกหักเงินเดือน กฎหมายมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2022

สำหรับในสหราชอาณาจักร สภามณฑลเซาธ์ เคมบริดจ์เชียร์ ตกลงที่จะทดลองให้มีสัปดาห์การทำงาน 32 ชม. สำหรับพนักงานเก็บขยะและพนักงานขับรถ ในช่วงฤดูร้อนนี้ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการทดลองลดชั่วโมงการทำงานของพนักงานออฟฟิศมาแล้ว

สัปดาห์ทำงาน 4 วัน ส่งผลดีต่อพนักงาน โดยทำให้พนักงานมีความสุขมากขึ้น และสามารถทำงานได้มากขึ้น

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยแซนฟอร์ดเปิดเผยถึงความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างปริมาณงานกับผลงาน พนักงานที่ทำงานมากเกินไปจะผลิตผลงานได้น้อยกว่าพนักงานที่ทำงานในสัปดาห์ปกติ

“เมื่อคนเรามีความสุขกับวันหยุดพิเศษเพิ่มเติม ซึ่งสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับงาน ก็จะทำให้เรามีความสุขกับงานมากขึ้นและเครียดน้อยลง และคนที่มีความสุขมากขึ้นก็จะทำงานได้ดีขึ้น” แคลร์ แดเนียลส์ ซีอีโอของบริษัทด้านการตลาดดิจิทัล Trio Media กล่าว

ขณะเดียวกัน งานวิจัยเกี่ยวกับช่องว่างทางรายได้ของสำนักงานความเท่าเทียมของรัฐ (Government Equalities Office) ชี้ให้เห็นว่า ชาวอังกฤษราว 2 ล้านคน ยังไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากต้องรับผิดชอบการดูแลลูก และ 89% ของคนกลุ่มนี้เป็นผู้หญิง ดังนั้น สัปดาห์ที่มีการทำงาน 4 วัน จะช่วยให้พนักงานมีเวลาอยู่กับครอบครัว และผลัดเปลี่ยนกันรับผิดชอบหน้าที่ดูแลครอบครัวได้

อย่างไรก็ตาม แนวทางสัปดาห์ทำงาน 4 วัน ยังมีข้อเสียคือ ไม่ใช่ธุรกิจทุกแห่งจะสามารถใช้แนวทางนี้ได้ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีทรัพยากรจำกัด โดยเฉพาะในแง่ต้นทุนมนุษย์ การทำงานเป็นกะจึงทำได้ยากกว่า

ขณะเดียวกัน อเล็กซ์ ซูจัง-คิม พัง ผู้จัดการโครงการ 4 Day Week Global กล่าวว่า สัปดาห์การทำงาน 4 วัน จะได้ผลดีในบางอุตสาหกรรมมากกว่า

“กลุ่มธุรกิจที่ใช้แนวทางนี้กลุ่มแรกๆ มักจะเป็นสถานที่ที่ทุกคนทำงานในบทบาทเดียวกัน การใช้แนวทางสัปดาห์การทำงาน 4 วัน ในบริษัทเหล่านั้นจะแตกต่างจากการใช้แนวทางนี้ในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีหลากหลายอาชีพ และตารางการทำงานที่แตกต่างกัน แนวทางนี้จึงจำเป็นต้องมีการประสานงานกันเพื่อให้ประสบความสำเร็จ และเราก็ยังคงเรียนรู้กันอยู่” 

นอกจากนี้ ยังมีความเครียดที่เกิดขึ้นจากการทำงานในสัปดาห์ที่สั้นลงด้วย “เมื่อไม่มีวันทำงานวันที่ 5 ย่อมเกิดความรู้สึกเครียดยิ่งขึ้นในระหว่างสัปดาห์ เพื่อให้พนักงานมีวันหยุดที่ยาวขึ้น” ลอรา ไวต์ ผู้จัดการโครงการและงานวิจัยของ Waterwise กล่าวกับ BBC

และเมื่อเศรษฐกิจฝืดเคือง บริษัทต่างๆ ก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในการปฏิบัติงานน้อยลงเช่นกัน

แม้จะมีปัญหาใหญ่ๆ ตามมามากมาย แต่ดูเหมือนว่าภาคประชาชนและภาคธุรกิจจะสนใจแนวทางนี้ เพราะผลสำรวจเปิดเผยว่า 58% ของชาวอังกฤษคาดหวังว่าสัปดาห์การทำงาน 4 วัน จะกลายเป็นแนวทางปกติในการทำงานภายในปี 2030 ขณะที่มีเพียง 22% ที่ไม่เชื่อว่าแนวทางนี้จะเกิดขึ้นได้

ขณะที่ 64% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรจะกลับไปใช้แนวทางสัปดาห์การทำงาน 4 วันอีกครั้ง

การสำรวจของ YouGov เกี่ยวกับทัศนคติของผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจในบริษัท จำนวน  1,028 คน ระบุว่า 34% สนับสนุนแนวทางนี้อย่างมาก ขณะที่ 30% สนับสนุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมีเพียง 15% ที่ไม่เห็นด้วยอย่างมากกับแนวทางนี้

ที่มา : indy100

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า