fbpx

เขียน Resume อย่างไรให้ถูกเลือก ? เมื่อบริษัทสนใจทักษะการทำงานมากกว่าใบปริญญา 

ในช่วงที่ตลาดการจ้างงานเริ่มตึงตัวสุดๆ ทักษะการทำงาน หรือความสามารถต่างๆในการทำงาน กลายเป็นสิ่งที่บริษัทต่างๆ ให้ความสนใจมากกว่า “ใบปริญญา” ที่เริ่มจะมีความสำคัญน้อยลง  

หลายบริษัทต่างมองหาคนทำงานที่เหมาะสมเข้ามารับตำแหน่ง และวิธีการจ้างงานของพวกเขาก็ดูจะกลายเป็นสิ่งท้าทายเพิ่มขึ้นด้วย จากการเปิดเผยของ Sue Duke รองประธานและหัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะระดับโลกของ Linkedln ซึ่งบอกเรื่องนี้กับสถานีโทรทัศน์ CNBC 

Duke บอกว่า ความยากลำบากที่หลายบริษัทต้องเจอตอนนี้ ก็คือการหาคนที่เหมาะกับงาน จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงวิธีการหาคนก็จะไม่ได้แรงงานที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานและความหลากหลาย 

สิ่งหนึ่งที่บริษัทต้องปรับเปลี่ยนก็คือการพุ่งเป้าไปที่ทักษะการทำงาน มากกว่าใบปริญญาหรือประสบการณ์การทำงานในแบบเดิมๆ มีบริษัทถึง 45% ในขณะนี้ ที่พุ่งเป้าไปที่ทักษะการทำงานของผู้สมัคร ทั้งที่เมื่อหนึ่งปีที่แล้วมีบริษัททำนองนี้เพียง 12% เท่านั้น

Daniel Pell รองประธานและผู้จัดการประจำอังกฤษและไอร์แลนด์ ของ Workday ก็ยอมรับเรื่องนี้เช่นกันกับ CNBC โดยบอกว่า ฝ่าย HR เปลี่ยนไปที่การรับคนโดยดูจากว่าพวกเขาทำอะไรกันเป็นบ้าง

การจ้างคนทำงานโดยวัดจากทักษะการทำงาน จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางทั้งต่อพนักงานและนายจ้าง ผลวิจัยของ Linkedln พบว่า การรับคนโดยดูจากทักษะการทำงาน จะช่วยให้โลกผลิตมนุษย์ที่เต็มไปด้วยทักษะเฉพาะทางเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบสิบเท่า บุคคลที่มีทักษะเฉพาะทางยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเท่าไหร่ ก็หมายความว่า บริษัทต่างๆ จะมีตัวเลือกในการรับคนที่เหมาะกับแต่ละบริษัทมากขึ้นด้วย การแย่งชิงตัวผู้สมัครงานโดยวัดจากใบปริญญาและเกรดแต่เพียงอย่างเดียวก็จะมีน้อยลง  

นอกจากนี้ บริษัทที่รับคนโดยอิงจากทักษะการทำงานเป็นหลัก ยังมีแนวโน้มที่จะสร้างผลงานแซงหน้าบริษัทคู่แข่งที่ยังรับคนในแบบเดิมๆ การสร้างสรรค์นวัตกรรม ประสิทธิภาพ และความสามารถในปรับตัวก็จะมีมากขึ้นด้วย 

เอไอและผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยการเรียนรู้ต่างๆ ยังช่วยส่งเสริมให้บริษัทรับคนได้ถูกต้องมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้กำลังแรงงานของบริษัทมีความหลากหลายมากขึ้น เพราะเดิมที พนักงานที่ไม่ได้จบมหาวิทยาลัย พนักงานที่เป็นผู้หญิง หรือมีอายุน้อยเกินไป มักถูกองค์กรมองข้ามความสามารถอยู่เสมอ แต่ถ้าเราวัดผลจากทักษะการทำงานจริงๆ โดยไม่อิงใบปริญญาหรือเกรด เราก็จะได้พนักงานที่มีความหลากหลายมากกว่าแต่ก่อน ที่ตำแหน่งงานมักถูกมอบให้กับผู้ชายจบปริญญาเสียเป็นส่วนใหญ่ การทำเช่นนี้ ยังเพิ่มโอกาสให้ผู้สมัครงาน รวมถึงทำให้กระบวนการรับคนมีความโปร่งใสมากขึ้นด้วย 

บริษัทที่พุ่งเป้าไปที่ทักษะการทำงาน ยังมีแนวโน้มจะหาโอกาสพัฒนาทักษะแรงงานให้กับพนักงานอยู่เสมอ ดังนั้น พนักงานก็จะมีโอกาสมากขึ้นในการเติบโตและมีทักษะการทำงานที่พร้อมมูล ช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จในระยะยาว 

และเมื่อทักษะการทำงานเป็นสิ่งที่บริษัทมองหา ข้อมูลในเรซูเม่จึงควรถูกปรับเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ยังยึดติดการสมัครงานในรูปแบบเก่าๆ  

Gaelle Blake ผู้อำนวยการบริษัทจ้างงาน Hays บอกกับ CNBC ว่า เรซูเม่ควรจะต้องอัดแน่นไปด้วยทักษะการทำงานและความสามารถต่างๆ มากกว่าข้อมูลทั่วไป  เพื่อให้ตอบโจทย์กับการจ้างงานของบริษัท  

Amanda Augustine ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพของ TopResume อีกทั้งยังเป็นโค้ชแนะแนวอาชีพและนักเขียนเรซูเม่มือฉมัง ก็เห็นด้วย โดยบอกว่า บริษัทต้องการคนที่ทำงานเป็น ไม่ใช่สักแต่พูดเท่านั้น  ในเรซูเม่จึงควรร่ายยาวเป็นข้อๆ ไปเลยในเรื่องทักษะการทำงาน และประสบการณ์การทำงาน  

ในเรซูเม่จึงควรปรับโครงสร้างการเขียนบางอย่าง เช่น เน้นไปที่ทักษะการทำงาน ให้เป็นข้อความที่เด่นชัดออกมา และเห็นได้อย่างง่ายๆ  และเติมหลักฐานการทำงานบางอย่างไปด้วยเพื่อให้ผู้อ่านเห็นว่า เราทำงานด้านนั้นเป็นจริงๆ  ก่อนจะตบท้ายไปที่การบอกบุคลิกลักษณะนิสัย และสาเหตุว่า ทำไมเราถึงเหมาะกับบริษัทนี้  เพื่อดึงดูดความสนใจจากนายจ้าง 

สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือการเช็คคีย์เวิรด์ ในรายละเอียดงานที่บริษัทระบุไว้  แล้วหาทางขยายความคีย์เวิร์ดนั้นในเรซูเม่ของเรา  โดยเน้นย้ำถึงทักษะการทำงานที่สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดนั้น  เพื่อให้นายจ้างสะดุด แล้วเรียกเรามาสัมภาษณ์

ที่มา cnbc

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า