พูดถึงชั่วโมงนี้ แอปพลิเคชันที่หลายคนพูดถึงเป็นอย่างมาก คงหนีไม่พ้น Clubhouse แอปพลิเคชันที่ผมมักจะเรียกมันว่าเป็น “Live Radio Chat” หมายความว่าคุณจะสามารถร่วมพูดคุยหรือฟังสิ่งที่เขาพูดคุยได้จากในห้องๆ นั้น โดยไม่สามารถส่งข้อความหรือทำอย่างอื่นได้ ยกเว้นคุณจะยกมือเพื่อให้เขาดึงเป็นคนคุยในวงสนทนาเช่นกันนั่นเอง
แน่นอนว่าหลายคนคงอ่านจากหลายเว็บไซต์มาแล้วว่าผู้ก่อตั้งคือใคร? แต่ถ้าใครยังไม่รู้จัก เราขอเท้าความอีกนิดละกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่ายขึ้นและปูพื้นฐาน Clubhouse นั้นก่อตั้งโดย Alpha Exploration Co. โดยมีผู้ก่อตั้งได้แก่ โรฮาน เซธ (Rohan Seth) และพอล เดวิสัน (Paul Davison)
หลักการการทำงานแบบอธิบายง่ายๆ คือเสมือนเราอยู่ใน Conference ใหญ่ๆ ที่มีหลายห้องให้เราเลือกเข้าไปฟังได้ตามใจในแทบจะทุกประเด็น ตั้งแต่การคุยเรื่องความชอบของแต่ละบุคคล การสนทนาในเรื่องธุรกิจและแวดวงการต่างๆ ตลอดไปจนถึงการเปิดเพลง และคุยเล่นขำขัน และยิ่งไปกว่านั้นคือการที่นักการเมืองใช้ช่องทางในการถามตอบและจัดงานอีกด้วย และแน่นอนคุณสามารถร่วมแลกเปลี่ยนได้เพียงแค่การยกมือขึ้น และเสมือนได้ใกล้ชิดกับพวกเขาด้วย นอกเหนือจากนั้นคือคุณสามารถออกได้อย่างเงียบๆ ด้วยนะครับ
ซึ่งด้วยความที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมและมี Account เป็นของตนเอง (เนื่องจากได้รับเชิญให้ไปใช้จากรุ่นพี่ในทีม ซึ่งแน่นอนว่าการเข้า Clubhouse จำเป็นต้องมีสองสิ่ง คือ โทรศัพท์ที่ใช้ระบบ IOS และมีเพื่อนที่มีโควตาเชิญเราเข้าไปได้) และมีโอกาสเปิดห้องด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นานเราเริ่มได้เห็นการเข้ามาของสื่อหลากหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น พี่ฉอด-สายทิพย์, เคน-นครินทร์, หนุ่ม-โตมร, อั๋น-ภูวนาท, หนุ่ม-กรรชัย, น้าเน็ค, หนุ่ย-พงศ์สุข และอีกหลายท่านที่เข้ามา
สิ่งหนึ่งที่เราได้มีโอกาสเล่นตลอด 5 วันที่ผ่านมานั้น Clubhouse มีความน่าสนใจที่ทำให้คนดังและสื่อหลากหลายเจ้าอยากเข้ามาเล่น ได้แก่ การใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ฟังมากขึ้น และสามารถให้เขาร่วมคุยกับเราได้ นอกจากนั้นคือความ Exclusive ที่คุณสามารถฟังได้แค่ในช่วงเวลาที่เปิดห้องเท่านั้น ปิดห้องเมื่อไหร่ห้องก็จะหายไปในทันที และยังเป็นการรวมชุมชนคนชอบในสิ่งต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนชอบฟังเพลงยุค ’90 คนชอบเทคโนโลยี ตลอดไปจนถึงจัดแคมเปญต่างๆ ที่น่าสนใจและจัด Live Podcast ได้ด้วย (โดยไม่สามารถบันทึกเสียงได้นะ)
นอกจากการเปิดห้องตามความชอบแล้ว Creative Talk ยังเป็นเจ้าแรกที่มีผู้สนับสนุนในการเปิดห้อง Clubhouse อีกด้วยอย่าง Cigna ที่เป็นบริษัทประกันชีวิต ที่จัด Exclusive Session ด้วย หรือการรวมคนสื่อมาเปิดห้อง “คนทำสื่อมอง Clubhouse” ซึ่งได้ข้อสรุปในเชิงการพัฒนาสื่อไปพร้อมๆ กับเทคโนโลยีอย่างแอปพลิเคชันตัวนี้ด้วยเช่นกัน นั่นก็คืออาจจะไม่ตอบสนองในการทำงานได้ แต่ต่อยอดวงสนทนาได้เช่นกัน หรือการจัดกิจกรรมของกลุ่ม CARE ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็มีการถ่ายทอดผ่าน Clubhouse ด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากนั้น ยังมี KOL หลายท่านที่เข้าร่วม Clubhouse และสร้างชุมชนของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น ศาสดา , ReviewHere หรือทีวีไทยเล่นใหญ่ไปไหน เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนก็จะนำคอนเทนต์ของตนเองมาพัฒนาเป็นห้องเพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยกันต่อไป เช่น “คุยทรามยามดึก 18+ by เพจศาสดา” หรือการรีวิวซีรีส์บน Netflix / VIU ก็มีด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งส่องสื่อเองก็มีการตั้งห้อง “ส่องสื่อกัน : ทำไมทีวีไทยไม่ไปไหนสักที?” ซึ่งพูดคุยกันนานถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว
และล่าสุด แบรนด์ก็เริ่มลงมาเล่น Clubhouse แล้วเช่นกัน อย่างเช่น บาร์บีคิวพลาซ่าที่เอาน้องก้อนลงมาเล่นด้วยเช่นกัน ซึ่งเกิดจากการที่คนในห้อง “วิธีการรับมือกับการเป็นคนดัง” แห่เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นพี่ก้อนกันไปตามๆ กัน เมื่อผู้บริหารของบาร์บีคิว พลาซ่าเข้ามา ตามมาด้วย Ad Addict ที่โดนปั่น เมื่อลงบทความเรื่องบาร์บีคิวพลาซ่าใน Clubhouse ทางเพจไปเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมี Movement ทางการเมืองด้วยเช่นกัน เช่นสถานการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็มีการตั้งห้อง Clubhouse รายงานสถานการณ์ ตลอดจนถึงการคุยเรื่องการเมืองและการศึกษาด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีนักการเมืองที่ทยอยลงมาเล่นเช่นกัน เช่น กรณ์ จาติกวณิช และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ทั้งหมดนี้ผมในฐานะผู้ที่เล่น Clubhouse ได้สังเกตและค้นพบว่า Clubhouse อาจไม่ได้มาแทนที่ Social Network ใดๆ ได้ แต่จะเข้ามาเติมเต็มการพูดคุยโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่สถานการณ์โรคระบาดเกิดขึ้น ทำให้ไม่ได้พบเจอผู้คนได้เท่าที่ควร ตลอดจนไปถึงเป็นพื้นที่ที่ทำให้สามารถพูดคุยโดยไม่ต้องเสียเงินไปฟัง Conference ดังๆ ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเราคงต้องจับตาอีกสักพักว่าจะเป็น New Star เหมือนอย่างแอปพลิเคชัน TikTok หรือไม่?
แต่ถ้าใครอยากฟังเรื่องราวของ MODERNIST สามารถเข้าไปฟังได้ทาง @kritthanantoday ได้เลยนะครับ อิอิ
Journalist
