เป็นที่รู้กันว่า Gen Z จะมีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากคนรุ่นอื่นๆ นั่นคือ ความกล้าตัดสินใจ หลายคนเริ่มลงทุนทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย มีความต้องการเป็นเจ้าของกิจการ ไม่อยากเป็นลูกจ้างใคร และล่าสุด มีรายงานว่า กระแสการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังมาแรงในเด็กรุ่นนี้ด้วย
Soli Cayetano Gen Z ชาวอเมริกัน ที่ต้องอยู่แต่ในบ้านในสถานการณ์โควิด-19 เมื่อฤดูใบไม้ผลิ ปี 2020 และอาศัยการเรียนผ่าน Zoom เป็นหลัก ทั้งที่ตามปกติ เธอจะเป็นคนที่มีชีวิตวุ่นวายมาก นอกจากเรียนแล้ว ยังมีงานเสริมคือการเปิดออฟฟิศให้เช่า แต่ในสถานการณ์โรคระบาด ธุรกิจออฟฟิศให้เช่าก็ซบเซาลง
Cayetano เรียกตัวเองว่าเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง เธอมีงานทำตั้งแต่อายุ 14 ปี และเป็นคนที่ทุ่มเงินเก็บลงทุนทันทีหลังจากที่ศึกษาเรื่องต่างๆ เล็กน้อยแล้ว เธอเดินทางออกจากบ้านที่ซานฟรานซิสโก เบย์ แอเรีย ไปยังซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ เพื่อไปตรวจสอบสภาพบ้านขนาดสองห้องนอน ที่เธอจ่ายเงินซื้อมาในราคาไม่ถึง 1 แสนดอลลาร์ หรือไม่ถึง 3 ล้าน 4 แสนบาท ซึ่งตอนนั้น เธอมีอายุแค่ 22 ปี
Cayetano ซื้อบ้านหลังนี้และทำในสิ่งที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทำกัน คือซื้ออสังหาไว้ แล้วปล่อยเช่าในท้องตลาด ถ้าเธอพบว่าบ้านที่ซื้อมายังไม่มีใครมาเช่าต่อสักสองสามเดือน เธอก็จะไล่ผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ออกทันที แล้วก็จะไปหาผู้เช่าเองผ่านโปรแกรมอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ Zillow ด้วยวิธีการเช่นนี้ ในอีกเกือบสามปีถัดมา เด็ก Gen Z คนนี้ ก็เป็นเจ้าของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ขนาดย่อม มากถึง 36 หลัง
แน่นอน นี่คือวิถีของเด็ก Gen Z หรือผู้ที่เกิดระหว่างปี 1997 ถึง 2012 พวกเขาเกิดในช่วงที่ราคาบ้านกำลังบูมพอดี ในขณะที่คนรุ่นอื่นกำลังวุ่นกับการหางานทำ แต่กลุ่ม Gen Z ในอเมริกาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาไม่พร้อมที่จะทำงานนั่งโต๊ะแบบคนรุ่นอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม เรื่องโชคชะตาก็มีส่วน เพราะถ้าเทียบกับ Gen Y ที่เกิดมาพร้อมกับเงาหลอนในยุคที่เศรษฐกิจถดถอยอย่างหนัก หรือ Great Recession แต่คนในรุ่น Gen Z กลับเกิดมาในยุคที่แม้เศรษฐกิจจะย่ำแย่จากโควิดระบาด แต่ก็มีภาครัฐที่ยังสนับสนุนและช่วยให้ตลาดงานยังคงแข็งแกร่ง และพวกเขายังไม่เคยมีรอยแผลเป็นที่ฝากไว้ในยุคที่ตลาดบ้านล่มสลายเมื่อปี 2008 อีกด้วย เนื่องจากตอนนั้น Gen Z ก็ยังเด็กมาก โดยมีอายุเพียง 11 ถึง 12 ขวบ เท่านั้น นอกจากนี้ การระบาดของโรคโควิด-19 ก็ทำให้คน Gen Z จำนวนมากต้องทิ้งแผนที่จะหางานทำหลังเรียนจบ แต่ก้าวเข้ามาสู่อาชีพทางเลือก เช่นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แทน
ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่า เหตุใดคน Gen Z จึงมีมุมมองการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในแง่มุมเชิงบวกมากกว่าคนเจนอื่นๆ
ผลสำรวจเมื่อปี 2020 โดย Gen Z Planet พบว่า 87% ของ Gen Z อยากมีบ้านของตัวเองในอนาคต ในขณะที่คนยุค Gen Y ที่คิดแบบเดียวกันมีแค่ 63% นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบอีกว่า 68% ของ Gen Z มองการมีบ้านของตัวเองว่าเป็นหนทางสร้างความมั่งคั่ง ส่วน Gen Y ที่คิดแบบนี้มี 60%
ส่วนผลสำรวจโดย RocketMortgage ผู้ให้เช่าซื้อออนไลน์ เมื่อปี 2021 พบว่า Gen Z 86% อยากจะซื้อบ้านสักหลังหนึ่ง และ 45% ของพวกเขา อยากซื้อให้สำเร็จภายใน 5 ปี
Soli Cayetano บอกว่า คนรุ่นเธอได้เรียนรู้มากมายจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2008 สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือ ท้ายสุด มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ก็ดีดกลับมาอีกครั้งและพุ่งทะยานต่อ
ผลสำรวจจาก The National Association of Realtors พบว่า กลุ่ม Gen Y ยังเป็นกลุ่มที่ซื้อบ้านมากถึง 43% ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2021 โดยมีกลุ่ม Gen Z เข้ามาครองตลาดแค่ 2% เนื่องจากอายุของพวกเขายังเด็กเกินกว่าจะมีเงินซื้อบ้าน แต่ตัวเลขการซื้อบ้านของกลุ่ม Gen Z กลับพุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ เพราะผลสำรวจอีกชุด พบว่า จำนวนคนซื้อบ้านตามเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ 50 แห่ง เมื่อปี 2021 เป็นคน Gen Z ประมาณ 10% สูงขึ้นจากปีก่อนหน้า ที่ตัวเลขนี้ยังอยู่แค่ 6%
ข้อได้เปรียบของคน Gen Z คือความเชี่ยวชาญด้านข้อมูล ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารเผยแพร่ในหลายสื่อ Cayetano ฟังข้อมูลอสังหาริมทรัพย์จากพอดแคสต์ อ่านหนังสือ และเข้าร่วมชุมชนออนไลน์ BiggerPockets ที่เน้นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ เธอยังใช้วิธีโพสต์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ลงอินสตาแกรม ซึ่งก็จะมีเพื่อนสมาชิกที่อยู่ในแวดวงเดียวกัน พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนกลเม็ดเคล็ดลับต่างๆ
แต่แน่นอน เธอต้องมีเงินทุนตั้งต้นก่อนจะไปเริ่มลงทุน ซึ่งก็ใช้วิธีหางานนอกทำในสถาบันการศึกษาที่เรียนอยู่ เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ จนเป็นเงินก้อน และเมื่อสะสมได้มากพอ เธอก็เล็งหาอสังหาริมทรัพย์ที่จะลงทุน ซึ่งเธอไม่เลือกอสังหาที่ราคาสูงๆ ในแถบแคลิฟอร์เนียอย่างเด็ดขาด แต่มุ่งหน้าไปยังแถบ ซินซินแนติ ซึ่งถึงแม้เธอจะไม่มีเวลาเดินทางไปเลือกบ้านด้วยตัวเอง แต่ก็ใช้หลายวิธีทางสื่อออนไลน์ผสมกัน เช่น FaceTime การติดต่อกับชาวบ้านในพื้นที่ และสื่อออนไลน์อื่นๆ ที่จะช่วยให้เธอเลือกบ้านที่ถูกต้องโดยไม่ต้องเดินทางลงพื้นที่เอง
ขณะนี้ Cayetano ครอบครองอสังหาริมทรัพย์มากถึง 36 หลัง เป็นการครอบครองแบบบางส่วน หรือเป็นเจ้าของเพียงคนเดียวก็มี ในรัฐโอไฮโอ และจอร์เจีย มีทั้งอาคารอะพาร์ตเมนต์เล็กๆ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว
สำหรับเงินที่ใช้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่เธอและหุ้นส่วนทางธุรกิจใช้วิธีกู้ เธอโพสต์การลงทุนทุกอย่างลงในอินสตาแกรม ซึ่งมียอดผู้ติดตามกว่า 1 แสนคน รวมถึงในเว็บไซต์ Lattes & Leases ซึ่งเธอได้เสนอคอร์สสอนการลงทุนสำหรับผู้ที่สนใจเดินตามรอย
Cayetano บอกว่า มันเป็นอะไรที่แตกต่างกันอย่างมากจากรุ่นพ่อแม่ ที่ทำงานเดียว อาชีพเดียวตลอด 40 ปี แต่คนรุ่นเธอมาแนวอยากทำอะไรก็ทำ แค่ต้องการแสวงหาความแตกต่างให้กับชีวิต ซึ่งตอนนี้ คนที่โดดเข้ามาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ดูเหมือนจะเด็กลงเรื่อยๆ บางคนอายุแค่ 18 ถึง 20 ปี
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การลงทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นที่นิยมมากในสหรัฐฯ ขณะนี้ ก็คือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนอสังหาริมทรัพย์ตรงจุดไหนของประเทศก็ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปดูเอง แม้กระทั่งนักลงทุนรายย่อยก็ใช้เทคโนโลยีนี้ได้
หลายบริษัทอย่างเช่น Mynd and Roofstock ที่ให้บริการครอบคลุมทั้งนักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนรายย่อย ทำให้คนสองกลุ่มลงทุนซื้อบ้านและปล่อยเช่าได้ ทั้งที่ไม่เคยเดินทางมาดูบ้านจริงๆ เลย นักลงทุนในตลาดบ้านราคาแพงที่ซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก หรือซีแอตเติล ก็สามารถลงทุนในย่านที่มีราคาถูกลงมาหน่อย แต่มีประชากรขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น ย่านในทางใต้และตะวันตกของสหรัฐ
ซีอีโอและผู้ก่อตั้งร่วมของ Mynd บอกว่า นักลงทุนวัยหนุ่มสาวเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนที่ลงทุนนอกพื้นที่ของตัวเอง เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สร้างเครื่องมือทางออนไลน์มาช่วยอำนวยความสะดวก
Ryan Lehman วิศวกรซอฟต์แวร์วัย 25 ปี ในซีแอตเติล ซื้อบ้านหลังแรกที่นั่นหลังจากเรียนจบได้ไม่นาน โดยใช้เงินเก็บสะสมจากการฝึกงาน รายได้จากการซื้อขายหุ้นอยู่หลายปี และโบนัสที่ได้จากงาน แล้วเอาเงินเก็บก้อนนั้น จ่ายเป็นเงินดาวน์บ้านขนาด 5 ห้องนอน ซึ่งซื้อมาในราคา 6 แสน 2 หมื่นดอลลาร์ หรือประมาณ 21 ล้านบาท แล้วปล่อยเช่าห้องในบ้าน เพื่อมาผ่อนจ่ายธนาคาร ซึ่งตอนแรกก็หาคนเช่ายากอยู่ แต่พอหาได้แล้ว เขาก็เริ่มมองหาอสังหาริมทรัพย์อีกหลังที่ราคาถูกกว่านี้ แล้วสุดท้ายก็มาเจอที่โอไฮโอ เขาบอกว่า ต้องศึกษาวิจัยด้วยตัวเองมาหนักมาก ยิ่งศึกษาเองมากเท่าไร ความเครียดในการลงทุนก็ยิ่งมีน้อยลง
หรือแม้แต่ใครที่อยากจะเข้ามาลงทุนในแวดวงนี้ แม้ไม่มีเงินก้อนก็ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ มีหลายบริษัทที่รวบรวมเงินทุน อย่างเช่น Fundrise หรือ Crowdstreet ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนเงินน้อยมาร่วมลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มีเงินแค่ 10 ดอลลาร์ หรือ 340 บาท ก็ร่วมลงทุนได้
โฆษกของ Fundrise กล่าวว่า ขณะนี้มี Gen Z เข้ามาร่วมลงทุนในแพลตฟอร์มนี้ กว่า 225,000 คนแล้ว คิดเป็น 13% ของทั้งหมด ซึ่งหลายคนก็มองว่า Gen Z โชคดีกว่าเจนอื่นๆ ตรงที่พวกเขามีคลังความรู้และข้อมูลที่หลากหลาย ช่วยประกอบการตัดสินใจ
แต่ถ้าพูดกันตามความเป็นจริง การจะซื้อบ้านซักหลังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับอีกหลายคนที่อยู่ใน Gen Z เพราะยังมีคนจำนวนมากที่เป็นหนี้การศึกษา ทำให้การซื้อบ้านกลายเป็นความยากลำบาก
ผลสำรวจของ Freddie Mac เมื่อปีที่แล้ว พบว่า Gen Z 34% ไม่คิดว่า พวกเขาจะซื้อบ้านได้ ถือว่า สูงขึ้นจาก 27% ที่คิดแบบนี้เมื่อปี 2019 เพราะพวกเขาไม่มีเงินเก็บมากพอที่จะไปดาวน์บ้าน ไม่มีเครดิต และไม่มีงานที่มั่นคงทำ
อย่างไรก็ตาม ยังมี Gen Z อีกหลายคนที่ไม่ย่อท้อ และพยายามหาโอกาสในการจะเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้ได้ อย่าง Grace Gudenkauf ก็เป็นอีกคนหนึ่ง เธอจบการศึกษาในรัฐไอโอวา เมื่อฤดูใบไม้ผลิ ปี 2020 แล้วก็ได้งานเป็นวิศวกรที่บริษัทอากาศยานแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านของพ่อแม่ที่ไอโอวา และทำงานจากบ้านในช่วงสองสามเดือนแรกที่โควิดระบาด
เมื่องานที่ทำอยู่มีรายได้ดี ทำให้มีเงินเก็บและเธอก็เริ่มศึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในแบบที่ราคาไม่แพงจนเกินไปในย่านที่เธออยู่ พอได้จังหวะ เธอก็เริ่มซื้อบ้านสองหลัง หลังหนึ่งเอาไว้อยู่เอง อีกหลังเอามาซ่อมและปล่อยเช่า ผ่านไป 1 ปี Gudenkauf ตัดสินใจออกจากงานที่ทำอยู่ มาบริหารจัดการการลงทุนอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจัง จนเธอมีอสังหาริมทรัพย์ไว้ในความครอบครอง 20 หลังแล้วในตอนนี้
เธอบอกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะโควิดระบาด กว่าที่จะผันตัวมาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ก็คงปาเข้าไปที่อายุสามสิบกว่า และอาจต้องลงทุนทำงาน 5 ถึง 10 ปี กว่าจะได้ลาออก ส่วนพ่อแม่ของเธอ ก็เป็นนักลงทุนเช่นกัน แต่ใช้กลยุทธ์ที่ต่างออกไป คือ ซื้อไว้ไม่กี่หลัง แล้วพยายามผ่อนให้หมดเร็วที่สุด จากนั้น ก็ได้เวลาเกษียณ ส่วนตัวเธอนั้น ตอนนี้มีเงินสดโฉบมาตรงหน้าเพียบ และก็ได้เวลาเกษียณแล้วตอนนี้เลย คือ ไม่ต้องไปทำงานประจำอีกต่อไป
ที่มา : businessinsider
Content Creator
