หลังจากช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวเกิดขึ้นว่า True บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของตลาด เตรียมเข้าซื้อกิจการ Dtac จนทำให้ทั้ง 2 บริษัทต้องออกหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
ล่าสุด ช่วงเช้าวันนี้ (22 พ.ย. 2564) บริษัท โทเทิล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (Dtac) และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (True) ได้มีหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของทั้ง 2 บริษัท อนุมัติให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการระหว่าง 2 บริษัท รวมถึงจะทำการตรวจสอบกิจการของอีกฝ่ายหนึ่งจนเป็นที่พอใจ (Due Diligence) ขออนุมัติมติที่เกี่ยวข้องจากที่ประชุมคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นทั้ง 2 บริษัท และดำเนินตามกฎหมายต่างๆ ให้แล้วเสร็จ
ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นการร่วมมือกันอย่างเท่าเทียม (Equal Partnership) โดยจะถือหุ้นในบริษัทใหม่ในจำนวนเท่ากัน ปรับโครงสร้างให้ทั้ง 2 บริษัท เป็นบริษัทเทคโนโลยี พร้อมทั้งตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture Company) ระหว่าง Telenor Asia ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Dtac และ เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ True ในชื่อ ซิทริน โกลบอล (Citrine Global) เพือทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ท้งหมด และได้พิจารณากําหนดอัตราการจัดสรรหุ้น (Swap Ratio) สําหรับการจัดสรรหุ้นในบริษัทใหม่ที่จะเกิดหลังการควบรวมบริษัทแล้ว ในอัตราส่วนดังนี้
– 1 หุ้นเดิมใน TRUE ต่อ 2.40072 หุ้นในบริษัทใหม่
– 1 หุ้นเดิมใน dtac ต่อ 24.53775 หุ้นในบริษัทใหม่
นอกจากนี้ มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า บริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่หลังการควบรวมกิจการ จะมีการตั้งกองทุนมูลค่าประมาณ 100-200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการและสตาร์ตอัพบนแพลตฟอร์มดิจิทัล เน้นการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ให้คนไทย
หลังจากมีการยืนยันแล้ว หุ้นของทั้ง 2 บริษัท ปรับตัวไปในทิศทางบวกทันที โดยราคาหุ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ของวันนี้ เป็นดังนี้
– DTAC อยู่ที่ 45.25 บาท (+4.00 บาท) เพิ่มขึ้นจากราคาเปิดตลาดเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564 ซึ่งอยู่ที่ 41.25 บาท
– TRUE อยู่ที่ 4.88 บาท (+0.56 บาท) เพิ่มขึ้นจากราคาเปิดตลาดเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564 ซึ่งอยู่ที่ 4.32 บาท
สิ่งที่น่าจับตาคือ เมื่อทั้ง 2 บริษัทรวมกัน อาจทำให้มีจำนวนลูกค้ารวมมากถึง 50 กว้าล้านเลขหมาย และขึ้นสู่การมีส่วนแบ่งในตลาด (Market Share) เป็นอันดับ 1 ในตลาดบริการโทรคมนาคม รวมถึงการดำเนินการของหน่วยงานกำกับดูแล ทั้ง สำนักงาน กสทช. และสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) ว่าจะมีการจัดการอย่างไรเพื่อให้การแข่งขันในตลาดโทรคมนาคม ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่เกิดการผูกขาดทางการค้า
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามรายละเอียดของดีลควบรวมกิจการครั้งนี้จากการแถลงข่าวเพิ่มเติมจากทั้ง 2 บริษัทอย่างเป็นทางการ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้
Journalist
