fbpx

“ความสุขของผมคือการพัฒนาคน” เปิดวิธีสร้างคนเก่งขึ้นในทุกวัน จาก Sowon Clinic

ความสุขในการทำงานของคุณคืออะไร?

เชื่อว่าหลายคนคงมีคำตอบในใจที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น งานดี เงินดี หรือ สังคมดี หนึ่งในนี้ก็อาจเป็นตัวเลือกที่หลายคนหยิบมาเป็นนิยามของความสุขในการทำงาน เพราะมันสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความพึงพอใจในการทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรม หรือแม้กระทั่งบางคนก็ใช้เป็นแรงจูงใจให้อยากเด้งตัวลุกจากที่นอนเพื่อไปทำงานในทุกๆ เช้า 

ที่มา: Line Man Wongnai

เมื่อความสุขคือความรู้สึกที่พึงพอใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนมักจะพยายามไขว่คว้าตามหาสิ่งที่เรียกว่า ‘ความสุข’ ให้กับชีวิตตัวเอง หนึ่งในนั้นก็คือ หมอกอล์ฟ – นายแพทย์ ธนพล มารัตนะ ผู้ก่อตั้งคลินิกเสริมความงาม โซวอนคลินิก (Sowon Clinic) ซึ่งเขาผันตัวจากการเป็นแพทย์ผ่าตัดในคลินิกเสริมความงาม มาเป็นผู้บริหารและเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง

ก่อนถึงวันที่พบกัน เราได้พูดคุยกับหมอกอล์ฟทางโทรศัพท์ถึงมุมมองของการเป็นผู้บริหาร โดยหมอกอล์ฟเน้นย้ำกับเราว่า สิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือการพัฒนาคนในองค์กร พร้อมชวนให้เราลองนึกภาพตามว่า การทำงานที่โซวอนเป็นเหมือนโรงเรียนที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนที่เด่นชัดพร้อมให้ทุกคนได้เรียนรู้และเติบโตในสายอาชีพ

เมื่อมีโอกาสได้พบกัน เราได้พูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองกับหมอกอล์ฟอีกครั้ง ทั้งในฐานะที่หมอกอล์ฟเป็นทั้งผู้บริหารธุรกิจและผู้บริหารคน หมอกอล์ฟกล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ที่เรียนหมอมาโดยตรง ทำให้ไม่มีความรู้ในการบริหารธุรกิจและการบริหารคนเลยแม้แต่น้อย โดยเขามีความคิดเพียงแค่ว่าไปอ่านหนังสือ สร้างระบบขององค์กรให้ลงตัว แล้วหาพนักงานมาใส่ตามระบบนั้นๆ ก็เพียงพอ แต่ปรากฏว่าผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นตามที่หวังไว้สักเท่าไร เพราะมีพนักงานเข้าๆ ออกๆ จากบริษัทอยู่บ่อยครั้ง 

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ได้จุดประกายความคิดของหมอกอล์ฟในการไปศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์และการบริหารงานทางด้านจิตวิทยา และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาชื่นชอบกับแนวคิดการบริหารคน จนนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรของตัวเองขึ้นมา ซึ่งประกอบไปด้วยค่านิยมองค์กรที่เป็นหัวใจสำคัญได้แก่ Grit (ศรัทธาในเป้าหมายและตนเอง), Empathy (แสดงออกและรับฟังด้วยหัวใจ), Impact (ใส่พลังกับจุดที่สำคัญ), Teamwork (สนับสนุนกันเป็นทีม) และ Speed (เรียนรู้อย่างเร็ว) นอกจากนั้นยังมีพฤติกรรมย่อยๆ อื่นอีกสะท้อนผ่านตัวตนของคนโซวอนคลินิก 

“ตอนนี้ผมไม่คิดว่ากำลังทำธุรกิจความงามหรือธุรกิจทันตกรรมนะครับ แต่ผมคิดว่าเรากำลังทำธุรกิจบริหารคนมากกว่า ด้วยความที่เราเป็นธุรกิจด้านการบริการ ผมเลยคิดว่าเรื่องคนสำคัญมาก เป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเลย”

เส้นทางตามหาความสุขในการทำงาน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 ที่โซวอนคลินิกได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 6 ปี หมอกอล์ฟเล่าว่าปัจจุบันตัวธุรกิจก็ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้นและต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา 

“ผมย้อนกลับไปช่วงที่เปิดคลินิกใหม่ๆ เป็นชีวิตที่ค่อนข้างวนลูป ผมตื่นมาผ่าตัด กลับบ้าน แล้วได้เงิน พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นมาผ่าตัด กลับบ้าน แล้วได้เงิน ผมเลยรู้สึกว่าชีวิตไม่ค่อยมีความหมายเท่าไร ผมเลยตั้งคำถามกับตัวเองว่า สรุปแล้วที่ผมเกิดมาทุกวันนี้เกิดมาทำไม ผมเกิดมาแค่ผ่าตัดหรือแค่หาเงินหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าปัจจัยเหล่านี้มันไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขจริงๆ”

จากบทเรียนที่หมอกอล์ฟได้เรียนรู้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้เขาต้องไขว่คว้าหาคำตอบว่าความสุขที่แท้จริงของตัวเองคืออะไรกันแน่

“วันหนึ่งผมนั่งทำงานกับทีมงานที่เป็นหัวหน้า ผมก็รู้สึกว่าผมมีความสุขกับการสอนน้องคนหนึ่งจากเลเวลหนึ่ง ให้เขาเติบโตขึ้นไปอีกเลเวลหนึ่งได้ มันเป็นความอิ่มเอมใจของผมที่ทำให้เขาพัฒนาขึ้นได้ ผมเลยพบคำตอบแล้วว่า ความสุขจริงๆ ของผมคือการพัฒนาคน แล้วพอเรามีการขยายสาขา ขยายทีมงาน ก็สามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น ผมก็เลยมีความสุขกับงานนี้”

ส่งต่อความสุขสู่คนในทีม

หลังจากที่เราพูดคุยกันสักพักก็พอจะได้คำตอบแล้วว่า ทำไมหมอกอล์ฟถึงให้ความสำคัญกับการบริหารคนมากขนาดนี้ ถัดมาเราเลยถามถึงวิธีการและแนวทางที่สนับสนุนให้พนักงานสามารถเติบโตขึ้นในเส้นทางอาชีพได้อย่างมีความสุข

หมอกอล์ฟกล่าวว่า ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่มนุษย์ต้องการนั้นมีอยู่ 6 อย่าง หรือที่เรียกว่า 6 Human Needs เป็นแนวคิดของ Anthony Robbins โดยประกอบไปด้วย ความก้าวหน้า (Growth), การเป็นผู้ให้ (Contribution), ความหลากหลาย (Variety), ความสำเร็จ (Significance), ความรัก (Love & Connect) และ ความเชื่อมั่น (Certainty) 

ที่มา: Sowon and Teeth Talk Way

“มันจะมีอยู่แค่สองอย่าง ที่มนุษย์เรารู้สึกถูกเติมเต็มจริงๆ อย่างแรก คือ Growth ถ้าผมมองย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ผมเห็นชีวิตตัวเองเติบโตขึ้นผมก็รู้สึกเติมเต็มแล้ว อย่างที่สอง คือ Contribution เราต้องดูว่าเราทำอะไรเพื่อผู้อื่นบ้าง ถ้าเป็นผมในมุมของหัวหน้า ผมสามารถสร้างหัวหน้าได้อีกหลายๆ คน หรือการทำให้น้องคนหนึ่งจากที่เป็นพนักงานธรรมดาก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าได้ สิ่งเหล่านี้มันช่วยเติมเต็มชีวิตของผมได้จริงๆ”

“แนวทางของผมคือกลับไปตอบสองอย่างนี้ ให้กับน้องในทีมว่าเขาเติบโตไหม และเขาได้ทำอะไรเพื่อคนรอบข้างเขาหรือยัง สุดท้ายแล้วผมเชื่อว่าเขาจะรู้สึกถูกเติมเต็มขึ้นมาโดยอัตโนมัติ และรู้สึกว่ามีความสุขในการทำงานมากขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้ผมมีความสุขตามไปด้วย”

เปิดโอกาสให้ทุกคนมีความสุขแบบตัวเอง

หากมองการทำงานที่โซวอนคลินิกเป็นเหมือนโรงเรียนแห่งหนึ่งที่บ่มเพาะศักยภาพของผู้คนแล้วนั้น ย่อมมีคนจากหลายที่หลายแหล่งมารวมกัน ซึ่งทุกคนก็ย่อมมีความแตกต่างกันไปแบบร้อยพ่อพันแม่ นอกเหนือจากธุรกิจความงามอย่างโซวอนคลินิกแล้ว หมอกอล์ฟยังบริหารธุรกิจทันตกรรมที่ชื่อว่า Teeth Talk Dental Clinic อีกด้วย เมื่อพนักงานรวมกับทีมแพทย์ก็มีมากถึง 500 คน แล้วเมื่อทุกคนมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน เราจึงถามไปยังหมอกอล์ฟว่าที่นี่มีการสอนงาน (Training) พนักงานในองค์กรอย่างไรบ้าง

ที่มา: Sowon and Teeth Talk Way

“เราต้องทำให้รู้สึกว่าที่ทำงานไม่ใช่ที่ทำงาน ให้เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นมากกว่า สนามเด็กเล่นในที่นี้คือ คุณสามารถลองถูกลองผิดได้ โดยต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้มาก่อน แล้วถ้าจะล้มก็ล้มได้เลย เราเปิดโอกาสให้เขาได้ลองอะไรใหม่ๆ ให้เขามีความสามารถในการตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำสั่งของหัวหน้าเท่านั้น”

“บางคนอาจจะมองว่าการลองผิดแบบนี้มันน่ากลัวเพราะอาจส่งผลเสียให้กับองค์กร สำหรับผมแล้วจะมีสองแนวคิดหลักๆ คือ 1. การลองผิดนั้นที่หัวหน้าสามารถแก้ไขได้ ผมว่าก็ควรปล่อยให้เขาลอง 2. การลองผิดนั้นเป็นการลองผิดที่ไม่มีทางแก้ไขได้ อันนี้ก็อาจจะก็ต้องจำกัดพื้นที่ในการลอง”

พื้นที่ความสุขที่พร้อมต้อนรับคนรุ่นใหม่

จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้ไปเยือนออฟฟิศหลังบ้านของโซวอนคลินิก ภาพของผู้คนที่นี่ต่างก็เป็นวัยหนุ่มสาวที่อาจเรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในบริษัทของเหล่าคนรุ่นใหม่เลยก็ว่าได้ เราจึงมีการถามไปยังหมอกอล์ฟว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อต้องทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่

ที่มา: Sowon and Teeth Talk Way

“เขาชอบบอกว่าเด็กสมัยนี้ไม่อดทน เด็กสมัยนี้ไม่เคารพผู้ใหญ่ เด็กสมัยนี้ไม่รู้กาลเทศะ ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ยคิดว่าเป็นเด็กเจนไหนครับ ปรากฏว่าคนที่พูดทั้งหมดนี้คือโซเครติสครับ เขาพูดไปเมื่อสองพันห้าร้อยปีที่แล้ว สิ่งที่ผมอยากจะสื่อก็คือ ไม่ว่าเด็กยุคไหนสุดท้ายเขาก็มีความต้องการในรูปแบบเดียวกันนะครับ สมมติให้พนักงานเป็นผู้เล่น ผู้เล่นของเราก็คือผู้เล่นคนเดิม แต่เกมต่างหากที่เปลี่ยนไป”

“ผมคิดว่าทุกคนเคยเป็นเด็กมาก่อนและทุกคนก็เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน ตัวผมเองก็เคยเป็นเด็กมาก่อน เพราะฉะนั้นแล้ว ผมไม่อยากให้ไปโฟกัสว่า ทำไมน้องคนนี้ไม่อดทนจังเลย แต่อยากให้โฟกัสว่าเอานิ้วชี้เนี่ย แทนที่จะชี้หาคนอื่น ชี้กับตัวเองว่าเราในฐานะหัวหน้า หรือเราในฐานะเพื่อนร่วมงานของเขา ว่าเราสามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้อีกบ้าง ที่จะไปตอบโจทย์ตรงนี้ได้ครับ”

หมอกอล์ฟได้อธิบายว่าเด็กรุ่นใหม่เป็นคนที่ฉลาด หากเขาเห็นว่างานที่ทำไม่เวิร์ค เขาก็สามารถตัดสินใจเปลี่ยนได้ทันที ทั้งนี้ในฐานะของนายจ้างต้องมองกลับมาที่ตัวเองว่ายังมีจุดบอดตรงไหนอยู่บ้างที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่เลือกที่จะทำงานด้วย เพราะการสมัครงานในยุคนี้อยู่ใกล้แค่ปลายนิ้ว เพียงแค่เสิร์ชอินเทอร์เน็ตก็สามารถหาบริษัทได้เป็นสิบที่ สะท้อนให้เห็นว่าทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าบริษัทเลือกพนักงานเหมือนสมัยก่อน แต่กลายเป็นว่าบริษัทต่างหากที่เป็นตัวเลือกของพนักงาน ฉะนั้นแล้วนายจ้างควรจะหาจุดบอดในตัวเองและทำการปิดจุดบอดตรงนั้น ถ้าคนรุ่นใหม่เห็นว่าบริษัทนี้เวิร์คเขาก็อยากที่จะทำงานร่วมด้วย

“สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไง ผมคิดว่ามนุษย์เราต่างก็ต้องการอาหารใจ ถ้าสมมติว่าเราเติมเต็มอาหารใจให้พนักงานได้ ผมคิดว่าต่อให้เราจะบินไปอวกาศได้กี่ดาวไม่รู้แหละ เราจะสำรวจครบทั้งจักรวาลก็ไม่ใช่ปัญหาล่ะ เพราะเราสามารถเติมเต็มเรื่องใจให้เขาได้ เพราะฉะนั้นแล้ว การเปลี่ยนไปของเทคโนโลยีมันเป็นเรื่องผิวๆ แต่สิ่งที่เป็นแกนหลักก็คืออาหารใจ ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่พันปีก็ยังเหมือนเดิม”

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า