fbpx

มันตลกมาก ที่ต้องมาเล่นตามกติกาของคนทำ “รัฐประหาร” – จอห์น วิญญู | Opinion Leader EP.03

Opinion Leader สัปดาห์นี้ ชวนพูดคุยกับ “จอห์น – วิญญู วงศ์สุรวัฒน์” John Winyu พิธีกรและดีเจหนุ่มชื่อดัง ที่พลิกผันชีวิตมาสู่การทำสื่ออิสระ เพื่อขับเคลื่อนประเด็นเชิงสังคมและการเมือง ภายใต้ชื่อ SpokeDark TV และ Daily Topics

กับบทสนทนาเหตุบ้านการเมืองตลอดช่วง 8 ปี นับตั้งแต่การรัฐประหารครั้งล่าสุดเมื่อปี 2557 ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ อำนาจ ส.ว. ความพร้อมของประชาธิปไตย และการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

จอห์น : สวัสดีครับ ผมจอห์น วิญญูครับ จาก SpokeDark TV หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันจาก Daily Topics และ เจาะข่าวตื้นครับ

The Modernist : อดีตไทยคือเสือตัวที่ 5 ปัจจุบันคือลูกเสือ?

จอห์น : อันนี้ใจดีมาก ใช้คำว่าลูกเสือ ถ้าเป็นสื่ออื่นๆในช่วงที่ผ่านมาเขาเรียกกันว่าเป็นเห็บสุนัขอะไรแบบนี้ มันก็มี มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหมือนกันที่เรามาถึงจุดนี้ได้ เพราะอย่างล่าสุดตอนนี้มาเลเซีย GDP จะโตสูงไปกว่าเราไปอีก และอินโดนีเซียก็ข้ามเราไปเพราะเป็นประชาธิปไตย เวียดนามถึงแม้จะไม่ใช่ประชาธิปไตยก็มีเสถียรภาพทางการเมืองมาก เพราะฉะนั้นไม่แปลกใจที่นักลงทุนต่างชาติไปที่นั่นเยอะ ไทยเราก็หนักครับ ในยุคสมัยที่รัฐบาลเราทำรัฐประหาร คณะรัฐประหารที่สืบทอดอำนาจมาจาก คสช. ก็ชัดเจนครับ ความสามารถก็ไม่มี ผลประโยชน์ของประชาชนก็ไม่ได้มาเป็นอันดับ 1 ใน agenda ของพวกเขา น่าจะเป็นการรักษาอำนาจมากกว่า อีกอันหนึ่งก็คงเป็นนักลงทุนไม่มีความเชื่อมันอยู่แล้วที่จะมาลงทุนในประเทศที่มีการทำรัฐประหารเกินกว่า 10 ครั้งและก็สำเร็จเกิน 10 ครั้งด้วยก็ไม่น่าแปลกใจ ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับคนไทย

The Modernist : วาทกรรมเลือกตั้ง = ประชาธิปไตย

จอห์น : ถ้าคนที่สนับสนุนเผด็จการ หรือเห็นดีเห็นงามในการทำรัฐประหาร ก็คงจะมองอย่างงั้นอยู่แล้ว เอ้ามีการเลือกตั้งแล้ว ก็เป็นประชาธิปไตยแล้วไง ซึ่งมันไม่ใช่อยู่แล้ว มันมีหลายปัจจัยที่เราจะต้องคำนึงถึง การมีส่วนร่วมของประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง จะมาบอกว่าการทำประชามติถือเป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนแล้วมันไม่ใช่ จริงๆแล้วถ้าจะนับหรือได้รับการยอมรับมันควรมาจาก สสร.หรือคนที่เป็นตัวแทนของประชาชนมาร่วมร่างจริงๆ และก็ยังมีเรื่องที่จับคนโหวต NO ต่างๆก็มีด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นความเป็นประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญปี 60 มันก็ชัดเจนว่ามันไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าไหร่

The Modernist : คิดอย่างไรกับอำนาจของ สว.

จอห์น : แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อ สว. ไม่ได้มาจากประชาชน ถึงแม้จะมีการอ้างว่า สว.คือส่วนหนึ่งระบอบนี้หรือเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาชนก็ผ่านประชามติให้มี สว. ซึ่งมันก็ฟังดูไม่ขึ้น ถ้าใช้ศัพท์วัยรุ่นก็คือแถ มันดู แถ ไปนิดนึง และก็เป็นการเถียงกันที่มันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของประชาธิปไตยอยู่แล้วแหล่ะ การมีอยู่ของ สว. และการที่อำนาจของ สว. ในการโหวตนายกฯ ยังคงมีอยู่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการขัดขวางการเป็นประชาธิปไตยและก็ขัดขวางเจตจำนงค์ของประชาชนที่แท้จริง

The Modernist : มองอย่างไรกับคำว่า “ประเทศไทยไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตย”

จอห์น : ผมมองว่าคนที่ไม่พร้อมคือคนที่กุมอำนาจไว้มากกว่า ไม่ว่าจะเป้นอำนาจระดับไหนก็ตาม จะสูงสุดลงมาข้างล่าง แค่จะปลายน้ำเอาเพราะที่เราอยู่ในวงวน 8-9 ปีผมว่าผู้มีอำนาจจากบนสุดลงมาจนถึงคนที่มีอำนาจเล็กน้อยต่างๆ บางทีหลายๆคนกังวลที่จะปล่อยอำนาจนั้นไป ผมว่าประชาชนพร้อมล่ะครับ และก็พร้อมมานานแล้วด้วย เพียงแต่ว่าคนที่กุมอำนาจไว้และคนที่ได้มาซึ่งอำนาจอย่างไม่ถูกต้องเนี่ย น่าจะเป็นคนที่ไม่พร้อมที่จะปล่อยอำนาจไว้มากกว่า

The Modernist : หลังเลือกตั้งจะเปลี่ยนไหม?

จอห์น : ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร ก็มีการพูดถึงการแลนด์สไลค์ บอกคนก็บอกว่าตั้งตอกเสาเข็ม บางคนก็บอกว่ามี สว. 250 คนอยู่ มันมีหลายสูตรเหลือเกิน ผมไม่กล้าฟังธงหรอก ผมว่า 8 ปีที่ผ่านมาและหลังการเลือกตั้งปี 62 มันก็เป็นการแสดงให้เห็นค่อนข้างชัดพอสมควรว่าคนที่มีบทบาทในเรื่องของการเมือง ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน จากกองทัพ จากส่วนไหนอะไรก็ตาม มันมีการเปลือยให้เห็นกันไปแล้วในระดับหนึ่งว่า คนเหล่านี้เป็นคนแบบไหน คนพูดมีความน่าเชื่อถือขนาดไหน หรือว่าความกลับกรอ หรือว่าคำแบบว่า เล่นเกมเก่ง อะไรแบบนี้ คนที่วางตัวเก่ง ผมว่าประชาชนก็เรียนรู้ครับ ถ้าประชาชนยังจะเอาแบบเดิมเราก็ไม่รู้จะยังไง สำหรับผมค่อนข้างมีความหวังและมีความศรัทธาในประชาชนคนไทยที่จะไม่อยู่กันแบบนี้กันต่อไปเพราะตอนนี้มันแย่มากๆ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่มากกว่าด้วยซ้ำ ผมคิดว่าคน 1% สบายแต่ 99% ลำบาก ไม่ลุกขึ้นทำอะไรสักอย่าง ไม่ออกมาแสดงพลัง ไม่ออกมาเลือกตั้ง ไม่ออกมาขับไล่ความย่ำแย่นี้ออกไปมันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรครับ แต่อย่างที่ผมบอก คนเราคิดได้กันอยู่แล้วล่ะ โดยพาะคนไทยนะ

The Modernist : มีความหวังไหม?

จอห์น : ความหวังแรก ผมคิดว่าคือการที่เราจะได้เลือกตั้ง ผมเองก็หวังเพราะผมก็อยากเลือกตั้ง ผมรู้สึกว่ามันต้องเลือกตั้งแล้ว ทั้งๆที่มันตลกมากเลยนะที่เราต้องมาเล่นตามกติกาของคนที่ทำรัฐประหาร ซึ่งแม้เขาจะอ้างว่ามาจากประชามติ มันก็มาตามครรลองนู่นนั่นนี้ ศาลรัฐธรรมนูญด้วย อันนั่นด้วย อันนี้ด้วย แต่จะไม่พูดถึงที่มาที่ไป การต่ออายุอะไรกันเลยเนอะ โอเค ไม่พูดเรื่องนั้นก็ได้ ความหวังแรกของผมก็คืออยากเลือกตั้ง อันดับต่อมาของผมก็คือ อำนาจการบริหารอะไรต่างๆก็เป็นของรัฐบาลที่มีเสียงที่เข้มแข็ง ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นค่อนข้างชัดเจนว่า รัฐบาลที่มีพรรคร่วมมากมายแบบนี้มันสร้างความวุ่นวายขนาดไหน และก็ประเทศชาติแบบว่าเคลื่อนที่หรือพัฒนาได้อย่างแบบอืดมากเหมือนหอยทาก แทบไม่ไปไหนเลย มันไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความหวังหรือว่าความพัฒนาของประเทศเลยอะไรแบบนี้

The Modernist : ฝากอะไรกับคนรุ่นใหม่

จอห์น : เมื่อสังคมมันเป็นประชาธิปไตย เศรษฐกิจมันก็จะดีขึ้น ต่างชาติมีความเชื่อมั่นในเรามากขึ้น เขาก็มาเที่ยวในประเทศเรามากขึ้น เขาเอาเงินมาลงทุนในประเทศเรามากขึ้น เขาหอบหิ้วอะไรต่างๆมาลงทุนในประเทศ เอาโรงงานมาตั้งในประเทศเรามากขึ้น เศรษฐกิจหมุนเวียนเงินจับจ่ายอะไรต่างๆมากยิ่งขึ้น ทุกคนที่อู้ฟู่ขึ้น บริษัทต่างๆก็รวยมากขึ้น คนมีความเท่าเทียมมากขึ้น ประชาชนก็มีความอยู่ดีกินดีมากขึ้น อิ่มท้องมากขึ้น โอกาสต่างๆก็มีมากขึ้น จากพวกพี่ทำรายการทีวีเมื่อก่อนอาจจะมีก่อนรัฐประหารโอกาสมีมากมาย หลังรัฐประหารคือหดลดลง เหลือแค่อยู่ไม่กี่คนที่เข้าถึงผู้มีอำนาจ เข้าถึงโอกาสได้ แต่เมื่อเป็นประชาธิปไตย โอกาสมันมีถ้วนหน้ามากยิ่งขึ้น ทุกคนก็มีโอกาสมากขึ้น น้องทำรายการ น้องทำงานวิจัย น้องอยากทำธุรกิจ น้องอยากจะเดินตามฝันเรื่องนั้นเรื่องนี้ น้องจะมีโอกาสมากยิ่งขึ้น

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า