fbpx

‘Urwerk’ นาฬิกาหรู ที่หยิบ เมโสโปเตเมีย-ประวัติศาสตร์ มาสร้างแบรนด์

สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนที่ได้รับฉายาว่าเป็นเมืองหลวงแห่งนาฬิกา ไม่เพียงแต่มีแบรนด์นาฬิกาเป็นจำนวนมาก แต่ยังเป็นอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งของประเทศ จนถึงขนาดมีงานแสดงนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของโลกชื่อว่า Baselworld ซึ่งจัดมานานกว่า 100 ปี มีหลายแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและถูกเล่าขานถึงความงามและความคลาสสิกเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

แต่มีอยู่แบรนด์หนึ่งซึ่งมีรูปลักษณ์ที่ผิดแผกไปจากลักษณะของนาฬิกาข้อมือทั่วไปที่พบเห็นกันอยู่บ่อย ๆ เพราะแบรนด์นี้ไม่มีเข็มนาฬิกา แต่ใช้เทคนิคพิเศษบางอย่างที่ได้แรงบันดาลใจมาจากประวัติศาสตร์ อารยธรรมโบราณ มาผสมผสานกับกลิ่นอายของภาพยนตร์และงานศิลปะแนวฟิวเจอร์ริสม์ จนเกิดเป็นนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์ นั่นก็คือแบรนด์ อูร์เวิร์ก (Urwerk) ที่ถึงแม้จะมีอายุเพียง 26 ปี แต่สิ่งที่ก่อร่างสร้างตัวตนให้กับแบรนด์กลับมีอายุยาวนานหลายสหัสวรรษ

ที่มา : lofficielthailand

เบ่งบานจาก ‘อารยธรรมโบราณ’ และ ‘ประวัติศาสตร์’
อิรัก ประเทศที่กลายเป็นสมรภูมิรบมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ครั้งหนึ่งในอดีตเมื่อย้อนเวลาถอยหลังไปราว ๆ 6,000 ปีก่อน ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นหนึ่งในต้นธารของอารยธรรมโลกอันลือลั่นที่มีชื่อว่า เมโสโปเตเมีย ตั้งอยู่ระหว่างลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส เป็นดินแดนที่มีลักษณะคล้ายครึ่งวงกลมผืนใหญ่ ทอดโค้งขึ้นไปจากฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจรดอ่าวเปอร์เซีย ด้วยความที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำทำให้เหมาะกับการสร้างแหล่งที่อยู่อาศัย ชนชาติต่าง ๆ จึงหลั่งไหลกันเข้ามา กลายเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ชาวซูเมอร์ หรือ ชาวสุเมเรียน การผสมผสานกันระหว่างชนชาติต่าง ๆ นำมาสู่ความรู้จากชนกลุ่มหนึ่งมาสู่ชนอีกกลุ่มหนึ่ง จนกลายเป็นแหล่งรวมสรรพความรู้ที่ต่อมาได้ระเบิดออกมากลายเป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่มีส่วนในการวางรากฐานให้กับโลกยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการประดิษฐ์ตัวอักษรคูนิฟอร์มหรืออักษรลิ่มบนแผ่นดินเหนียว การคิดค้นระบบชลประทานเพื่อนำมาใช้ในภาคการเกษตร การสร้างสถาปัตยกรรม การพัฒนามาตราชั่ง ตวง วัด การทำปฏิทิน ดาราศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เรื่อยมาจนถึงแนวคิดเรื่อง ‘เวลา’

ที่มาภาพ : facts.net

ในโลกยุคโบราณกาล บรรพบุรุษของพวกเรานั้นมักจะยึดเอาดวงอาทิตย์ขึ้นและตกเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเริ่มต้นและสิ้นสุดลงของวันใหม่ แม้ต่อมาจะมีหลายอารยธรรมโบราณต่างคิดค้นระบบเวลาขึ้นมา บ้างก็มาจากการเพ่งพินิจถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ บ้างก็ขีดเส้นบนร่องไม้หรือกระดูกสัตว์นับการเปลี่ยนแปลงของดวงจันทร์ แต่ชาวสุเมเรียนได้พัฒนาระบบความคิดเรื่องเวลาที่ซับซ้อนขึ้นมามากกว่านั้น จากการเฝ้าสังเกตท้องฟ้า และนำหลักคณิตศาสตร์มาพิจารณา จนค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่าระบบเลขฐานหกสิบ (sexagesimal) เป็นหลักในการวัดเวลา ซึ่งเลข 60 ที่ชาวสุเมเรียนชอบมาก ๆ เพราะสามารถหารออกมาได้เป็นส่วนเท่า ๆ กันจนกลายเป็นหน่วยบอกเวลา คือ 60 วินาทีเท่ากับ 1 นาที, 60 นาทีเท่ากับ 1 ชั่วโมง และ 12 ชั่วโมงเท่ากับ 1 กลางวัน และ 1 กลางคืน และ 24 ชั่วโมงเท่ากับ 1 วัน 

เมือง ‘อูร์’ (Ur) หนึ่งในนครรัฐเล็ก ๆ ของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ถือเป็นสถานที่กำเนิดของการสร้างหน่วยวัดเวลาขึ้นเป็นครั้งแรก ประชากรที่เมืองนี้จะวัดหน่วยเวลาโดยอิงจากเงาทั้งสั้นและยาวของอนุสาวรีย์ที่ทอดตัวลงบนพื้นตามโมงยามของวัน

ต่อมาแม้ความล่มสลายจะมาเยือนอารยธรรมสุเมเรียน และเปลี่ยนมือผู้ปกครองอยู่หลายครา แต่อารยธรรมใหม่ที่ถูกสถาปนาขึ้นมาแทน ต่างยอมรับในระบบเวลาของชาวสุเมเรียน ทำให้แนวคิดเรื่องการแบ่งเวลาออกเป็น 60 หน่วย จึงแผ่ขยายไปทั่วโลกและยังคงถูกนำมาใช้จนถึงปัจจุบัน 

จากอารยธรรมเมโสโปเตเมียเมื่อ 6 สหัสวรรษก่อน ข้ามมาที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี 1995 เฟลิกซ์ โบมการ์ตเนอร์ (Felix Baumgartner) นักประดิษฐ์นาฬิกาและมาร์ติน ฟราย (Martin Frei) นักออกแบบผู้หลงใหลในศิลปะ ได้ระดมสมองกันปลุกปั้นแบรนด์และดีไซน์นาฬิกาที่หวังจะแหวกขนบและก้าวข้ามบรรทัดฐานเดิม ๆ ของนาฬิกาที่มีอยู่ในตลาด จนกระทั่งอีก 2 ปีถัดมา ตลาดนาฬิกาต้องสั่นสะเทือน เมื่อแบรนด์ อูร์เวิร์ก (Urwerk) กำเนิดขึ้น

Felix Baumgartner / Martin Frei – 1997
ที่มา : monochrome-watches

ความเก๋ของแบรนด์เริ่มตั้งแต่ชื่อ ที่นำชื่อเมือง ‘อูร์’ (Ur) ซึ่งเป็นต้นทางของการถือกำเนิดการสร้างมาตราวัดเวลามาใช้เป็นชื่อแบรนด์ รวมถึงแนวคิดหลักของการสร้างนาฬิกาของแบรนด์ อูร์เวิร์ก อีกทั้งในภาษาเยอรมันคำนี้ยังมีหมายถึงความเก่าแก่ และสื่อถึงความเป็นต้นตำรับอีกด้วย ส่วนคำว่า เวิร์ก (werk) ยังมีความหมายถึง ความสำเร็จและกลไก เมื่อเอาความหมายที่ถูกถอดออกมาประกอบสร้างอีกที จึงกลายเป็นคำนิยามที่สื่อถึงตัวตนที่ไม่เหมือนใครของแบรนด์ อูร์เวิร์ก

ความเก๋อีกอย่างก็คือการดีไซน์รูปลักษณ์นาฬิกาให้ออกมาไม่เหมือนใคร โดยไม่ใช้เข็มนาฬิกาแสดงค่าเวลาแบบนาฬิกาทั่วไป แต่กลไกการบอกเวลาจะแสดงผ่านหน้าปัดแนวโค้งครึ่งวงกลม โดยตัวชั่วโมงซึ่งอยู่บนหน้าปัด จะหมุนเข้าเทียบกับสเกลนาทีไล่จาก 0 ไปจนเลข 60 จากนั้นเมื่อขึ้นชั่วโมงใหม่ก็จะมีชั่วโมงถัดไป เข้ามารับช่วงต่อทางด้านเลข 0 อีกครั้งทันที โดยนาฬิการุ่นแรกที่แบรนด์ได้นำมาอวดสายตาชาวโลกก็คือ รุ่น UR-101 เยลโลว์โกลด์ ขนาด 38 มม. และรุ่น UR-102 ตัวเรือนเป็นสเตนเลสสตีลทรงกลมขนาด 38 มม. ทั้ง 2 รุ่นได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาคล็อกของศตวรรษที่ 17 รวมไปถึงยานมิลเลนเนียม ฟอลคอน (Millennium Falcon) ซึ่งเป็นยานอวกาศจากภาพยนตร์เรื่อง Star Wars และดาวเทียมสปุตนิก (Sputnik) จากสหภาพโซเวียต

Urwerk UR-101,UR-102
ที่มา : Urwerk

อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่ปีให้หลังแบรนด์ประสบปัญหาทางการเงินจากการร่วมทุนทางธุรกิจ จนเกือบจะเลิกกิจการไป แต่สุดท้ายก็กอบกู้ธุรกิจขึ้นมาได้อีกครั้ง จากการเปิดตัวนาฬิการุ่น UR-103 ในปี 2003 ที่จะกลายมาเป็นต้นแบบให้กับนาฬิการุ่นอื่น ๆ ของอูร์เวิร์กในอีก 10 ปีต่อมา ด้วยดีไซน์ที่มาพร้อมกับศิลปะแนวฟิวเจอร์ริสม์ (Futurism) หรืออาวอง-การ์ด (Avant-Garde) ที่สื่อถึงอนาคต รูปทรงมีนัยแสดงถึงความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และความอลังการที่สอดแทรกไปด้วยความแข็งแกร่ง จอแสดงผลเปลี่ยนมาอยู่บริเวณขอบด้านล่าง เพื่อให้ผู้สวมใส่อ่านได้ง่ายขณะขับรถ

ภาพสเก็ตอูร์เวิร์ก รุ่น UR-103
ที่มา : monochrome-watches

นอกจากนี้อูร์เวิร์กยังเคยกระโจนลงไปเล่นกับประวัติศาสตร์อีกหน คราวนี้เป็นการนำ อิเล็กทรัม (Electrum) โลหะมีค่าชนิดแรกๆ ที่มนุษยชาติรู้จัก ซึ่งเป็นโลหะผสมซึ่งมีทอง ซิลเวอร์ และธาตุอื่นๆ มาเป็นวัสดุให้กับนาฬิการุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น UR-100 ELECTRUM  ซึ่งอิเล็กทรัม ครั้งหนึ่งในอดีตเคยถูกใช้นำมาสร้างเป็นเหรียญเงินตราตั้งแต่สมัยอารยธรรมกรีกโบราณ และอียิปต์โบราณ สำหรับดีไซน์ภายนอกก็ไว้ลายกิมมิคทางประวัติศาสตร์ ด้วยการเซาะลายร่องให้เป็นริ้วบริเวณพื้นที่รอบ ๆ หน้าปัดให้เหมือนกับอัฒจันทร์รอบสนามกีฬาในยุคกรีกโบราณ และเซาะร่องบริเวณด้านข้างตัวเรือนเพื่อให้ดูเหมือนขอบเหรียญโบราณด้วยเช่นกัน

URWERK UR-100 ELECTRUM ‘Limited Edition’
ที่มา : watchworldwide

ทุกความเนิร์ด สร้างงานได้
สิ่งที่อยู่เบื้องหลังไอเดียสุดบรรเจิดเหล่านี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากภูมิหลังของผู้ก่อตั้งทั้งคู่ โดยเฟลิกซ์ โบมการ์ตเนอร์ เกิดมาในครอบครัวช่างทำนาฬิกา ทำให้เขาซึมซับศาสตร์ในการทำนาฬิกามาโดยตรง สิ่งนี้เองที่เป็นแรงขับให้เฟลิกซ์เลือกที่จะเข้าศึกษาต่อที่สถาบันผลิตช่างนาฬิกาที่เมืองชาฟฟ์เฮาเซิน (Schaffhausen) สวิตเซอร์เเลนด์ เมื่อขุมพลังที่สั่งสมมาตั้งแต่วัยเยาว์ได้ถูกลับคมจากผู้เชี่ยวชาญในสถาบันการศึกษา ทำให้เขามีความเชี่ยวชาญในเชิงเทคนิคการผลิตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลไกที่ซับซ้อนของนาฬิกา

Felix Baumgartner วัยหนุ่ม
ที่มา : monochrome-watches

ด้านมาร์ติน ฟราย ผู้ที่มีความหลงใหลในงานศิลป์ ฝีมือการดีไซน์นาฬิกาของเขามาจากความหลงใหลส่วนตัว ที่ต่อมาได้ถูกบ่มเพาะจากวิทยาลัยศิลปะและการออกแบบ จากเมืองลูเซิร์น (Lucerne) สวิตเซอร์เเลนด์ ที่นี่ทำให้เขาได้ทดลองการทำงานศิลปะหลายแขนง เช่น งานวาดภาพ และงานประติมากรรม เมื่อความชอบกลายเป็นความเชี่ยวชาญ การออกแบบนาฬิกาทุกครั้งเขาจะใช้การร่างแบบขึ้นมาบนหน้ากระดาษอย่างละเอียด

ที่มา : ethoswatches

นอกจากนี้มาร์ตินยังเป็นเนิร์ดภาพยนตร์ตัวกลั่น โดยเขาเปิดเผยเรื่องนี้กับเว็บไซต์ soozabed ว่าตนชื่นชอบการดูหนังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผลงานของสแตนลีย์ คูบริก (Stanley Kubrick) ผู้กำกับหนังระดับตำนานของสหรัฐฯ ที่เขามักนำกลิ่นอายเฉพาะตัวของคูบริกมาใช้ในการสร้างสรรค์นาฬิการุ่นต่าง ๆ ของอูร์เวิร์ก รวมไปถึงภาพยนตร์สงครามอวกาศอย่าง Star Wars ก็อยู่ในลิสต์หนังในดวงใจที่ส่งอิทธิพลต่อการทำงานของเขาเช่นกัน

Martin Frei
ที่มา : monochrome-watches

การโคจรมาพบกันของทั้งคู่ส่งผลให้งานดีไซน์ของอูร์เวิร์กกลายเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างชั้นเชิงทางเทคนิคและสุนทรียภาพทางศิลปะ นัยหนึ่งคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ ของนาฬิกา ที่มักบอกเวลาด้วยเข็มสั้นเข็มยาว  คือการท้าทายขนบแบบเก่าของนาฬิกาแบบทั่วไป อีกทั้งการนำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อารยธรรมโบราณ มาผนวกกับความหลงใหลในศิลปะ ภาพยนตร์ และงานบันเทิงคดีต่าง ๆ ที่สร้างกิมมิคให้กับแบรนด์ จนเป็นการทำ Brand Storytelling ไปในตัว ทำให้อูร์เวิร์กสามารถผงาดขึ้นมาเป็นแบรนด์นาฬิกาหรูระดับโลกและสร้างภาพจำให้กับผู้คนที่พบเห็นได้

ที่มา : lofficielthailand

อ้างอิง

monochrome1 / monochrome2 / watchesthailand / watchworldwide.net / soozabed / lofficielthailand / nationalgeographic / สถาบันการบิน / mysteriesrunsolved / intrend.trueid

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า