fbpx

ถ้าผมผลักดัน ‘สุราก้าวหน้า’ สำเร็จ ผมจะถอยออกมา – เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร | Modern Politico EP.2

จากคนที่เคยตกเป็นข่าวถูกจับจากการทำ “คราฟเบียร์” ก่อนจะผันตัวเข้าสู่สนามการเมือง มุ่งหวังผลักดันนโยบาย “สุราก้าวหน้า” ปลดล็อกอุปสรรคในการทำธุรกิจสุรากลั่นชุมชน ให้เกิดการเติบโตและแข่งขันได้ในระดับสากล

เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล คือหนึ่งในผู้เข้ามาเปลี่ยนภาพจำ ส.ส. จากที่ต้องมีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือต้องสืบทอดสายเลือดตระกูลการเมือง มาสู่แนวคิด “คนธรรมดาทำการเมือง” ที่แม้อายุน้อย มาจากครอบครัวรากหญ้า แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคในการสานฝันให้เป็นจริง

The Modernist ได้โอกาสสัมภาษณ์ “เท่าพิภพ” ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งปี 2566 เขายอมรับแบบตรงไปตรงมาว่าในวันหนึ่ง หากเขาสามารถผลักดันนโยบาย “สุราก้าวหน้า” ได้สำเร็จ จะวางมือจากสนามการเมือง ให้โอกาสคนอื่น ๆ มาผลักดันประเด็นใหม่ ๆ สู่สังคม

ชวนพูดคุย กระเทาะมุมมอง “การเมืองกับ Generation Gap” ในยุคที่คนรุ่นใหม่กำลังเริ่มเข้ามามีบทบาท คานอำนาจต่อรองกับคนรุ่นใหญ่ ติดตามได้ใน Modern Politico นักการเมืองแห่งอนาคต EP.2

The Modernist – มีเรื่องอื่นที่ไม่ใช่สุราก้าวหน้า แต่มีเรื่องอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันที่น่าสนใจหรืออยากผลักดันไหมครับ?

เท่าพิภพ : จริงๆผมก็ทำเรื่องกัญชาด้วย อยู่ใน กมธ. ด้วย ตอนนี้ก็มีร่างของธิพัฒน์ให้ทำ และไปฟังเครือข่ายต่างๆมา มีร่างของธิพัฒให้ทำ และก็ไปฟังเครือข่ายมา และก็มีร่างกัญชาด้วย รวมถึง sex worker ผมมีส่วนร่วมจะทำให้มันถูกกฎหมายประมาณหนึ่ง

จะบอกว่าอันนี้อยู่ที่การคุยหลายฝ่าย เพราะว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก sex worker บางท่านเขาก็ไม่อยากจะถูกตีตรา เราก็มองว่าถ้าไม่ถูกกฎหมายเลยก็อาจจะไม่ได้สวัสดิการหรือการคุ้มครอง สำหรับตัวเขาเองหรือผู้ที่จะใช้บริการ

The Modernist : ถ้าสุราก้าวหน้าสำเร็จ —— ถ้าสุราก้าวหน้าสำเร็จ คุณเท่าจะทำอย่างไรต่อหรือมีมุมมองต่อจากนั้นไหม? หรือว่าอะไร 

เท่าพิภพ : จริงๆเคยคิดนะ ผมว่าเป็นคำถามที่ดีนะ เรื่องสุราก้าวหน้าผมว่าไม่เสร็จเร็วหรอก ถ้าเรื่องนี้เสร็จแล้วดำเนินการเร็ว ผมตอบในฐานะคนรุ่นปัจจุบัน ผมว่าผมโอเคแล้ว ผมก็ exit (ออก) อ่ะ เพราะลึกๆแล้วผมก็เชื่อว่า การมาเป็นผู้แทนราษฎรมันมีวาระ 4 ปี ทุกอย่างมันมีวาระ พอ 4 ปีเสร็จ

ถ้าผมเป็นคนตั้งกฎ การที่คุณให้คนปกติมาบัญญัติกฎหมาย คุณควรจะมีระยะเวลาจำกัด 4 ปี แล้วคุณต้องออกเพื่อให้คนเข้ามาทำตามความฝัน มาแก้กฎหมายต่างๆที่เขาอยากแก้ได้บ้าง ผมไม่ได้ยึดติดกับอำนาจอะไร ผมรู้สึกว่า ผมได้มีโอกาสตรงนี้ ประชาชนให้โอกาสผมเสร็จแล้ว ผมรู้สึกว่า ก็ควรจะถอยให้คนอื่นที่มีประเด็นอื่นให้เข้ามาทำ

ผมมองว่านี่คือความสวยงามของประชาธิปไตย และการมีวาระมันก็เป็นเหตุฉะนี้ คุณทำสิ่งที่คุณอยากทำเสร็จแล้วคุณออกไป ผมว่าอันนี้แฟร์ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า อนาคตเรื่อง eia มันไม่ได้เป็นเรื่องของผมที่เกิดกับผมหรอก แต่ผมไปเจอกับชาวบ้านมามันก็มีประเด็นที่ผมอยากแก้ไขเรื่อยๆ ผมก็ไม่แน่ใจหรอก ให้คำมั่นสัญญาตรงนี้ไม่ได้จริงๆ ว่ามันจะไปจบที่ไหน หรือว่าถ้ามี สส.แบบผม 500 คน มีคนละกฎหมายหรือคนละประเด็นผมว่ามันจะง่ายกว่านี้เยอะ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าในอนาคตอันใกล้ สภาฯไทยจะมีคุณภาพอย่างที่ผมหวังหรือเปล่า

The Modernist : ประสบการณ์คนรุ่นใหม่สู่วงการการเมืองที่มากขึ้น —— หากสังเกตดีๆพบว่า หลังการปฏิวัติ 2475 อายุของนายกรัฐมนตรีหรือนักการเมืองเฉลี่ยราวๆ 40 ปี แต่อยู่ดีๆอายุกลับเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับพบว่า คนรุ่นใหม่ (เฉลี่ย 20 – 40 ปี) กลับมาสนใจการเมืองมากขึ้น มันเกิดจากอะไร?

เท่าพิภพ : จริงๆเรื่องนี้มันอธิบายได้หมด มันอธิบายได้ด้วยประวัติศาสตร์ ด้วยข้อมูลได้หมด เพราะว่าตอนที่เรามีประชาธิปไตยใหม่ๆ มันก็เป็นรุ่นของอาจารย์ปรีดี จอมพล ป. ซึ่งก็เป็นข้าราชการรุ่นใหม่ แต่ถ้าเรามองย้อนกลับไปอีก ชนชั้นปกครองไทยก็เป็นอำมาตย์ที่อายุเยอะ มันก็เป็นพลวัตรของการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ต่างประเทศก็เหมือนกัน และของไทยก็อธิบายไม่ยาก

ตอนปี 62 ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี นั่นคือเวลาเราโดนรัฐประหาร มันก็มีแกร็ปเยียร์ใช่ไหม ที่เป็น คสช. อยู่ประมาณ 5-6 ปี แล้วก็อยู่อย่างงี้ นักการเมืองรุ่นเก่ามันก็เกิดการผลัดใบพอดี ผมว่ามันเป็นความขัดแย้งของสีเสื้อด้วย และก็มีการปราบปรามทางการเมืองอย่างรุนแรงของฝ่ายที่แตกต่างกัน

หลายๆคนก็ต้องออกจากประเทศไปหลายๆคน หลายๆคนก็เลิก มันประจวบเหมาะกันเป็นช่วง 20 ปีที่ลูกของเขาโตขึ้นด้วย คือผมแบ่งเป็น 2 อย่าง หลายๆคนก็เป็นตระกูลการเมือง คือพ่อของเขาเนี่ยเป็น สส. มาก่อน และลูกก็มาเป็น คือผมไม่ได้ว่า ทุกคนเลือกเกิดไม่ได้ แต่บังเอิญโชคดีที่ได้มาเกิดในตระกูลแบบนี้ และอีกอย่างหนึ่งคือการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ด้วย

คนธรรมดาอย่างผมไม่เคยคิดหรอกครับว่า ก่อนจะมีอนาคตใหม่หรือปัจจุบันคือก้าวไกลจะได้มาเป็น สส. แบบนี้ถ้าคุณไม่ได้เกิดในคนของตระกูลนั้น หรือเป็นบ้านใหญ่ของจังหวัดนั้น อย่าว่าแต่เป็นเลย ไม่มีโอกาสจะฝันครับ แล้วเราก็เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มันนำสิ่งที่ดีๆความอะไรใหม่ๆมาในสังคมหรือในสภาศฯไทยด้วยซ้ำ การทำงานแบบอนาคตใหม่หรือก้าวไกลนั้นมันก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามันเวิร์ค

ตอนแรกผมไปลงพื้นที่ โดนปรามาสมากเลยว่า เด็กแบบนี้จะทำงานได้เหรอ อายุเท่าไหร่เอง ตอนที่ผมสมัครผมอายุ 29 นะ คือเขาคิดว่า 40 ยังเด็กเลย คือผมโชคดีที่ทางพรรคเราได้ทำงานกับพรรคที่มีอุดมการณ์คล้ายกันทั่วโลก โดยเฉพาะสแกนดิเนเวีย ไปดูนะแบบยังเรียนมหาวิทยาลัยเป็น สส. บางวันลาสภาไปสอบ นึกอออกไหมครับ ถ้าคุณเชื่อว่า สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้แทนฯจริง มันต้องเป็นผู้แทนของคนทุกกลุ่ม

การที่มีอายุกำนดขั้นต่ำ 25 ปีผมว่าสูงเกินไป มันควรจะ 18 ปี บางคนก็บอกว่ามันไม่มีวุฒิภาวะ อ้าว แล้วคุณยุ่งอะไรด้วย ก็คนเขาเลือก สุดท้ายผมไปฟังกลุ่มคนสูงอายุ เขาพูดเสมอนะว่าคนรุ่นใหม่เก่งกว่ารุ่นเขา ซึ่งมันเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าเด็กรุ่นใหม่เก่งกว่ารุ่นเรา เราเป็นคนผิดนะ เราต้องเก่งกว่าอยู่แล้ว ไม่ต้องมาคิดหรือจุดไฟใหม่ นึกออกไหม? เขาไม่ต้องคิดเครื่องยนต์ใหม่หรืออะไรใหม่

เขาต้องต่อยอดและเก่งกว่าเรา หลายๆครั้งมีนักศึกษา นักเรียนมัธยม ม.2-ม.3 มาขอผมสัมภาษณ์ไปส่งอาจารย์ แล้วบอกว่าอยากโตมาเป็น สส. ถ้าพูดในฐานะนักการเมือง ถ้าพี่เท่าเป็นได้ ผมก็อยากเป็นด้วย คือออันนี้ผมว่าเป็นจุดศุงสุดของชีวิตการเมืองของผมแล้วแหล่ะ แค่ได้ inspire คนอื่นว่า การเมืองเป็นเรื่องของทุกคนและใครก็เป็นได้

The Modernist : ต่างแดนอายุน้อยแต่ในไทยกลับสูงวัย —— ทำไมต่างประเทศมีผู้นำอายุน้อยแต่กลับสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ คุณเท่าฯ คิดว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมเราถึงมีแบบนี้ไม่ได้

เท่าพิภพ : ผมว่า คำถามนี้มันตอบยากแต่ง่ายนะ เพราะคนเขาเลือกครับ แต่ถามว่าทำไมคนยังมองอย่างงั้นอยู่ ผมว่าการเมืองมันไม่ได้หาใครที่ดีที่สุดเสมอนะ บางทีมันหาคนที่เหมาะกับสถานการณ์นั้นมากที่สุด บางทีคนที่จะแก้วิกฤติทั่วโลกเนี่ย ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามันเข้าสู่ช่วง disrupt นักการเมืองแบบโบราณก็โดน disrupt ด้วย

แต่เมืองไทยมันไปตามการเมืองโลกนั่นแหล่ะ การเปลี่ยนแปลงของโลกมันต้องการผู้นำหรือวิธีคิดใหม่ๆ มาแก้ไขปัญหา แต่เราโดน disrupt โดยการรัฐประหาร นักการเมืองในรุ่นแบบนั้นที่อยู่ต่างประเทศเลยไม่มีโอกาสในประเทศไทย เราโดนปุ่ม pause เข้าไป เราเลยตามหลังเพราะความขัดแย้งและเรื่องการรัฐประหารในประเทศไทยนั่นแหล่ะที่เราโดน pause ไป แต่ผมก็มองว่าอย่างหัวหน้าพรรคผม หรือคุณอุ๊งอิ๊งเอง

ผมว่ามันก็เป็น wave ที่อาจจะใช้เวลาตามหลังเขามา แต่ก็เริ่มจะทันแล้วเพราะอยู่ใน wave นี้อยู่ ก็เลยคิดว่าประเทศไทยก็ต้องฝากพี่น้องประชาชนว่า อย่ามา pause คือผมเลือกไม่ได้ พวกคุณก็ต้องมาช่วยกัน เราเห็นปัญหาแล้วว่า ถ้าผุ้นำมีกรอบความคิดแบบเก่าๆ แล้วเจอความท้าทายใหม่ๆ โควิด หรือเทคโนโลยี disruption มันทำให้เราสูญเสียโอกาส หลังๆคือมันทำร้ายประเทศไปแล้ว

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า