fbpx

“รัฐบาลเศรษฐา 1” ไฟเขียววีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน-คาซัคสถาน นาน 5 เดือน

      เรียกได้ว่าเป็นประเด็นร้อนมาหลายเดือน สำหรับปัญหาวีซ่านักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการยื่นขอวีซ่าของนักท่องเที่ยวจีน หลังกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศได้ออกประกาศเพิ่มมาตรการยื่นเอกสารให้เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมกลุ่มทุนสีเทาจีนที่กำลังระบาดหนักในไทยเมื่อหลายเดือนก่อน

     แต่ทว่าในทางตรงกันข้ามก็สร้างความเดือดร้อนให้กับบริษัททัวร์ไทย เพราะมาตรการเข้มงวดดังกล่าว  ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเข้าไทย โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ที่ลดลงอย่างมาก อีกอย่างยังเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนเพิ่งกลับมาฟื้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และรัฐบาลจีนประกาศให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้เพียง 20 ประเทศเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นมีประเทศไทยด้วย เหมือนจะเป็นข่าวดี แต่พอเจอมาตรการของกรมการกงสุลออกมาแบบนี้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะผู้ประกอบการรถทัวร์ถึงกับว้าวุ่นเลยงานนี้ 

      ช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ภาคเอกชนท่องเที่ยวอย่างสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ซึ่งเป็นสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวที่ดูตลาดต่างประเทศร่วมถึงตลาดจีนด้วย ได้ออกมาสะท้อนปัญหาให้ว่าที่รัฐบาลชุดใหม่เร่งแก้ปัญหาการอนุมัติการยื่นของวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวและให้กลับไปใช้มาตรการการยื่นวีซ่าแบบกลุ่มได้เหมือนตอนปี 2562 เพราะมีความรวดเร็วและสะดวกต่อนักท่องเที่ยว แต่มาตรการใหม่ที่กรมการกงสุลประกาศออกมานั้นมีความยุ่งยากซับซ้อนและเสียเวลาไปมากแถมต้องใช้เวลารอผลอีกถึง 15 วัน ซึ่งหากยังล่าช้าและมีความยุ่งยากแบบนี้ อาจทำให้นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวตลาดหลักของไทยหันไปเที่ยวประเทศอื่นแทนก็เป็นได้ 

      ขณะเดียวกันในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.- พ.ค.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพียง 1 ล้านกว่าคนเท่านั้น และเมื่อจบ 6 เดือนแรกได้มาประมาณ 2 ล้านคนเศษ ซึ่งในเวลานั้นภาคการท่องเที่ยวเอกชนคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนแตะ 7 ล้านคนได้ไม่ยาก ส่วนเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 5 ล้านคน แต่เป้าที่จะเป็นไปได้ในเวลานั้นก็ยังคงมีหวังว่าจะเกินเป้าที่ ททท. กระโดดไปแตะที่ 7 ล้านคนตามเป้าของภาคเอกชนได้ เพราะเพิ่งผ่านไปเพียง 5 เดือน และยังมีแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวเที่ยวด้วยตนเองหรือ FIT ที่ยังเดินทางเข้ามาคิดเป็นสัดส่วนถึง 60% ในเวลานั้น 

      แม้จะผ่านการเลือกตั้งทั่วปี 2566 ไปแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รัฐบาลมาบริหารประเทศ ทำให้ปัญหาเรื่องของการยื่นของวีซ่ายังคงเป็นที่พูดถึงอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 ที่เริ่มเห็นสัญญาณชัดขึ้นจากภาครัฐ ระหว่างกรมการกงสุลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เริ่มเดินหน้าร่วมมือกันทำงานเพื่อที่จะช่วยตรวจสอบเอกสารการยื่นวีซ่าให้เร็วขึ้น จากที่ต้องใช้เวลาการยื่นขอทำวีซ่าจะต้องรอผลอนุมัติถึง 15 วันเหลือไม่เกิน 7 วันทำการ 

      กระทั่งวันที่ 22 สิงหาคม 2566 รัฐสภาได้โหวตนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย ซึ่งนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยได้ประกาศออกจากปากนายเศรษฐา ว่านโยบายฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน เป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะนำเข้าถกในการประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นนัดแรก (13 กันยายน 2566) 

      “รัฐบาลของประชาชนยังให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสำคัญ ซึ่งในการประชุม ครม. นัดแรกจะพิจารณาเรื่องวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวจีน” นายเศรษฐา กล่าวระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดหนองคายเพื่อหารือกับส่วนราชการ ตัวแทนภาคธุรกิจและเอกชนในจังหวัดหนองคาย

      ต่อมาวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ เศรษฐา ได้มีการพูดถึงนโยบายท่องเที่ยวแบบกว้างๆ ซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะเปิดประตูรับนักท่องเที่ยว ด้วยการอำนวยความสะดวก ปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซ่า และการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเป้าหมาย การจัดทำ Fast Track VISA สำหรับผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (MICE) และเพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในช่วงสิ้นปี รวมถึงขยายพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยว และปรับปรุงระบบคมมานาคมทั้งทางบก น้ำ อากาศ และนำเที่ยวบินเข้าไทยให้มากขึ้น  ทำให้เป็นที่สงสัยของสมาชิกรัฐสภา สื่อมวลชน ประชาชน เกิดเป็นข้อซักถามมากมายของสมาชิกรัฐสภา 

      ทว่าผ่านไปเพียงชั่วข้ามคืนก็เกิดอภินิหาร “นิด1” หลังช่วงบ่ายของวันที่ 12 กันยายน 2566 ที่รัฐสภานายกฯ ได้เรียกเอกชนท่องเที่ยวเข้าหารือถึงมาตรการเร่งรัดการท่องเที่ยวระยะสั้นหรือควิกวิน ในช่วงเดือนกันยายน 2566 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567  เพื่อแก้ไขปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยได้กำหนดแนวทางการอำนวยความสะดวกในด้านการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย ร่วมกับมาตรการการดูแลและรักษาความปลอดภัย ควบคู่กับการส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยว เพิ่มการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์ในรูปแบบต่างๆ อาทิ แบรนด์แอมบาสเดอร์หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ สำหรับตลาดจีนเพื่อภาพลักษณ์ใหม่ การบูรณาการตลาดแบบพุ่งเป้ากับ ออนไลน์ ทราเวล เอเจนซี่ หรือโอทีเอ และการนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ในลักษณะการเชื่อมโยงเมืองหลักสู่การท่องเที่ยวเมืองรอง ทั้งของประเทศไทยและประเทศจีน

      สำหรับมาตรการระยะสั้นเพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งระยะกลาง และระยะยาว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างเอกลักษณ์ กระแสความนิยมในประเทศไทย ในตอนท้ายของการประชุม นายกรัฐมนตรีได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัยได้แก่ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) พิจารณาร่วมกันถึงแนวทางการทำงานเพื่อบริหารสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวนมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเชิงรุก สร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนไทยมั่นใจ ร่วมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญอย่างดีที่สุด

      นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมหารือกับนายกรัฐมนตรี ว่า ได้คุยกับนายกฯ ว่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางจีนต้องการให้รัฐบาลไทยประกาศให้ชัดเจนเลยว่าจะยกเว้นวีซ่าสำหรับตลาดจีนเมื่อใด ทางนายกฯ บอกว่าภายหลังหารือในที่ประชุม ครม. วันที่ 13 กันยายนนี้ก็ประกาศได้เลย โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 รวมกว่า 5 เดือน ถือว่าเร็วขึ้นกว่าที่นายกฯ พูดไว้เดิมว่าจะเริ่ม 1 ตุลาคม 2566 ซึ่งทางนายกฯ ทำการบ้านมาล่วงหน้าแล้วว่า จะได้เริ่มต้นก่อนถึงวันชาติจีนคือวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และจะได้ครอบคลุมช่วงเทศกาลตรุษจีนในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งทั้งสองช่วงเป็นวันหยุดยาวของชาวจีนซึ่งมีการเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก

      “เอกชนท่องเที่ยวต้องพอใจอยู่แล้วเพราะเดิมจะให้ 3 เดือน ก็ขยายเป็น 5 เดือน เขาศึกษามาพอสมควรให้เลยไปจนถึงวันตรุษจีนในปีหน้า เท่าที่ฟังเป็นการยกเว้นวีซ่าจีนอย่างเดียว ยังไม่มีคาซัคสถาน โดยนายกฯ พูดว่า ให้เริ่มที่จีนก่อนเพราะจำนวนที่เดินทางเข้ามายังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้”

      อย่างไรก็ตามการอำนวยความสะดวกเป็นประตูบานแรกในการรับนักท่องเที่ยว นโยบายด้านการท่องเที่ยวถือว่าเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของนายเศรษฐา ไม่ใช่การยกเว้นการขอวีซ่าให้กับจีนเท่านั้น แต่จะเป็นการดันท่องเที่ยวในทุกมิติเพื่อพยุงเศรษฐกิจในเวลานี้  ซึ่งมาตรการนี้จะเป็นยาแรงที่จะมาบูสต์การท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันหรือฤดูการท่องเที่ยวของไตรมาส 4 หรือตั้งแต่ 25 กันยายน 2566 เพื่อให้ทันวันชาติจีนที่จะมีขึ้นวันที่ 29 กันยายน 2566 และครอบคลุมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า