fbpx

ต่างศาสนา ต่างลัทธิ ทำอย่างไรเมื่อต้องคุยกัน 

Partnership with Thailand Talks 2022


ก่อนอื่นผู้เขียนต้องขอเกริ่นก่อนว่า การอธิบายถึงศาสนาในบทความนี้ จะไม่ได้อธิบายถึงนิยาม ความหมาย องค์ประกอบของศาสนา ดังเช่นแหล่งความรู้อื่นๆ บทความนี้จะเป็นบทความปริทัศน์ เพื่อประมวลผลความรู้ที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียน และชวนให้ผู้อ่านได้คิดตามไปพร้อมๆกัน

ศาสนา ในทัศนะของผู้เขียน หมายถึงเครื่องมือทางความเชื่อที่เป็นนามธรรม แต่นำไปสู่การกำหนดพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับตนเองและสังคมที่มีความเชื่อในแบบเดียวกัน อาจจะกล่าวได้ว่า ศาสนาเป็นหนึ่งวัฒนธรรมทางความเชื่อที่ทำให้ผู้คนในสังคมเดียวกันเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 

และด้วยความที่ธรรมชาติของมนุษย์มีความหลากหลายถิ่นฐาน หลายสังคมสังคม ความเชื่อทางศาสนาจึงมีความหลากหลาย แต่เมื่อพิจารณาถึงเป้าหมายของศาสนาต่างๆแล้ว ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องการให้เกิดความสงบสุขของคนในสังคมทั้งสิ้น 

ศาสนา มีความสัมพันธ์กับภูมิประเทศ ดาวดาว สายน้่ำ สายลม ภูเขา แผ่นดิน ที่โอบล้อมวิถีความเป็นอยู่การดำเนินชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย บางศาสนาจึงนับถือสายน้ำ นับถือดิน นับถือลม ดวงดาวบนท้องฟ้า นับถือสิ่งที่คิดว่ามีความเชื่อมโยงกับความเหนือธรรมชาติ แต่สามารถกำหนดการเป็นไปของชีวิตได้ 

ในบางศาสนา มีพัฒนาการจากความเชื่อในศาสดา ผู้ก่อตั้ง ผู้นำศาสนา ที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกภายในของคนแต่ละคนให้เกิดความรู้สึกปลอดภัย มั่นใจ มั่นคง ไม่สั่นคลอน มาเป็นความรู้ สามารถทดสอบและหาคำอธิบาย และเกิดความเข้าใจได้ด้วยความเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ 

ยกตัวอย่างเช่น คำอธิบายถึงการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่มีผู้ใดหลีกลี้หนีพ้นไปได้ ด้วยเหตุนี้จงอย่าเสียอกเสียใจจนไม่เป็นอันทำประโยชน์แก่ตนและสังคม หรือ ในคำอธิบายของบางศาสนาที่ว่าด้วย ความรักเป็นสิ่งที่จะนำสันติสุขมาสู่มวลมนุษย์ มนุษย์จึงควรอยู่ร่วมกันด้วยความรักและปรารถนาดีซึ่งกันและกัน เป็นต้น  

มนุษย์ต่างหากที่ใช้ประโยชน์จากศาสนา ศาสนาไม่ได้ควบคุมบงการมนุษย์

ผู้เขียนมีความเข้าใจว่าศาสนาเป็นเพียงเครื่องมือทางการคิดที่มนุษย์ใช้รับมือกับความรู้สึกภายในในสภาวะที่เกิดความรู้สึกไม่มั่นคง 

ศาสนา เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้มนุษย์เกิดความเชื่อ ด้วยการถูกจับไปเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆเพื่อสร้างความรู้สึกปลอดภัย ศาสนาเองไม่ได้มีการก่อตัวเป็นองค์กรหรือกลุ่มคนที่จะอยู่เหนือธรรมชาติ มนุษย์เองต่างหากที่จัดตั้งศาสนาขึ้นมาเพื่อรวบรวมผู้คนที่มีความเชื่อเหมือนกัน ให้เกิดความปลอดภัยในการอยู่ร่วมกัน และมีผู้ที่ได้รับการสถาปณาเป็นผู้รู้ ผู้เผยแพร่ เป็นสาวก ในลักษณะเดียวกับการสร้างอาณาจักร 

ศาสนาแห่งอาณาจักร 

กาลเวลาผ่านไป สังคมมนุษย์เข้าสู่การอยู่ร่วมกันเป็นอาณาจักร มีระบบการปกครอง มีองค์ความรู้ที่เรียกว่าศาสตร์ ซึ่งก็ถูกทดลองและพัฒนามาจากความเชื่อในอดีต แต่ผู้ครองอาณาจักรก็ยังคงจะใช้  ความเชื่อทางศาสนาเป็นเครื่องมือในการยึดครองหัวใจผู้คน ศาสนาและอาณาจักรจึงได้เติบโตคู่ขนานกันตลอดมา 

ศาสนา คือ โภชนาการทางความรู้สึก 

ผู้เขียนมีมิตรสหายที่มีความหลากหลายทางความเชื่อ ถามว่าเราได้คุยกันเรื่องความเชื่อทางศาสนาหรือไม่ ก็เคยนะ จะด้วยอานิสงส์แห่งศาสนาหรือจะด้วยความรู้ความเข้าใจในศาสนาสมัยใหม่ ทำให้ผู้เขียนและมิตรสหายเข้าใจวัตถุประสงค์ที่จะคุยกัน ไม่เป็นไปเพื่อการอวดข่ม ไม่ได้ตัดสินประเมินคุณค่าว่าศาสนาหรือความเชื่อของใครดีกว่ากัน แต่เป็นไปเพื่อแสวงหาจุดร่วมในความเป็นมนุษย์ เหมือนที่เราเข้าใจว่าคนไทยต้องกินข้าว(เรามีความเชื่ออีกแบบหนึ่ง) ในขณะที่ฝรั่งกินขนมปัง(ซึ่งก็เป็นความเชื่ออีกแบบหนึ่ง) แต่ไม่ว่าจะข้าวและขนมปัง ต่างก็ให้ประโยชน์กับร่างกายมนุษย์ด้วยคุณค่าสารอาหารชนิดเดียวกัน ให้ความอิ่มที่เหมือนกัน มีชีวิตอยู่รอดได้เหมือนกัน เพียงแค่วิธีการกินให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน  

เมื่อต่างศาสนา ต่างลัทธิ ต้องทำอย่างไรเมื่อต้องคุยกัน

อาจจะดูเป็นการท้าทายนะครับ แต่เป็นการท้าทายที่ผู้อ่านจะพบกับแนวทางในแบบของตนเอง ผู้อ่านอาจจะต้องลองตอบตัวเองว่า เวลาที่เราไปทำความรู้จัก พูดจากับผู้ในบนโลกใบนี้ เราพิจารณาจากอะไรก่อน รูปร่าง หน้าตา มารยาท ชวนให้เป็นมิตร แน่นอนว่าถ้ารู้สึกไม่เป็นมิตรตัวเราคงจะไม่เปิดโอกาสให้มีการสนทนาทำความรู้จักแน่นอน อีกทั้งสังคมที่ทำให้ผู้คนพบเจอกันมีเรื่องราวที่ทำให้คนที่มีความสนใจเหมือนกันมาเจอกัน  

คงจะไม่มีใครเปิดประเด็นสื่อสารด้วยการซักถามถึงความเชื่อทางศาสนาว่า ศาสนาคุณดีอย่างไร ศาสนาของคุณมีส่วนผลักดันให้คุณมาสู่การพบปะกันในครั้งนี้อย่างไร แม้กระทั่งการพบปะกับผู้คนที่การแต่งกายบ่งบอกถึงความเชื่อทางศาสนาก็ตาม มีเหตุผลมากมายที่จะทำให้เรามองข้ามความเชื่อทางศาสนา เข้าไปทักทายพูดจาปราศัยในเรื่องที่เป็นความสนใจอย่างเดียวกัน เรื่องอัญมณี เรื่องการตลาด การเงิน การเมือง 

นั่นเป็นเพราะว่า มนุษย์ในสังคมปัจจุบันมีความเข้าใจในธรรมชาติการดำเนินชีวิตที่มีความสอดคล้องกับความเป็นอาณาจักร ให้คุณค่ากับศาสตร์สมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ มากกว่าจะเอาเรื่องความแตกต่างแห่งศาสนจักร ซึ่งเป็นโลกภายในออกมาอวดข่ม ตัดสิน ประเมินค่าซึ่งกันและกัน 

แล้วปัญหาระหว่างคนต่างศาสนา คืออะไร 

ถ้าเรามองจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากสังคมทุกมุมโลก จะเห็นว่าปัญหาของพวกเขามีไม่กี่เรื่อง

  1. แดนแดน ที่เป็นอาณาจักร
  2. งบประมาณของอาณาจักร
  3. ความเชื่อทางศาสนาที่ไม่เป็นไปเพื่อความปลอดภัยและสงบสุข แต่เป็นไปเพื่อการทำลายเข่นฆ่ากันของคนในศาสนาเดียวกันเอง  

ศาสนจักร จึงควรจะเป็นอาณาจักรภายในเนื้อตัวร่างกาย โลกกว้างทางการคิดและความเชื่อของบุคคล อาณาจักร เป็นโลกภายนอกที่พ้นจากเนื้อตัวร่างกาย เป็นเรื่องของกฎหมาย ข้อบังคับที่ให้คุณให้โทษแก่ผู้ที่ละเมิดและเป็นภัยต่อสังคม เมื่อไรก็ตามที่มนุษย์ไม่แยกแยะว่าเครื่องมือใดต้องใช้อย่างไร ใช้กันมั่วไปหมด นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้วยังทำให้เกิดโทษมหันต์แก่ผู้ใช้ ตลอดจนสังคมที่เราอยู่ร่วมกัน 

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า