fbpx

“สำนักพิมพ์ Penguin” ท้าทายสังคม ทำหนังสือดีให้เข้าถึงคนทุกชนชั้น

คงจะไม่เกินจริงหากจะบอกว่าหนังสือจากสำนักพิมพ์ Penguin เป็นหนังสือที่มีอยู่แทบทุกร้านหนังสือที่มีการขายหนังสือภาษาต่างประเทศ ด้วยรูปเล่มที่จับถนัดมือ มาพร้อมกับปกสวยงามที่มีตราสัญลักษณ์เป็นนกเพนกวินสุดน่ารัก และที่สำคัญคือราคาถูก ทำให้หนังสือที่มาจากสำนักพิมพ์นี้ได้เข้ามายึดครองพื้นที่บนชั้นหนังสือของเหล่าบรรดาคนรักหนังสือแทบทุกบ้าน 

จุดเริ่มต้นของความไอคอนนิกของหนังสือจาก Penguin นั้นมีความเป็นมาที่น่าสนใจจากพนักงานตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งในสำนักพิมพ์ขนาดใหญ่ที่ต้องการจะปฏิวัติการอ่านหนังสือของผู้คนในช่วงต้นศตวรรษก่อน ด้วยการทำลายค่านิยมของสังคมที่มองว่าหนังสือชั้นดีเป็นของที่จำกัดไว้ให้เฉพาะคนรวยอ่าน 

ที่มาภาพ: squarespace-cdn

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หนังสือเล่มมักถูกจัดพิมพ์ออกมาในรูปแบบปกแข็งซึ่งมีราคาแพง ทำให้การเข้าถึงงานวรรณกรรมอันทรงคุณค่ากลายเป็นเรื่องไกลตัวจากผู้คนทั่วไปในสมัยนั้น ความบันเทิงราคาถูกจากตัวอักษรที่ผู้คนเอื้อมถึงได้จึงมักเป็นเรื่องสั้นที่ลงเป็นตอน ๆ ในหนังสือพิมพ์ นิตยสารราคาถูก ไม่ก็ใบปลิวที่ตีพิมพ์เรื่องสั้นจบเป็นตอนออกมาเป็นกาลเฉพาะกิจ 

ที่มา: independent

วันหนึ่งในปี 1934 ระหว่างที่  อัลเลน เลน  (Allen Lane) ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเพียงผู้จัดพิมพ์รุ่นเยาว์ของสำนักพิมพ์ The Bodley Head กำลังเดินทางขึ้นรถไฟกลับไปยังลอนดอน หลังจากเดินทางไปพบเพื่อนของเขา  อกาธา คริสตี้  (Agatha Christie) นักเขียนชื่อดัง อัลเลนได้แวะแผงหนังสือที่สถานีรถไฟเอ็กซิเตอร์ เซนต์ เดวิดส์ (Exeter St. Davids) เพื่อหาอะไรอ่านในระหว่างเดินทาง แต่เขากลับพบแต่นิตยสารชื่อดังราคาแพงและนวนิยายคุณภาพต่ำที่สำนักพิมพ์นำกลับมาพิมพ์ซ้ำ ๆ  สิ่งนี้รบกวนจิตใจเขาเป็นอย่างมาก ระยะเวลาบนรถไฟกว่า 4 ชั่วโมง ทำให้เขาได้ครุ่นคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการสิ่งพิมพ์ เขาต้องการให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงหนังสือชั้นดี วรรณกรรมคุณภาพจากนักเขียนร่วมสมัยในห้วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นแนวเรื่องสืบสวน หรือสารคดีต่าง ๆ เช่น งานชีวประวัติ ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ 

เมื่อรถไฟจอดเทียบชานชาลาที่สถานีรถไฟแพดดิงตัน ลอนดอน อัลเลนรีบกลับที่พักเพื่อรวบรวมความคิดทั้งหมดเกี่ยวกับการปฏิวัติวงการหนังสือ วันรุ่งขึ้นเขาได้ปรึกษากับ  ริชาร์ด เลน (Richard Lane) และจอห์น เลน (John Lane) พี่น้องคนสนิทของเขาด้วยความกระตือรือร้น โดยตั้งใจที่จะทำหนังสือปกอ่อน (paperback) ที่มีคุณภาพไม่ต่างไปจากหนังสือปกแข็ง (hardcover) ที่นิยมพิมพ์ในตลาดอยู่ในขณะนั้น โดยใช้กระดาษที่ได้มาตรฐาน ออกแบบตัวอักษรให้เหมาะกับสายตาผู้อ่าน รวมไปถึงมีรูปเล่มที่เหมาะมือ และกำหนดราคาหนังสือว่าต้องไม่แพงไปกว่าบุหรี่ 1 ซอง ซึ่งตั้งราคาขายไว้ที่ 6 เพนนีต่อเล่ม พร้อมกับสามารถหาซื้อได้ทั่วไป อย่างไรก็ดีเพื่อความคุ้มทุน พวกเขาวางแผนที่จะขายหนังสือให้ได้ 17,000 เล่ม ต่อเรื่อง ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่ายอดการขายหนังสือปกแข็งถึง 6 เท่าตัว 

อัลเลน เลน นำโมเดลธุรกิจนี้ไปเสนอต่อสำนักพิมพ์ The Bodley Head ที่เขาทำงานอยู่ นอกจากความตั้งใจที่จะขายหนังสือดีในราคาย่อมเยาแล้ว นัยหนึ่งอัลเลนต้องการช่วยให้สำนักพิมพ์ที่เขาทำงานอยู่นี้หลุดพ้นจากสถานะร่อแร่ทางการเงิน เบื้องต้นคณะกรรมการบริหารของสำนักพิมพ์ The Bodley Head ปฏิเสธที่จะสนับสนุนการลงทุนนี้ เนื่องจากพวกเขามองว่าหนังสือปกอ่อนเป็น ‘ขยะสกปรก’ (dirty rubbish) แต่ท้ายที่สุดคณะกรรมการบริหารยอมอ่อนข้อให้อัลเลน โดยเขาสามารถดำเนินการได้โดยใช้ทรัพยากรของบริษัท รวมไปถึงการตีพิมพ์ที่โรงพิมพ์ของสำนักพิมพ์ แต่จะต้องทำในเวลาว่างจากงานประจำเท่านั้น และที่สำคัญต้องจัดหาเงินทุนเอง 

ด้วยแรงปรารถนาและพลังใจที่ล้นเหลือ อัลเลน วางกลยุทธ์สำนักพิมพ์ย่อยนี้โดยจะมุ่งเน้นขายความเป็นแบรนด์สินค้าเป็นหลัก มากกว่าขายหนังสือด้วยการอาศัยชื่อนักเขียนเป็นตัวชูโรง การออกแบบปกต้องออกมาในธีมเดียวกัน มีเอกลักษณ์จนใครเห็นก็จำได้ 

เครื่องหมายการค้าจึงเป็นสิ่งที่สามพี่น้องตระกูลเลนให้ความสำคัญ พวกเขาทั้งสามและพนักงานคนอื่น ๆ ที่ตัดสินใจมาล่มหัวจมท้ายกับโปรเจ็กต์นี้ด้วย ระดมความคิดและออกไอเดียของสัญลักษณ์ที่จะเป็นภาพจำของสำนักพิมพ์ย่อยแห่งนี้ ตามโจทย์ในหัวของอัลเลน ที่ต้องการสิ่งที่สื่อถึงความสง่างามแต่ก็ไม่ทิ้งความขี้เล่น มีชื่อสัตว์หลายชนิดที่ผุดขึ้นมากลางที่ประชุม เช่น นกฟีนิกซ์ และโลมา แต่จู่ๆ โจแอน โคลส์ (Joan Coles) เลขานุการของอัลเลนก็โพล่งชื่อ เพนกวิน ขึ้นมา สัตว์ชนิดนี้โดนใจเขาจัง ๆ จึงมอบหมายให้ เอ็ดเวิร์ด ยัง (Edward Young) บรรณาธิการรุ่นเยาว์ที่มีทักษะด้านศิลปะไปที่สวนสัตว์ลอนดอน เพื่อสเก็ตช์ภาพร่างของนกเพนกวิน และนำมาออกแบบโลโก้ปกหน้าปก พร้อมกับเลือกเฉดสีธีมหนังสือ และออกแบบรูปเล่มให้หนังสือมีขนาดที่สามารถใส่ลงไปในกระเป๋าได้พอดี 

ที่มา: penguinfirsteditions

ส่วนต้นฉบับที่จะมาเป็นหนังสือเปิดตัวของ Penguin Books ก็เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย อัลเลน ถูกปฏิเสธจากผู้ถือลิขสิทธิ์หนังสือมากมาย ด้วยสาเหตุที่ไม่มั่นใจว่าโครงการจัดพิมพ์แบบปกอ่อนจะประสบความสำเร็จ และยังมีมุมมองว่าผู้ที่ซื้อหนังสือราคาถูก ส่วนใหญ่แล้วไม่อ่านงานวรรณกรรม ส่วนผู้ที่มีเงินก็มักจะซื้อหนังสือปกแข็งเพราะการันตีถึงคุณภาพได้มากกว่า การต่อสู้ระหว่างอัลเลนและผู้คนในแวดวงสิ่งพิมพ์ยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งข้อตกลงทางธุรกิจประสบผลสำเร็จ เขาและทีมงานสามารถเปิดตัวหนังสือชุดแรกจำนวน 10 เล่ม ที่มีตราสัญลักษณ์ Penguin Books แปะหราอยู่บนหน้าปก 

ที่มาภาพ: tooveys

หนังสือชีวประวัติของ เพอร์ซีย์ บิชเช เชลลีย์ (Percy Bysshe Shelley) นักเขียนชาวอังกฤษ ในชื่อ Ariel ซึ่งเขียนโดย อองเดร โมรัวส์ (André Maurois) เป็นหนังสือเล่มแรกของ Penguin Books ส่วนเล่มอื่น ๆ ก็เป็นหนังสือชั้นดีมีชื่อเสียงที่เคยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่มาแล้วก่อนหน้า อาทิ นวนิยายนักสืบของ อกาธา คริสตี้ และนวนิยายสงครามของ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ (Ernest Hemingway) เรื่อง A Farewell to Arms ซึ่งผลงานหนังสือทั้ง 10 เล่มของ Penguin Books ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จากการวางขายตามสถานที่ที่มีคนมารวมตัวกันเยอะ ๆ ตามกลยุทธ์ที่อัลเลนวางไว้คือ แผงหนังสือ ร้านหนังสือ รวมถึงห้างสรรพสินค้าและร้านค้าสาขาต่างๆ

ที่มาภาพ: penguin

จากนั้นในปี 1935 เพียงปีเดียวหลังจากเปิดตัว Penguin Books ได้เปิดตัวหนังสือเพิ่มอีก 2 ชุด ชุดละ 10 เล่ม คราวนี้ยอดขายทะยานพุ่งไปถึง 1 ล้านเล่ม ในปีถัดมาอัลเลนสั่งตีพิมพ์หนังสือเพิ่มอีก 50 เล่ม ยอดขายก็พุ่งไปอีก 3 ล้านเล่ม

ดูแล้วเหมือน  Penguin Books ที่อยู่ภายใต้การนำของอัลเลน เลน จะไปได้สวย แต่อัตรากำไรที่ได้คืนมากลับสวนทางอย่างน่าใจหาย เมื่อหักค่าต้นทุนการผลิตทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าพิมพ์ปกกันฝุ่น ค่าการเข้าเล่ม กระดาษ รวมไปถึงกระบวนการบรรณาธิการ พิสูจน์อักษร ค่าบรรจุภัณฑ์และค่าขนส่ง นอกจากนี้รายได้จากการขายหนังสือของ Penguin Books ยังถูกหักเข้าบริษัทแม่อย่างสำนักพิมพ์ The Bodley Head

อย่างไรก็ตามแม้ว่า  Penguin Books จะทำรายได้ให้สำนักพิมพ์ The Bodley Head มากขนาดไหน ก็ไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์ทางการเงินของสำนักพิมพ์แม่ได้ จนต้องล้มเลิกกิจการไปในที่สุด และเพื่อไม่ให้โครงการ Penguin Books ต้องตายจากไปพร้อม ๆ กับบริษัทแม่ อัลเลน จึงใช้การระดมทุนเพื่อเปิดบริษัทตนเอง ซึ่งความนิยมของหนังสือที่เขาจัดพิมพ์ได้ทำให้การระดมทุนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเงินก้อนแรกจำนวน 100 ปอนด์ บริษัท Penguin Books Ltd. จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 1936 

ที่มาภาพ: squarespace-cdn

สำนักพิมพ์ Penguin กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่คนที่ไม่นิยมอ่านหนังสือก็คุ้นตากับรูปเล่มและตราสัญลักษณ์นกเพนกวินที่โดดเด่น อัลเลน ยังได้ขยายขอบเขตการพิมพ์นอกเหนือไปจากนวนิยาย แต่ยังรวมไปถึงสารคดีบันทึกการเดินทาง และบทกวี อีกด้วย นอกจากนี้เขายังพัฒนาความสัมพันธ์กับนักเขียนชื่อดังหลายคนในยุคสมัยนั้น และได้สิทธิ์ในการพิมพ์งานจากนักเขียนชื่อดังหลายคน เช่น  อกาธา คริสตี้, จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์, ดี.เอช. ลอว์เรนซ์, เอช.จี. เวลส์ และนักเขียนชื่อดังอื่น ๆ อีกมากมาย 

และในปี 2013 สำนักพิมพ์ Penguin ได้ดำเนินการควบรวบกิจการกับสำนักพิมพ์ Random House ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์เก่าแก่ของสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1927 จึงเป็นบริษัทข้ามชาติสัญชาติแองโกล-อเมริกัน ในชื่อใหม่ว่าบริษัท Penguin Random House LLC. อยู่ภายใต้บริษัทในเครือ Bertelsmann บริษัทสื่อของเยอรมนี ส่งให้ Penguin Random House ขึ้นทำเนียบเป็นหนึ่งในสำนักพิมพ์ต่างประเทศยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมหนังสือโลกที่มีอยู่ 5 บริษัท หรือที่เรียกว่า Big Five ได้แก่ Penguin Random House, Simon & Schuster, Harper Collins, Macmillan และ Hachette 

โดยในปี 2015 Penguin ได้เปิดตัวหนังสือชุด Penguin Classics อีกครั้ง เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี การก่อตั้งบริษัท โดยนำเสนอหนังสือคลาสสิกในรูปแบบปกอ่อนเช่นเคย พร้อมดีไซน์ปกสวยงามในราคาย่อมเยาว์ ซึ่งจากการเปิดตัวในสัปดาห์แรกก็สามารถทำยอดขายไปได้ถึง 70,000 ชุด นอกจากนี้ สำนักพิมพ์ Penguin หรือในนามใหม่ว่า Penguin Random House ยังเปิดรับคนทำงานในทุกตำแหน่ง โดยไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาอีกด้วย 

สำหรับรายได้ของบริษัท Penguin Random House ในปี 2022 ทำรายได้ไปทั้งสิ้น 4.22 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5% จาก 4 พันล้านยูโร ในปี 2021 อย่างไรก็ตาม ในปีเดียวกันนี้ Penguin Random House ได้ถูกศาลสหรัฐฯ ในวอชิงตัน ดี.ซี. สั่งยุติดีลควบรวมกับสำนักพิมพ์ Simon & Schuster ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้ Paramount Global หรือ ViacomCBS ซึ่งในปัจจุบัน ถือเป็นอุตสาหกรรมบันเทิงรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจสร้างอันตรายต่อตลาดหนังสือ และอำนาจการต่อรองของนักเขียน 

ที่มาภาพ: squarespace-cdn

อย่างไรก็ดีเมื่อย้อนกลับไปถึงรากเหง้าความสำเร็จในการก่อตั้งสำนักพิมพ์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 Penguin จึงไม่ใช่แค่การทำให้หนังสือดี ๆ ให้สามารถเข้าถึงคนได้ทั่วไปเท่านั้น แต่ยังเป็นการปฏิวัติวงการสิ่งพิมพ์ในยุคนั้นที่มีกรอบความเชื่อ และค่านิยมว่าคนจนไม่สนใจการอ่านวรรณกรรม

การเปลี่ยนค่านิยมในวงการสิ่งพิมพ์และสังคมการอ่านของ Penguin กลายเป็นมรดกที่สำคัญของอังกฤษ ทำให้กรรมการบริหารโครงการ Cities of Literature ประจำเมือง เอ็กซิเตอร์ (Exeter) ได้ร่วมมือกับสำนักพิมพ์ Penguin และผู้ให้บริการตู้อัตโนมัติประจำท้องถิ่น จัดทำตู้กดหนังสืออัตโนมัติ ติดตั้งที่สถานีรถไฟเอ็กซิเตอร์ เซนต์ เดวิดส์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ อัลเลน เลน ลุกขึ้นมาปฏิวัติวงการหนังสือให้ทุกชนชั้นสามารถเข้าหนังสือดี ๆ และวรรณกรรมรสเลิศได้อย่างเท่าเทียม 

แอนนา โคน ออร์ชาร์ด (Anna Cohn Orchard) กรรมการบริหารโครงการ Exeter Cities of Literature ระบุว่าตนเกิดและเติบโตที่เมืองเอ็กซิเตอร์ แต่ก่อนหน้านี้กลับไม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสำนักพิมพ์ Penguin จนกระทั่งได้ทำงานที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในนิวยอร์ก สหรัฐฯ เมื่อกลับมายังบ้านเกิดและเข้าร่วมเป็นหนึ่งในโครงการเครือข่ายเมืองแห่งวรรณกรรมสำหรับอนาคต จึงตัดสินใจที่จะทำให้ประวัติศาสตร์วรรณกรรมของเมืองเอ็กซิเตอร์ให้เป็นที่ประจักษ์ในวงกว้าง  

ด้านไซนับ จูม่า (Zainab Juma) หัวหน้าฝ่ายแบรนด์ของ Penguin เปิดเผยว่า การติดตั้งตู้กดหนังสืออัตโนมัติที่สถานีรถไฟเอ็กซิเตอร์ เซนต์ เดวิดส์ ถือเป็นการย้อนกลับไปสู่รากเหง้าของ Penguin ที่ทำให้การอ่านเข้าถึงผู้คนในท้องถิ่นมากขึ้น

“การอ่านหนังสือขณะเดินทางด้วยรถไฟเป็นความสุขอย่างหนึ่ง และเชื่อว่าหาก อัลเลน เลน ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ Penguin มีโอกาสได้เห็นตู้กดหนังสืออัตโนมัติ เขาต้องชื่นชอบเป็นอย่างมากที่ได้เห็นหนังสือดี ๆ ราคาถูก กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้โดยง่าย” ไซนับ จูม่า กล่าว

ที่มา: printweek

อ้างอิง : penguinfirsteditions / theguardian / mrsblackwell / penguin / prachachat / statista / booksandpublishing / printweek

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า