fbpx

55 ปี เบทาโกร ธุรกิจที่เสนอขาย IPO สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ท่ามกลางอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤติที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อการผลผลิตทางอาหารและผลิตผลทางการเกษตร ปรับราคาผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้น เกิดการห่วงโซ่อาหาร ซึ่งจำเป็นอย่างมากต่อความต้องการอาหารบริโภคในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ในการเลือกซื้ออาหารที่มีสุขลักษณะ แล้วต้องมีความปลอดภัย มีคุณภาพ ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน โดยมีบริษัทแห่งหนึ่งที่ตอนนั้นคุ้นเคยกับสโลแกนในสปอตโฆษณา “รักคำโตโต” ที่สื่อถึงความรักที่ถ่ายทอดผ่านมื้ออาหาร อีกทั้งเป็นคู่แข่งรายสำคัญกับเครือเจ้าสัวรายใหญ่แห่งหนึ่ง นั่นคือ “เบทาโกร” หรือ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) วันนี้ทาง The Modernist มาทำความรู้จักเบทาโกร ฐานะเป็นผู้นำด้านเกษตรและอาหารครบวงจรชั้นนำในไทย ว่ามีจุดเริ่มต้นที่กว่าจะเป็นเบทาโกรบนเส้นทางตลอด 55 ปี ในการขยายต่อยอดธุรกิจเกษตรและอาหารอย่างครบวงจร จนสามารถเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมอาหารได้อย่างไร ตลอดจนผลประกอบการ และเป้าหมายที่สำคัญเป็นอย่างไร ผู้อ่านจะได้มาติดตามอ่านกันค่ะ

55 ปี เบทาโกร จากโรงงานอาหารสัตว์ สมุทรปราการ สู่ ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ก่อตั้งในปี 2510 โดยจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจที่โรงงานอาหารสัตว์แห่งแรก จังหวัดสมุทรปราการ จนได้ขยายทำธุรกิจฟาร์มสุกรและเนื้อไก่ เปิดโรงงานผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ ก่อตั้งสวนอุตสาหกรรมอาหารแห่งแรกเพื่อเป็นฐานการผลิตอาหาร และเพิ่มกำลังการผลิตสัตว์ปีก ก่อนจะขยายธุรกิจครบวงจร ตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยง และการพัฒนาสายพันธุ์สัตว์ ซึ่งครอบคลุมทั้งสุกร ไก่เนื้อและไก่ไข่ การผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ ตลอดจนถึงผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อก้าวไปสู่ธุรกิจอาหารครอบคลุมครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพหลากหลายประเภท ผ่านช่องทางการบริการและจัดจำหน่ายแก่ลูกค้าและผู้บริโภคอย่างทั่วถึง เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานตลอดห่วงโซ่การผลิต ถือเป็นรากฐานที่สำคัญในการส่งเสริมให้คนในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เพราะอาหารเป็นปัจจัยสำคัญ และเป็นรากฐานในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตลอดระยะเวลา 55 ปี ที่ทำให้ธุรกิจเบทาโกรเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้

ธุรกิจหลักของบริษัทสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

  1. กลุ่มธุรกิจการเกษตร ผลิตจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์และเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ อุปกรณ์และเครื่องมือฟาร์ม รวมถึงการให้บริการห้องปฏิบัติการ
  2. กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน ผลิตจำหน่ายเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และปลา การแปรรูปเนื้อสัตว์เป็นผลิตภัณฑ์ปรุงสุก ผลิตภัณฑ์กึ่งปรุงสุก ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน ผลิตภัณฑ์พลอยได้ และโปรตีนทางเลือก
  3. กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตร อาหารสัตว์ การเพาะพันธุ์สัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ อุปกรณ์ฟาร์ม และผลิตภัณฑ์อาหาร รวมถึงเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และเนื้อสัตว์แปรรูป อาหารแปรรูป นำไปประกอบธุรกิจในประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา
  4. กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง ผลิตจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง ขนมขบเคี้ยวสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง 

สำหรับผลิตภัณฑ์ของเบทาโกรมีแบรนด์สินค้าเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย สามารถเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม อาทิ  

  • BETAGRO และ S-Pure ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์อนามัย เนื้อสัตว์แปรรูปหลากหลายรูปแบบ ทั้งอาหารแปรรูปประเภทไส้กรอก อาหารพร้อมรับประทาน อาหารพร้อมปรุง และเครื่องปรุงรส
  • ITOHAM ผลิตภัณฑ์แปรรูปประเภทไส้กรอก
  • Betagro, Balance และ MASTER ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์
  • Better Pharma และ Nexgen ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์
  • Perfecta, DOG n joy และ CAT n joy ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง

นอกจากนี้ เบทาโกร ยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร และร้านอาหารที่หลากหลาย อาทิ

  • ร้านค้าส่งผลิตภัณฑ์อาหาร BETAGRO Shop 
  • ร้านค้าปลีกผลิตภัณฑ์อาหาร BETAGRO Deli
  • ร้านอาหาร Hon Aji Ramen
  • ร้านอาหาร Hon Aji Cafe
  • ร้านอาหาร Little Mermaid

เบทาโกร มีช่องทางในการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม ทั้งช่องทางของบริษัทฯ และเครือข่ายพันธมิตรที่ได้ร่วมจัดจำหน่ายไปยังผู้ประกอบการรายใหญ่ ตัวแทนจำหน่าย ธุรกิจค้าปลีกทั้งแบบดั้งเดิมและแบบใหม่ สามารถส่งออกทั้งในและต่างประเทศกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยกลุ่มประเทศสินค้าส่งออกสำคัญในแถบเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และตะวันออกกลาง

มุ่งสู่การเป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน 

สำหรับเป้าหมายของเบทาโกร คือ มุ่งสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารไทย เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการสร้างเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล (World-Class Branded Food Company) ที่มีความแตกต่างและโดดเด่นจากบริษัทจดทะเบียนรายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยมีโมเดลธุรกิจแบบครบวงจรครอบคลุมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มีแบรนด์สินค้าและผลิตภัณฑ์เป็นที่แพร่หลายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและผลิตส่งออกทั้งในและต่างประเทศกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยได้วางแผนเป้าหมายจากการระดมทุน IPO ครั้งนี้คือ ใช้เป็นเงินทุนในเข้าซื้อ หรือ ก่อสร้างฟาร์ม และโรงงานแห่งใหม่ เพื่อขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงโรงงาน ฟาร์ม รวมถึงสถานที่ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ซึ่งประกอบด้วย ลงทุนโรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์ม โรงชำแหละสัตว์  โรงงานแปรรูปอาหาร และเนื้อสัตว์ รวมถึงการผลิตไข่ไก่และโปรตีนทางเลือกในประเทศไทย, ลงทุนในโรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์ม และโรงชำแหละสัตว์ในกัมพูชา  ลาว และเมียนมา, ลงทุนในโรงงานอาหารสัตว์เลี้ยง และขนมขบเคี้ยวสำหรับสัตว์เลี้ยง และ ลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Facilities) เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงการจัดการและดำเนินธุรกิจ และนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในการจัดการและดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการลงทุนในกิจการร่วมค้า ชำระหนี้สินทั้งระยะสั้น และระยะยาวให้กับสถาบันการเงินต่างๆ และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนการดำเนินงานของบริษัทฯและวัตถุประสงค์อื่นๆ

ผลประกอบการจากการเติบโตจากกลุ่มธุรกิจหลักของเบทาโกร

สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี ของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2562 – 2564 ที่ผ่านมาพบว่า พบว่าบริษัทฯ มีรายได้ รายได้ 74,231 ล้านบาท  (กำไร 1,267 ล้านบาท), 80,102 ล้านบาท (กำไร 2,341 ล้านบาท) และ85,424 ล้านบาท (กำไร 839 ล้านบาท) ตามลำดับ โดยมีสาเหตุหลักมาจาก การเติบโตของรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการของทุกกลุ่มธุรกิจ (ยกเว้นกลุ่มธุรกิจอื่น) ได้แก่  1.กลุ่มธุรกิจเกษตร โดยหลักเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายสินค้าตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ 2.กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน โดยหลักเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายผลิตภัณฑ์หมู ไก่ ไข่ไก่ อาหารแปรรูป และเนื้อสัตว์แปรรูป ซึ่งเพิ่มขึ้นตามราคาตลาด ทั้งในประเทศและในตลาดส่งออก รวมถึงการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย 3.กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ โดยหลักเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายอาหารสัตว์ตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์และราคาขายสัตว์ที่มีชีวิต ในประเทศกัมพูชาและประเทศลาว ซึ่งเพิ่มขึ้นตามราคาตลาด 4.กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง โดยหลักเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายและราคาขายอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตและการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่มีราคาขายสูงกว่า ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท ซึ่งเปลี่ยนไปมุ่งเน้นธุรกิจที่มีอัตรากําไรสูง ซึ่งรวมถึงกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยงมากยิ่งขึ้น

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเบทาโกร (BTG)

สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่หลังจากเข้า IPO ใน 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด ร้อยละ 36.2% (700,000,000 หุ้น) TAE HK Investment Limited ร้อยละ 20.7% (400,000,000 หุ้น) และ กลุ่มครอบครัวแต้ไพสิฐพงษ์ ร้อยละ 2.0% (38,230,422 หุ้น)

เสนอขายหุ้น IPO 9,674 ล้านบาท มีมูลค่าเสนอขายสูงสุดทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมวดธุรกิจการเกษตรและอาหาร

BTG มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 9,674 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป 434.8 ล้านหุ้น และการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน 65.2 ล้านหุ้น ช่วงเวลาเสนอราคาจองซื้อในวันที่ 10 – 17 ตุลาคม 2565 โดยเสนอขายราคาหุ้นละ 40 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 17,392 ล้านบาท (ไม่รวมหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 77,392 ล้านบาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ ซึ่งมีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นหุ้นกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารที่มีมูลค่าเสนอขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย จนได้รับเสียงตอบรับจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศกันอย่างล้นหลาม ได้ลงนามในสัญญาลงทุนในหุ้น BTG เพื่อเป็น Cornerstone Investor ร้อยละ 77.1% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายแก่นักลงทุนสถาบัน

BTG ปิดตลาดวันแรก ราคาต่ำกว่าราคาจอง IPO

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG) ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 หลังจากวันแรกของหุ้น BTG ปิดต่ำกว่าราคาจองอยู่ที่ระดับ 36.25 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.38% มูลค่าการซื้อขาย 8,711.08 ล้านบาท เนื่องด้วยปัจจัยภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนที่ทำให้ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารได้รับผลทบจากราคาสัตว์บกที่อ่อนตัวลงอย่างหนัก รวมไปถึงการบริโภคที่ลดลงในสถานการณ์โควิด และผลจากภาวะอุปทานส่วนเกินจากการเลี้ยงสุกรของการระบาด ASF คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าเบทาโกรจะสามารถสร้างโอกาสเติบโตในด้านอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารนำไปต่อยอดธุรกิจอย่างครบวงจรในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารได้อย่างไร ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า