fbpx

‘นโยบาย 100 วันแรก’ ของก้าวไกล แก้ปัญหาปากท้องคนไทยยังไงบ้าง?

‘สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ’

‘ชีวิตอิสระที่อยู่บนความไม่แน่นอน’

‘ของแพงขึ้น แต่เราขายได้น้อยลง’

ปัญหาปากท้องเรียกได้ว่าเป็นปัญหาสำคัญทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ธุรกิจ จนไปถึงระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการมีรายได้ที่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ข้าวของแพงขึ้น สังคมที่มีแต่ความเหลื่อมล้ำแบบรวยกระจุกจนกระจาย การกู้หนี้ยืมสินในรูปแบบต่าง ๆ รวมไปถึงปัญหาเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั่วโลก

ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า นักวิเคราะห์และสถาบันทางการเงินโลกได้มีการประเมินทิศทางของการเติบโตทางเศรษฐกิจ พบว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2023 มีความไม่แน่นอนและมีโอกาสเกิดการถดถอยทางเศรษฐกิจจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และเงินเฟ้อ (Geopolitical Recession; Inflationary recession) ที่มาจากสงครามในยูเครน และอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวสูงทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ส่งผลให้หน่วยงานวิจัยเศรษฐกิจหลายแห่งปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกลงอย่างมีนัยสำคัญ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนต้องเผชิญกับความยากลำบากในเรื่องของปากท้องและคุณภาพชีวิต

หน่วยงานสำคัญที่จะเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องนี้ได้ดีที่สุดก็คือ ‘รัฐบาล’ และสำหรับการ #เลือกตั้ง66 ที่ผ่านมาเราเชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยต่างต้องการเลือกผู้นำที่จะช่วยนำพาไปประเทศไปสู่แสงสว่างเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

จากผลนับคะแนนเลือกตั้ง 2566 อย่างไม่เป็นทางการ พรรคก้าวไกล เบอร์ 31 ขึ้นนำมาเป็นอันดับ 1 โดยมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แต่สิ่งที่หลายฝ่ายต่างจับตามองคือ “นโยบาย 100 วันแรก” ของพรรคก้าวไกลที่จะเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงประเทศเพื่อชาวไทยทุกคน โดยเฉพาะเรื่องปากท้องประชาชน

The Modernist จึงรวบรวมทุกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้อง จาก “นโยบาย 100 วันแรก” ของพรรคก้าวไกล จะมีอะไรบ้างมาดูกัน

  1. เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เริ่มต้นวันละ 450 บาท ให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อและดัชนีค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกปี
  2. แบ่งเบาภาระค่าแรงที่สูงขึ้นสำหรับ SME ในช่วง 6 เดือนแรก โดยการที่รัฐบาลช่วยสมทบค่าประกันสังคมในส่วนของผู้ว่าจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
  3. ลดค่าใช้จ่าย SME โดยการเปิดให้ SME เหมาค่าใช้จ่ายภาษีบุคคลได้เพิ่มเป็น 90% (จากเดิม 60%)
  4. เพิ่มลูกค้าให้ SME โดยสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนที่เลือกซื้อสินค้า SME ได้รับสลากกินแบ่งของรัฐบาลไปลุ้นรางวัล และร้านค้าสามารถนำยอดขายมาแลกเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เช่นกัน
  5. ลดค่าไฟให้กับประชาชนได้อย่างน้อย 70 สตางค์/หน่วย (เฉลี่ยบ้านละ 150 บาท) พร้อมเจรจาซื้อขายไฟฟ้ากับสัมปทานใหญ่พลังงานใหม่ เพื่อลดต้นทุนที่เกิดขึ้นจากค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่อง และปรับนโยบายเพื่อให้ความสำคัญกับประชาชนก่อนกลุ่มทุน
  6. ปลดล็อกให้ประชาชนทุกบ้านติดแผงโซลาร์เซลล์ ด้วยระบบ Net Metering (หักลบหน่วยขาย/ซื้อ) เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้าและเปิดโอกาสให้ขายไฟฟ้าที่ผลิตเกินใช้ กลับคืนให้รัฐบาลในราคาตลาด
  7. เร่งเปลี่ยนที่ดินนิคมสหกรณ์ทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นเอกสารสิทธิ์หรือโฉนดให้เกษตรกรและประชาชนทันที

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งใน “นโยบาย 100 วันแรก” ของพรรคก้าวไกล ที่มองว่าเป็นทางออกในการช่วยแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนชาวไทยได้ทันทีตั้งแต่ก้าวแรกของการเป็นรัฐบาล 

นอกจากนั้นยังมีนโยบายไฮไลต์และนโยบายผลักดันต่อที่ทางพรรคก้าวไกลได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ เช่น สวัสดิการลดความเหลื่อมล้ำให้กับเด็กและผู้สูงวัย, ปฏิวัติการศึกษา, การยกระดับขนส่งสาธารณะ รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด เป็นต้น  ซึ่งในขั้นตอนการดำเนินงานและปลายทางของความเปลี่ยนแปลงประเทศ จะเป็นอย่างไร เราชาวไทยทุกคนคงต้องจับตาดูกันต่อไป 

ที่มา : election66 / bot.or.th

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า