โลกนี้ต้องการความสวยงามมาประดับประดาเสมอ ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ และไม่ว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะเป็นอย่างไร หากสีสันของบรรยากาศดูหม่นหมองหรือไม่งามตา ‘ดอกไม้’ จะเป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยชุบชูบรรยากาศเหล่านั้นให้สดใสขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
ซึ่งนอกจากจะสร้างสีสันให้กับโลกใบนี้แล้ว ‘ดอกไม้’ ก็ยังกลายเป็นจุดเด่นให้กับสถานที่สำคัญที่หนึ่งในพื้นที่การค้าสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ จากการที่มันกลายเป็นสินค้าสำคัญภายในย่าน ‘ปากคลองตลาด’ ย่านการค้าที่เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 มีดำริให้ขุดคลองหลายสายด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือบริเวณวัดบุรณศิริมาตยาราม ข้างถนนอัษฎางค์
การขุดคลองครั้งนี้ทำให้เกิดเป็นชุมชนขึ้นมา รวมถึงยังทำให้เกิดเป็นพื้นที่ทางการค้าขนาดใหญ่ ที่แต่เดิมเป็นตลาดค้าปลา และตลาดน้ำขนาดย่อมจากการที่ผู้ค้าพายเรือมารวมตัวกันที่นี่ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตลาดสดของสินค้าเกษตรกรรมจนถึงตอนนี้
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ‘ปากคลองตลาด’ ไม่เป็นเพียงย่านการค้าดอกไม้สด และดอกไม้เสมือนจริงเท่านั้น สถานที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว และในปีนี้เองที่ย่านการค้าเก่าแก่กลับกลายเป็นพื้นที่สุดเก๋ ที่ดึงดูดวัยรุ่น Gen Z ให้มาถ่ายรูปกันอย่างเนืองแน่นแบบที่เราไม่เคยสัมผัสในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ส่วนตัวผู้เขียนเข้ามาอาศัยเป็นเด็กหออยู่แถวย่านอิสรภาพ จากการเข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยในเมืองกรุง ทำให้เราก็ได้เดินสำรวจพื้นที่บริเวณใกล้เคียงอยู่บ่อย ๆ พื้นที่หนึ่งที่เราเดินเท้าไปบ่อยก็คือย่านปากคลองตลาด เพราะอยู่ติดกับสะพานพุทธ ซึ่งมีท่ารถเมล์สาย 8 ที่เราใช้บริการหลายครั้งเวลาจะเดินทางไปเส้นอนุสาวรีย์ชัยฯ-ลาดพร้าว หรือถัดไปหน่อยก็มีท่ารถเมล์สาย 60 อยู่แถวสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร ที่เรามักใช้บริการไปทำงานเป็นประจำ
ทุกครั้งเวลาเราเดินทางผ่านย่านนี้ทีไร เราแอบคิดอยู่ในใจเสมอว่า ในยุคนี้สมัยนี้ ‘ดอกไม้’ จะมีโอกาสขายได้ยังไงอีกบ้าง ไล่เรียงตั้งแต่ยุคโควิด-19 ที่ทำให้การค้าการขายเป็นไปได้ยากขึ้น เศรษฐกิจที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ บางคนเห็นตัวเลขในบัญชีธนาคารก็ได้แต่ทอดถอนใจ เพราะไม่มีเงินให้ถอนออก สินค้าประดับชีวิตอย่างดอกไม้ก็ถูกมองเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยไปอีก
หรือหากมองว่าจะมีโอกาสไหนในชีวิตบ้างล่ะที่เราจะซื้อดอกไม้ เข้าวัดหรือก็คงจะยาก ชีวิตผู้คนยุคนี้ห่างไกลวัดยิ่งขึ้น ซื้อดอกไม้ให้คนรักหรือ ก็คงจะเป็นโอกาสเพียงครั้งคราว ซื้อมาใส่แจกันตกแต่งบ้านหรือ คงจะมีแต่โลกในละครและผู้คนส่วนน้อยที่อาจจะทำแบบนั้นอยู่ ซึ่งสุดท้ายแล้วดอกไม้เหล่านี้ก็จะเหี่ยว และกลายเป็นขยะอยู่ดี อีกทั้งยุคสมัยแห่งความตระหนักรู้แบบนี้ โอกาสในการซื้อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดี หรือแสดงความเสียใจก็ลดน้อยลงไปอีก
ถ้ามองแบบนั้นแล้ว จากย่านการค้าแห่งยุคสมัย ก็กลับกลายเป็นย่านประดับเมืองเพียงหนึ่งย่านได้เหมือนกัน
จนกระทั่งช่วงเดือนสิงหาคมนี่เอง ที่จู่ ๆ หนุ่มสาววัยรุ่นก็แต่งตัวกันอย่างมีสไตล์ ซื้อดอกไม้กันคนละช่อ และเดินเท้าต่อมาอีกนิดหน่อยเพื่อหามุมดี ๆ ถ่ายรูปกันลงโซเชียล ซึ่งก็มีอยู่หลายมุมเช่นกันที่ผู้คนถ่ายกันบ่อย ๆ
มุมที่ฮิตที่สุดคือบริเวณทางเดินเท้าบนสะพานพุทธ รั้วตารางสีเขียวเข้มและโครงสร้างสะพานสุดคลาสสิกยังคงเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ อยู่เสมอหลายครั้งเราจะเห็นทั้งละคร ภาพยนตร์ มิวสิกวิดีโอมาใช้สถานที่นี้ถ่ายทำกันอยู่บ่อย ๆ ทำให้มีทั้งคนที่มาเพราะอยากตามรอย มาถ่ายภาพตามกระแส และมาเพื่อนั่งพักผ่อนหย่อนใจกันที่นี่จนเต็มสะพาน
ส่วนสำคัญของกระแสการถ่ายรูปที่สะพานพุทธเลยคือ เวลาถ่ายที่นี่แล้ววิวเหมือนอยู่ต่างประเทศ เมื่อใส่ชุดสีพื้น ๆ หรือคู่สีที่ตัดกับสีเขียวบนโครงสร้างสะพาน จะยิ่งทำให้ภาพเด่นเตะตา หรือหากถ่ายโดยมีพื้นหลังเป็นท้องฟ้าและผืนน้ำ ก็สวยฉ่ำได้อีกมู้ด
โซนที่รองลงมาคือทางเดินเท้าขึ้นสะพานพุทธที่มีพื้นหลังเป็นต้นไม้ ตึกรามบ้านช่อง และท้องฟ้า รวมถึงโซนปากคลองตลาดที่มีดอกไม้เรียงรายรอบทิศทาง และบรรยากาศของย่านการค้าดั้งเดิม ที่สอดแทรกไปด้วยร้านขายดอกไม้ทั่วไป และร้านคาเฟ่แซมอยู่ในคูหาเล็ก ๆ รายทาง
ซึ่งนอกจากการที่ผู้คนมากมายที่มารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ที่บ่งบอกถึงความเจริญและความคึกคักที่กลับมาสู่ปากคลองตลาดแล้ว ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่กำลังเข้ามาพัฒนาให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสีสันและความทันสมัย
อย่างแรกที่ขอพูดถึงเลยคือการมาถึงของ ‘ทุนจีน’ ที่เข้ามาครองพื้นที่ค้าขายบางส่วน ทั้งขายดอกไม้สด และที่เราตื่นตาตื่นใจที่สุด คือการมาถึงของ ‘MIXUE’ (อ่านว่า มีเสวี่ย) ร้านไอศกรีมและชาเจ้าดังจากจีน ที่เพิ่งตั้งร้านได้ไม่นานนี่เอง และดูเหมือนจะเป็นหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของยุคที่บ่งบอกว่า “ความเจริญมาถึงแล้ว”
อีกเรื่องนั่นคือการถูกให้ความสำคัญจากทั้งภาครัฐและเอกชนมากขึ้น ผ่านการเข้ามาพัฒนาย่านปากคลองตลาด และย่านใกล้เคียงให้เหมาะสมแก่การเป็นพื้นที่ที่น่ามาเยี่ยมเยือน ทั้งการมาถึงของรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน สถานีสนามไชย ที่ทำให้การเดินทางมาถึงย่านนี้สะดวกสบายขึ้นหลายเท่า
หรือการเริ่มต้นพัฒนา ‘สวน 15 นาที’ อย่างเป็นจริงเป็นจังทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งกำลังค่อย ๆ พัฒนากันไปในแต่ละย่าน ที่ถึงแม้จุดเริ่มต้นในการพัฒนายังลุ่ม ๆ ดอน ๆ ดังที่เราเคยรีวิวในบทความสำรวจสวนทดลองใช้ ในหมวด Cultural & Creative Activity จากโครงการ ‘Pop Park BKK’ แล้วนั้น แต่ก็ถือว่ายังดีกว่าการไม่พัฒนาอะไรเลย
รวมไปถึงเลือกใช้ย่านปากคลองตลาดนี้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมทดลองหลากหลายกิจกรรมในปีนี้ ทั้ง ‘Bangkok Design Week 2023 : urban‘NICE’zation เมือง-มิตร-ดี’ ที่กระจายกิจกรรมไปใน 9 พื้นที่สร้างสรรค์ทั่วกรุง ซึ่งแม้ว่าจะยังทำได้ไม่ดีพอเช่นเดียวกัน แต่เราก็เชื่อมั่นว่าวงการสร้างสรรค์จะช่วยพัฒนาย่านนี้ให้ไม่หยุดนิ่งต่อไปแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้ใกล้จะเกิดขึ้นแล้วในงาน ‘Bangkok Design Week 2024 : Livable Scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี’ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมปี 2567 โดยเป็นงานที่จะกระจายกิจกรรมออกไปในพื้นที่ต่าง ๆ มากกว่าปีที่ผ่านมา และย่านปากคลองตลาดก็ยังคงย่านที่ถูกให้ความสำคัญอีกเช่นกัน
หรืออย่างล่าสุดกับงาน ‘Placemaking Week 2023: Diverse+City (เมืองหลากหลาย)’ งานสัปดาห์การออกแบบและสร้างสรรค์พื้นที่เมือง ครั้งที่ 1 ที่เลือกจัดกิจกรรมใน 5 ย่านทั่วเกาะรัตนโกสินทร์ ได้แก่ นางเลิ้ง ปากคลองตลาด บํารุงเมือง ตลาดน้อย และพื้นที่ริมคลองผดุงกรุงเกษม โดยในย่านปากคลองตลาดนี้มีการจัดกิจกรรมที่ชื่อว่า ‘สอยดาว สอยดอก’ ผ่านการนำต้นสารพัดนึกสีแดงสดสูงชะลูดมาวางไว้ที่บริเวณหน้าทางออก 4 รถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสนามไชย ให้ผู้คนมาร่วมอธิษฐานขอพร ประดับตกแต่งต้นไม้ด้วยตัวเอง และนำคำทำนายจากต้นกลับบ้านเป็นที่ระลึกได้
เราคิดว่าทั้งหมดนี้น่าจะตอบคำถามเราได้แล้ว ว่าดอกไม้ในปากคลองตลาดจะขายต่อไปเรื่อย ๆ ได้ยังไง คำตอบก็คือจะยังขายได้อยู่ เพราะดอกไม้ในย่านเหล่านี้ยังคงประดับในชีวิตชาวกรุงเทพฯ อยู่เสมอ และยิ่งนานวันก็ยิ่งมีผู้คนมาเชยชม และดอมดมมันอย่างไม่ขาดสาย และนอกจากจะเป็น ‘ปากคลองตลาด’ แล้ว ตอนนี้กำลังกลายเป็น ‘Park’ ที่ ‘ครองตลาด’ แลนด์มาร์กยุคใหม่ของกรุงเทพฯ ไปเป็นที่เรียบร้อย
Content Creator
ศุภณัฐ เลิศรักษ์กุล
Photographer
