เมื่อเราพูดถึงกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแล้ว หนึ่งในแบรนด์ที่คนมักจะนึกถึงก็คือ CPF หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัทด้านอาหารชั้นนำของโลกที่มีผลิตภัณฑ์อาหารในเครือแบบครบวงจร แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่า CPF ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน? ในฐานะที่เป็นคนดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ วันนี้ Modernist Growth มีข้อมูลมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน
CPF ในปี 2564 นั้นดำเนินการหลักใน 17 ประเทศ โดยเน้นในทวีปเอเชีย นอกเหนือจากนั้นยังดำเนินการในทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ ปัจจุบันส่งออกไปกว่า 40 ประเทศ 5 ทวีปทั่วโลก มีผู้บริโภคทั้งโลกมากกว่า 4,000 ล้านคน สำหรับกลยุทธ์เพื่อการเติบโตของ CPF ได้แก่ การเน้นดำเนินงานในรูปแบบธุรกิจครบวงจร การกระจายฐานการผลิตและขยายตลาดทั่วโลก การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรม การนำเทคโนโลยีดิจิตอลเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และการเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
โดยผลการดำเนินงานในปี 2564 พบว่ามีรายได้จากการขาย 512,704 ล้านบาท เติบโตจากปี 2563 ร้อยละ 10 แต่กำไรสุทธิในปี 2564 กลับลดลงร้อยละ 50 จากปี 2563 เหลือเพียง 13,028 ล้านบาท โดยมีปัจจัยความท้าทายมาจากวิกฤตโควิด-19 และโรคระบาดในสุกร ซึ่งความท้าทายในปี 2564 จากการที่กำไรขั้นต่ำลดลงคือ ราคาสุกรโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปี 2563 และราคาวัตถุดิบสูงขึ้น รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลดลงจากการดำเนินงานของบริษัทร่วมในจีน ในแคนาดา และผลการดำเนินงานของ CPALL ที่ลดลง
ซึ่งถ้าแบ่งส่วนแบ่งรายได้ออกมาจะพบว่ารายได้ร้อยละ 54 มาจากการเลี้ยงสัตว์ มาจากธุรกิจอาหารสัตว์ร้อยละ 25 และธุรกิจอาหารร้อยละ 21 และถ้าเอารายได้ออกมากางจะพบว่ารายได้ในประเทศที่ลงทุนอันดับที่ 1 ยังคงเป็นประเทศไทยที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 5 มีรายได้สุทธิรวมอยู่ที่ 189,191 ล้านบาท รองลงมาคือรายได้จากประเทศอื่นๆ 181,946 ล้านบาท และรายได้จากประเทศเวียดนาม 111,111 ล้านบาท สุดท้ายเป็นรายได้จากจีน 30,456 ล้านบาท ซึ่งลดลงถึงร้อยละ 81 จากปี 2563