หลายคนเชื่อว่า การแต่งเครื่องแบบนักเรียน อย่างน้อยก็ช่วยรับประกันความปลอดภัยของผู้สวมใส่ ทำให้เด็กและเยาวชนปลอดภัยจากการถูกคุกคาม และหากเกิดเหตุรุนแรง ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยช่วยได้ทันท่วงที แต่จากผลการศึกษาพบว่า การใส่ชุดนักเรียนไม่ได้รับประกันความปลอดภัยได้เสมอไป เนื่องจากผู้หญิงจำนวนมากยอมรับว่า การถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่สาธารณะครั้งแรก เกิดขึ้นในช่วงที่พวกเธออยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียน ซึ่งแม้แต่ในประเทศที่เจริญแล้วอย่างออสเตรเลีย ก็มีผู้หญิงถึง 87% ที่เคยถูกล่วงละเมิดในที่สาธารณะ ในชุดเครื่องแบบนักเรียน โดยเฉพาะชุดนักเรียนมัธยม
ส่วนที่อังกฤษ ผลการศึกษาพบว่า มีเด็กหญิงในชุดเครื่องแบบนักเรียนถึง 35% ถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่สาธารณะ และที่น่าตกใจก็คือ ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกับปัญหานี้มากนัก
ผลการศึกษาชิ้นใหม่ที่ทำโดยมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นในออสเตรเลีย พบว่า การใส่ชุดนักเรียน มีแนวโน้มทำให้เด็กหญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่สาธารณะมากขึ้น เพราะการสวมชุดนักเรียน ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า นี่คือเด็กหญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งมีลักษณะที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศของผู้ชายบางกลุ่ม
การล่วงละเมิดทางเพศมักเกิดขึ้นในช่วงการเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับโรงเรียน คนที่ลงมืออาจมาคนเดียว หรือเป็นกลุ่ม รูปแบบการล่วงละเมิดทางเพศนั้นมีหลายลักษณะ ตั้งแต่การพูดแซวหรือแทะโลม การผิวปากเมื่อเห็นเด็กสาวหน้าตาดีเดินผ่าน หรือแม้กระทั่งขับรถไล่ตาม นอกจากนี้ ชุดเครื่องแบบนักเรียนยังทำให้ผู้ก่อเหตุรู้ว่า เด็กหญิงคนนี้เรียนอยู่ที่ไหน ซึ่งง่ายต่อการถูกสะกดรอยตาม
ข้อมูลจากรัฐบาลออสเตรเลีย ยังพบว่า มีเด็กผู้หญิงออสเตรเลียถึง 2 ล้านคน ที่ถูกสะกดรอยตามตั้งแต่อายุ 15 ปี และส่วนใหญ่เมื่อเกิดเรื่อง ก็มักไม่กล้าแจ้งให้ครูได้รับรู้ เพราะเกรงจะถูกเพ่งโทษไปที่เครื่องแบบ เช่น สวมกระโปรงสั้นเกินไปหรือไม่
ผู้เชี่ยวชาญในออสเตรเลีย ระบุว่า การล่วงละเมิดทางเพศเหล่านี้ เกิดจากค่านิยมของผู้ชายบางกลุ่มที่มองว่า เด็กสาวในชุดนักเรียนนั้นเซ็กซี่ และถ้าเราค้นหาคำว่า เด็กนักเรียนหญิง ในกูเกิ้ล ก็อาจมีภาพเด็กหญิงในชุดเครื่องแบบนักเรียนสุดเซ็กซี่ขึ้นมาเต็มไปหมด 1ออสเตรเลียยังเป็นประเทศที่เด็กส่วนใหญ่ยังต้องสวมเครื่องแบบนักเรียน โดยมีโรงเรียนประถมถึง 86% และโรงเรียนมัธยมถึง 96% ที่มีนโยบายให้นักเรียนแต่งชุดเครื่องแบบ
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การให้เด็กเลิกใส่ชุดนักเรียน อาจเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมความปลอดภัยให้เด็กๆ ได้ และอาจทำให้เด็กหญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศน้อยลง
ที่มา : theconversation / ducationreview