fbpx

‘สินค้าสายมู’ ไอเท็มสนองความรู้สึก เมื่อความต้องการของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด

      ในโลกที่ระบบปัญญาประดิษฐ์ทำงานได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตจนแยกจากกันไม่ออก บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ทั่วโลกหันมาพัฒนาโรโบติกให้มีความสมบูรณ์แบบจนสามารถนำมาใช้งานทดแทนแรงงานมนุษย์ได้แล้ว ดังจะเห็นได้จากร้านอาหารที่นำหุ่นยนต์มาให้บริการเสิร์ฟอาหารตามโต๊ะ การผงาดขึ้นมาของเหล่าบรรดาเทคโนโลยีอัจฉริยะเหล่านี้ ดูราวกับว่าโลกในนวนิยายวิทยาศาสตร์ของไอแซค อาซิมอฟ หรือ ฟิลิป เค. ดิก จะค่อย ๆ กลายเป็นจริงขึ้นมาทุกวัน

      แม้โลกจะถูกผลักไปข้างหน้าด้วยระบบอัตโนมัติ ประกอบกับมีโซเชียลมีเดียเป็นเสมือนโลกใบที่สองจะได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ของดาวเคราะห์ดวงนี้ไปอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นความเที่ยงแท้สามัญก็คือจิตใจของมนุษย์ที่ประกอบไปด้วยหลากอารมณ์ หลายความรู้สึก โดยเฉพาะความไม่มั่นคงในจิตใจ ที่ถูกความผันแปรของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การพลิกผันทางเศรษฐกิจ โรคระบาด และสภาพสังคม เข้ามากระทบดั่งคลื่นทะเลลูกแล้วลูกเล่า เราจึงได้เห็นปรากฎการณ์ “มูเตลู” หรือการหันไปพึ่งพาสิ่งที่มองไม่เห็นเกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ โดยเฉพาะในสังคมไทยที่เปิดรับทุกวัฒนธรรม ทุกความเชื่อจากทั่วทุกมุมโลก จะว่าไปการเดินคู่ขนานกันระหว่างการพัฒนาของเทคโนโลยี กับเรื่องลี้ลับ (ซึ่งก็มีพัฒนาการในตัวเองเช่นกัน) ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว อาจจะมีมาก่อนที่คำว่า ‘มูเตลู’ หรือ ‘สายมู’ จะผุดขึ้นมาบนบรรณพิภพซะด้วยซ้ำ 

ภาพยนตร์เรื่อง Penangkal Ilmu Teluh ออกฉายในปี 2522 ใช้ชื่อภาษาไทยว่า ‘มูเตลู ศึกไสยศาสตร์’
ที่มาภาพ: aurora.co.th

      อย่างไรก็ดี ‘มูเตลู’ เป็นคำ 3 พยางค์ซึ่งมีที่มาน่าสนใจ โดยมาจากภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกของอินโดนีเซียเรื่อง ‘มูเตลู ศึกไสยศาสตร์’ (Penangkal Ilmu Teluh) ที่ออกฉายครั้งแรกในปี 2522 โดยเป็นการท่องคาถาที่ขึ้นต้นว่า ‘มูเตลู มูเตลู’ ของตัวละครหญิงสาว 2 คน ที่ใช้ไสยเวทย์สู้กันเพื่อแย่งชิงคนรัก แม้ความความหมายของคำนี้ในภาพยนตร์จะเน้นสื่อถึงมนต์ดำ และคุณไสย แต่ปัจจุบันคำดังกล่าวได้มีความหมายเปลี่ยนไป เป็นการหลอมรวมความเชื่อพุทธ พราหมณ์ การนับถือผี และสิ่งเร้นลับเข้าด้วยกัน เช่น การบูชาสิ่งศักสิทธิ์ เครื่องรางของขลัง กำไลหินสี สร้อยข้อมือ ผ้ายันต์ ตะกรุด การดูไพ่ วอลเปเปอร์มือถือ การทำพิธีเสริมดวงชะตาตามความเชื่อส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังมีสินค้าต่าง ๆ ที่นำความเชื่อข้างต้นมาผนวกรวมเข้ากับตัวสินค้า จนกลายมาเป็นธุรกิจด้านความเชื่อที่มีมูลค่ามหาศาล 

‘มูเตลู’ ปรากฏการณ์สะท้านสังคม

      เมื่อย้อนกลับไปในช่วงปี 2549 – 2550 มีปรากฏการณ์มูเตลูหนึ่งที่โด่งดังมาก ๆ ในห้วงเวลานั้นก็คือ ‘จตุคามรามเทพ’ ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม แบบที่ไม่เคยมีวัตถุมงคลอื่นก่อนหน้านี้ทำได้มาก่อน ทำเอาแผงพระเครื่องในยุคนั้นคึกคักเป็นอย่างมาก โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าในปี 2550 จตุคามฯ มีมูลค่าตลาดมากกว่า 10,000 ล้านบาท

ที่มาภาพ: sanook. (2566). “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในความทรงจำ” 25 ปีนี้คนไทยกราบไหว้อะไรไปแล้วบ้าง?
จาก https://www.sanook.com/news/8987162/

      ความนิยมที่เกิดขึ้นในระดับปรากฎการณ์นี้ก่อให้เกิดคลื่นมวลชนนับหมื่นคนหลั่งไหลจากทั่วประเทศ ไปยังวิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช เพื่อแห่รับใบจององค์จตุคามฯ  รุ่น ‘เงินไหลมา 2’ ที่จัดสร้างโดยพระมหาไมตรี ปภารตโน เจ้าอาวาสวัดพระนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็น 1 ใน 3 จุด ที่ทางวัดใช้เป็นสถานที่รับจองวัตถุมงคล จนเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวาย แย่งชิงการจับจอง มีผู้คนถูกเหยียบนับ 100 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 ศพ อย่างไรก็ตามความนิยมองค์จตุคามก็อยู่ในกระแสในสังคมได้เพียงช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ แผ่วความนิยมลงไปตามกาลเวลา

ที่มาภาพ: sanook. (2566). “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในความทรงจำ” 25 ปีนี้คนไทยกราบไหว้อะไรไปแล้วบ้าง?
จาก https://www.sanook.com/news/8987162/

      นอกจากนี้ เครื่องรางของคลังอย่าง ‘ปี่เซียะ’ สัตว์มงคลตามความเชื่อชาวจีน ที่มีรูปลักษณ์ผสมผสานระหว่าง มังกร สิงโต กวาง นก และปลา ซึ่งขึ้นชื่นว่าเป็นเทพแห่งโชคลาภ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักธุรกิจ พ่อค้าแม่ค้า รวมไปถึงนักเสี่ยงโชคในประเทศจีนและฮ่องกง ที่มักจะใช้เป็นเครื่องประดับที่พกติดตัว หรือวางไว้ในตำแหน่งสำคัญของบ้าน เพื่อช่วยเรียกทรัพย์ โดยวัตถุมงคลชนิดนี้เริ่มเกิดเป็นกระแสในประเทศไทยในปี 2548 ปัจจุบันปี่เซียะก็ยังได้รับความนิยมและถูกนำมาเป็นเครื่องมือทางการตลาดฉบับมูเตลูกับสินค้าเครื่องประดับซึ่งก็ได้รับความนิยมในสังคมไทยอย่างมหาศาล

ที่มาภาพ: huasengheng.com

      อย่างไรก็ดีเมื่อเปิดบันทึกทางสังคมผ่านข่าวเก่า ๆ จะพบว่าหลายแห่งระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า กระแสคำว่า ‘มูเตลู’ ที่มีนัยยะความหมายในทางบวกมากขึ้นและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางก็คือ ในช่วงปี 2557 – 2558 จากการที่เหล่าบรรดาคนดัง และอินฟลูเอนเซอร์บนโลกออนไลน์ หันมาบูชาและใช้เครื่องรางของขลัง เช่น กำไลหินสีมงคล ตะกรุด เพื่อเป็นไอเท็มเรียกทรัพย์ ส่งเสริมเรื่องการงานทำให้ผู้คนหันมาบูชา สวมใส่กันทั่วบ้าน ทั่วเมือง ข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่น่าสนใจที่ทำให้สินค้ามูเตลูเข้าถึงคนมากขึ้นจากห้วงเวลานี้ ก็คือการพัฒนารูปลักษณ์ภายนอกจากของขลังแบบจริงจัง มาสู่รูปแบบแฟชั่นมากขึ้น

ที่มาภาพ: mgronline. (2558). ฮิตจนต้องปลอมแปลง! “หินสีนำโชค” แฟชั่นความเชื่อของคนอยากดวงดี
จาก https://mgronline.com/live/detail/9580000010557 )

โรคระบาดซ้ำ-เศรษฐกิจทรุด ดันสินค้า ‘สายมู’ พุ่ง

      แม้มูเตลูจะเป็นความเชื่อ เป็นสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นชัด ๆ ก็คือธุรกิจด้านความเชื่อเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2563 – 2565 กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าช่วงเวลาดังกล่าว มูเตลู หรือความเชื่อในศาสตร์เร้นลับ การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมดวงและโชคชะตาในประเทศไทย ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด สะท้อนจากจำนวนธุรกิจกิจกรรมด้านความเชื่อเพื่อสนับสนุนการตลาดที่มีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอด 3 ปีนี้ เช่นเดียวกับผลประกอบการธุรกิจ โดยในปี 2564 มีรายได้รวมถึง 61.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า จำนวน 32.52 ล้านบาท หรือ 113% การเติบโตดังกล่าวสะท้อนถึงความผันผวนของเศรษฐกิจที่มาจากปัจจัยหลายอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้ อาทิ  โรคอุบัติใหม่ โรคระบาด ปัญหาสิ่งแวดล้อม ความเหลื่อมล้ำทางสังคม การศึกษา การเมือง สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ทำให้ภาคธุรกิจสบโอกาสที่จะนำความเชื่อในมูเตลูมาใช้สร้างรายได้และผลกำไรมากขึ้น

      กระทรวงพาณิชย์ยังระบุอีกว่า มีการนำศาสตร์แห่งความเชื่อมาใช้วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ ด้วยการจัดแคมเปญให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกช่วงอายุมากขึ้น รวมทั้งใช้อินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้มีชื่อเสียงมาสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างประสบการณ์ร่วมด้านอารมณ์หรือความรู้สึกกับลูกค้า ส่งผลให้ธุรกิจกิจกรรมด้านความเชื่อเพื่อสนับสนุนการตลาดมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

‘สินค้าสายมู’ โตต่อเนื่อง ไม่สนภาวะเศรษฐกิจ

      มองเผิน ๆ แล้วดูราวกับว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะไหน ธุรกิจและสินค้ามูเตลูดูจะลอยตัวอยู่เหนือวิกฤตทั้งหมด คำถามนี้ถูกยกขึ้นมาในะหว่างการสนทนา กับ ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาวิชาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ถึงปรากฎการณ์สินค้ามูเตลู โดย ดร.บุญยิ่ง กล่าวว่าก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ก่อนว่า เป็นเรื่องปกติที่เมื่อต้องเผชิญหรืออยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจหรือสังคม ผู้คนจะเกิดความกังวล และนำไปสู่การหาที่พึ่งพิง ในแง่ทางใจสินค้ามูเตลูจึงเข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องเหล่านี้ 

ที่มาภาพ: CMMU

      แต่ไม่ใช่แค่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเท่านั้นที่ทำให้สินค้ากลุ่มนี้ได้รับความนิยม ต่อให้เศรษฐกิจดี สินค้าเหล่านี้ก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่ เพราะความต้องการของมนุษย์ไม่ได้แค่ต้องการที่จะพ้นวิกฤต แต่ต้องการความเจริญรุ่งเรือง ต่อให้ประสบความสำเร็จได้ในสิ่งที่หวังแล้ว คนเราก็อาจะที่จะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นไปอีก อย่างสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปเวลาคนไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้ไม่ได้มีความทุกข์อะไร คนก็ยังขอพรเรื่องต่าง ๆ อยู่ดี ทั้งนี้ไม่ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะวิกฤตหรือไม่ มูเตลู เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนเสมอในทุกยุคทุกสมัย

      “คนเราจะมีความรู้สึกว่าเติมสิ่งที่ดีต่อจิตใจเข้าไปเรื่อย ๆ ยิ่งดี ถ้าได้มาในลักษณะที่ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะความต้องการความมั่นคงของมนุษย์เป็นสิ่งที่ถมไม่เต็มหรอก เราต่างไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นคง 100% คนที่ฐานะไม่ดี ก็อยากมีฐานะดี คนที่มีฐานะดีก็ยังอยากที่จะมีความสำเร็จ คนที่มีความสำเร็จก็อยากจะมีชีวิตครอบครัวที่ดี ฉะนั้นถามว่าจะมีมนุษย์สักกี่คนที่มีครบทุกด้าน ยากมาก อย่างไรมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความต้องการอยู่เรื่อย ๆ”  ดร.บุญยิ่งกล่าว

      อย่างไรก็ตามเมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดจะพบความแตกต่างของมูลค่าการใช้จ่าย โดยในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ได้แย่ ผู้คนมีกำลังจับจ่ายใช้สอย สินค้ามูเตลูในกลุ่มราคาสูงก็จะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งก็จะย้อนกลับไปดังที่กล่าวข้างต้นคือมนุษย์มีความต้องการไม่รู้จบ เมื่อประสบความสำเร็จแล้วก็อยากที่จะประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไปอีก อาทิ การประมูลทะเบียนรถเลขสวย รวมไปถึงโทรศัพท์เบอร์มงคล 

      ส่วนในกรณีที่เศรษฐกิจไม่ดี แล้วเจาะลงไปในกลุ่มที่ไม่ได้มีรายได้สูงมากนัก คนกลุ่มนี้ก็จะหันมาพึ่งพิงวัตถุมงคล หรือสินค้ามูเตลูอื่น ๆ ที่มีราคาไม่สูงมากนัก ซึ่งตลาดคนกลุ่มนี้มีขนาดใหญ่ โดยคาดว่าคนไทยถึง 80% น่าจะเป็นสายมูและมักจะมูเตลูครบทุกด้าน แต่สิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การพยากรณ์ วัตถุมงคล สีมงคล ตัวเลขมงคล 

      ทั้งนี้ สินค้ามูเตลูอาจแบ่งเป็นกว้าง ๆ ได้ 2 ประเภทคือ เครื่องรางของขลัง ลูกค้ากลุ่มนี้มักจะมีศรัทธาสูงมาก มักจะหาเช่ามาบูชาอย่างจริงจัง อย่างในสมัยก่อนที่มีกระแสบูชาจตุคามรามเทพ 

      อีกประเภทคือ สินค้าทั่วไปที่นำเรื่องของมูเตลูเข้ามาเกี่ยวข้อง ถือเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ในมุมของนักการตลาดเป็นอย่างมาก โดยสินค้าทั่วไปมักจะมุ่งตอบโจทย์ด้านการใช้สอย หรือ Functional Benefit เป็นสำคัญ แต่เมื่อผู้ค้านำเอามูเตลู หรือสิ่งที่เป็นมงคลต่าง ๆ เพิ่มเข้าไปในสินค้านั้น ๆ ก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้า ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในเชิงอารมณ์ หรือ Emotional Benefit ทำให้สินค้ามีความน่าสนใจมากขึ้น 

      นอกจากนี้มูเตลูยังมีคุณค่าในเชิงกลยุทธ์ทางการตลาด ภาคธุรกิจอาจจะไม่ได้จำเป็นถึงขนาดว่าต้องใส่เรื่องมูเตลูลงไปเป็นกลยุทธ์หลักเพราะอาจกระทบกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่อาจนำมูเตลูมาใช้ในเชิงส่งเสริมการตลาด การออกโปรโมชั่น เช่น ซื้อสินค้าหลัก แถมสินค้ามูเตลู เป็นต้น

ที่มาภาพ: CMMU

      “กลไกการตอบสนองต่อสินค้านั้น ๆ ของผู้บริโภคจะคล้ายคลึงกับการซื้อสินค้าแบรนด์เนม เพราะสินค้าแบรนด์เนมไม่ได้ตอบโจทย์ผู้ซื้อเพียงแค่ความคงทนของสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่แบรนด์เนมสะท้อนคุณค่าทางจิตใจ สินค้ามูเตลูก็เช่นเดียวกัน เมื่อสินค้าแฝงไว้ด้วยคุณค่าทางใจ เมื่อมาเสริมกับประโยชน์การใช้งานปกติ ก็จะทำให้ไปสะดุดตาลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งในเชิงการตลาด มูเตลู ยังเป็นตัวช่วยที่ทำให้เข้าถึงลูกค้าง่ายขึ้น สามารถนำมาเป็นจุดเด่นเพื่อแข่งขันกับแบรนด์อื่น ๆ ได้ แต่ทั้งนี้ก็อย่างที่บอก มูเตลู ไม่ใช่เป็นปัจจัยหลักที่จะเอามาสร้างให้แบรนด์ธุรกิจมีความแข็งแรง แต่จะตอบโจทย์ในเชิงส่งเสริมการตลาดมากกว่า” ดร.บุญยิ่ง เน้นย้ำ

      สำหรับในอนาคต ดร.บุญยิ่ง มองว่าความนิยมในสินค้ามูเตลูไม่น่าจะลดลง แถมยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นด้วย เนื่องจากพอคนเรามีความศรัทธาก็จะมีความรู้สึกว่าอยากไปต่อ ประกอบกับประเทศเพิ่งมีการเปลี่ยนผ่านมาสู่รัฐบาลใหม่ ซึ่งก็จะตามมาด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ สินค้ามูเตเลในระยะข้างหน้าจึงมีแนวโน้มที่จะราคาสูงขึ้นตามไปด้วย 

อ้างอิง : innnews / thairath 1 / sarakadee / thaipbs / mgronline / silpa-mag / 3m-it.ru.ac.th

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า