fbpx

Attack on คณะราษฎร เมื่อประวัติศาสตร์ถูกตัด ประชาธิปไตยบิดเบือน

ในยุคนี้ พ.ศ. นี้ เชื่อว่า “Attack on Titan” น่าจะเป็นชื่อการ์ตูนที่หลายคนคุ้นหู ซึ่งนอกจากจะมีเนื้อเรื่องที่สนุกสนาน น่าติดตามแล้ว ยังแฝงประเด็นทางการเมือง ที่ดูจะคุ้นตาคนไทยไปแทบทุกอย่าง  ไม่ว่าจะเป็นกำแพงแบ่งชนชั้นระหว่างประชาชนทั่วไปที่เป็นเกษตรกร กับพ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการ ผู้มีอันจะกิน และชนชั้นปกครองได้แก่ กษัตริย์ ราชวงศ์ และนักบวช ซึ่งประชาชนถูกปลูกฝังความเชื่อที่ว่าพวกเขาคือมนุษยชาติกลุ่มสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ และกำแพงแต่ละชั้นนั้นสร้างขึ้นเพื่อปกป้องพวกเขาจาก “ไททัน” ที่คอยจับมนุษย์กิน 

จนกระทั่งวันหนึ่ง ไททันปรากฏกายบุกทลายกำแพง  ทำให้เหล่าตัวละครหลักได้รู้ความจริงว่า พวกเขาไม่ได้เป็นมนุษยชาติเพียงกลุ่มเดียวที่หลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้ และกำแพงที่สร้างขึ้นก็เพื่อแบ่งแยกพวกเขาออกจากชนชั้นนำที่ตกลงกับโลกภายนอกกำแพง เพียงเพราะไม่ต้องการให้ประชาชนที่มีพลังไททันหลบหนีออกไปนอกกำแพงเท่านั้นเอง ส่วนไททันที่มาทำลายกำแพง และสร้างความวุ่นวายนั้น คือมนุษย์เผ่าพันธุ์เดียวกับเขาที่หลงเหลืออยู่บนโลกภายนอก และได้รับการปลูกฝังว่าบรรพบุรุษของพวกเขาทำผิดและจำเป็นต้องแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่บรรพบุรุษของของเขาสร้างไว้ โดยการรับใช้ศัตรูเพื่อมาจัดการเพื่อร่วมชาติ  

ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง 

เรื่องราวใน Attack on Titan นั้นก็คล้ายคลึงกับกลุ่มบุคคลสำคัญของไทยอย่าง “คณะราษฎร” ผู้ก่อการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนว่าเป็นพวก “ชิงสุกก่อนห่าม” แทนที่จะรอให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง แต่คณะราษฎรกลับชิงลงมือปฏิวัติเสียก่อน และทุกวันนี้ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับคณะราษฎรกลับถูกรื้อถอนทำลาย แม้กระทั่งหลักสูตรการศึกษาก็ลดทอนความทรงจำเกี่ยวกับบุคคลกลุ่มนี้ในแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ให้เหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น  ทั้งๆ ที่คณะราษฎรมีพลังมหาศาลเช่นเดียวกับพลังของไททัน คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง สามารถเปลี่ยนสังคมที่ถูกปกครองโดยสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ประชาธิปไตยของประชาชน และทิ้งมรดกไว้ให้อีกมากมาย เช่น การก่อตั้งกระทรวงสาธารณสุข การรณรงค์เรื่องโภชนาการ อาหารหลัก 5 หมู่ ตลอดจนการออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรง แต่พวกเขากลับถูกทำให้ลืม เพราะพวกเขาได้ทำลายกำแพงแห่งผลประโยชน์ที่หนาและสูงกว่ากำแพงใน Attack on Titan ของชนชั้นนำ และชนชั้นนำพวกนี้กำลังสร้างกำแพงให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง 

โฆษณาชวนเชื่อล้างสมอง 

ใน Attack on Titan มีลูกหลานชาวเอลเดียร์ที่มีพลังของไททันหลงเหลืออยู่ในดินแดนภายนอกของเอลเดียร์ นั่นคือดินแดนมาเลย์ พวกเขาถูกตอกย้ำทางความคิดว่า บรรพบุรุษของพวกเขาได้สร้างความเจ็บปวดให้กับคนนอกกำแพง พวกเขาจึงจำเป็นต้องล้างบาปของบรรพบุรุษ ด้วยการรับใช้คนเผ่าพันธุ์อื่น ไปทำลายเผ่าพันธุ์ของตนเอง เหมือนกับประเทศไทย ที่พยายามทำให้ประชาชนเชื่อในระบบสังคม บุญบารมี หรือความพอเพียง ที่สำคัญยังล้างสมองให้คนรุ่นหลังคณะราษฎรไม่เชื่อในประชาธิปไตยและคณะราษฎร เช่น เปลี่ยนวันชาติ จากเดิมที่เป็นวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันที่ 5 ธันวาคม การทำลายมรดกเชิงประจักษ์ของคณะราษฎร เช่น การทำลายอนุสาวรีย์ปราบกบฏ การรื้อถอนหมุดของคณะราษฎร และทำให้ทหารเชื่อในเรื่องของสถาบันหลักของชาติ มากกว่าเคารพรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับแรกของคณะราษฎร ที่กล่าวว่า “อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎร” และยังทำให้ประชาธิปไตยอ่อนแอโดยการรัฐประหาร สิ่งเหล่านี้คือการล้างสมอง สร้างความทรงจำใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ต่างจากผู้คนในกำแพงในเรื่อง Attack on Titan เลย 

เรามีพลังของไททัน แค่พวกเขาทำให้เราลืม 

ถ้าเปรียบพลังใน Attack on Titan คือพลังมหาศาลที่สามารถทำลายกำแพงได้แล้ว พลังของประชาธิปไตยคือพลังแห่งความหวังและความสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลงสังคมโดยประชาชน และเพื่อประชาชน แต่เรากำลังถูกทำให้ลืมสิ่งนี้ไป เพราะธรรมชาติของเผด็จการมักกลัวความเปลี่ยนแปลง เมื่อพวกเขากลัวจึงจำเป็นต้องทำให้หลงลืม เหมือนใน Attack on Titan ชนชั้นปกครองกลัวพลังของไททันที่แฝงอยู่ในประชาชน จึงทำให้ประชาชนลืมสิ่งเหล่านี้ไป เพราะหากประชาชนรับรู้พลังของตนเอง ก็ย่อมใช้พลังเปลี่ยนแปลงสังคมทั้งในและนอกกำแพงอย่างแน่นอน  

เผด็จการของไทยก็เช่นกัน ที่กล่อมเกลาให้เราลืมความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับประชาธิปไตยสมัยคณะราษฎร ไม่ว่าจะเป็นหลัก 6 ประการ ที่ตั้งขึ้นมาหวังให้ประชาชนอยู่ดีกินดี หรือทำให้สังคมลืมความเท่าเทียมอย่างที่สมัยคณะราษฎรปูทางไว้ให้ ด้วยการยึดอำนาจ ครอบงำสภา ผลิตแนวคิดนักการเมืองโกงขึ้นมาให้ประชาชนเบื่อหน่าย และลืมระบอบประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชนไปเสียสิ้น เพราะหากประชาชนรับรู้และสัมผัสได้ถึงระบอบประชาชน ก็เหมือนกับกลุ่มตัวเอกใน Attack on Titan ที่ปลดแอกตนเองออกมานอกกำแพง ได้สัมผัสสิ่งใหม่ๆ และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่มากมายมหาศาล และยากที่จะกลับไปอยู่ในกำแพงเหมือนเดิม 

กำแพงที่มองไม่เห็น 

ใน Attack on Titan มีกำแพง 3 ชั้นที่แบ่งแยกชนชั้นแต่ละชนชั้นออกจากกัน ในสังคมไทยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ก็มีชนชั้นเช่นเดียวกันกับการสร้างกำแพง แต่แค่เราไม่เห็นเท่านั้นเอง คือ ชนชั้นปกครอง (กษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ ขุนนางชั้นสูง) ชนชั้นกลาง (พ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการระดับกลางถึงล่าง) ชนชั้นใต้ปกครอง (ประชาชน เกษตรกร) ซึ่งเป็นกำแพงที่มองไม่เห็นจริงๆ แต่สัมผัสได้ว่ามีอยู่ตลอดเวลา การขยับเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎรจึงเป็นการทำลายกำแพงแห่งชนชั้น เช่นเดียวกับไททันที่ใช้พลังทำลายกำแพง ทำให้ประชาชนตื่นรู้และรับรู้ถึงโลกภายนอก และกลุ่มตัวละครหลักก็ได้พบว่าโลกนอกกำแพงนั้นมีทะเล และมีประเทศอื่นๆ อีกมากมาย 

กำแพงอีกชั้นหนึ่งที่คณะราษฎรทำลายลง คือกำแพงแห่งผลประโยชน์ของชนชั้นปกครองเดิม จากอดีตที่ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จะเป็นเจ้านาย เชื้อพระวงศ์และขุนนาง ที่เป็นคนกลุ่มน้อยในประเทศ แต่คณะราษฎรสามารถทำลายกำแพงนี้ได้หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง จัดระบบเก็บภาษีแบบใหม่ และจัดสรรที่ทำกินให้ราษฎร นี่คือการทำลายที่สร้างสรรค์ครั้งใหญ่ เหมือนใน Attack on Titan ที่ทีแรกเรามองว่ากำแพงปกป้องเรา แต่ความเป็นจริงกำแพงนั้นคอยกักขังเราที่มีพลังอันน่าอัศจรรย์แฝงอยู่ เพราะไม่อยากเสียผลประโยชน์  

นี่คือเรื่องราวของ Attack on คณะราษฎร เป็นสิ่งที่เห็นสิ่งที่ปรากฏจริง ยิ่งกว่า Attack on Titan ถึงแม้จะไม่รุนแรงเท่าเหตุนองเลือดไล่ฆ่ากันระหว่างชาวเอลเดียร์และมาเลย์ แต่ก็เป็นการสะท้อนภาพปัญหาเชิงโครงสร้างผ่านการ์ตูน และเนื้อหาของการ์ตูนเรื่องนี้ยังมีความเป็นสากล ที่สามารถครอบคลุมประวัติศาสตร์และสังคมของแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทยได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่สำคัญยังทำให้เห็นว่าเครื่องมือที่สำคัญในการปกครอง คือความคิดและประวัติศาตร์ หากถูกบิดเบือนและทำให้ลืม เราก็จะติดอยู่ในกำแพง แต่หากมีกลุ่มคนหรือบุคคลที่กล้าหาญอย่างเอเรน เยเกอร์ ที่มักพูดว่า “ฉันต้องการเห็นและเข้าใจโลกภายนอก ฉันไม่อยากตายในกำแพงโดยไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างนอก” เช่นเดียวกับคำประกาศคณะราษฎรว่า “ราษฎรทั้งหลายพึงรู้ไว้เถิดว่า ประเทศนี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง”  นี่คือประโยคที่มีความหมายต่างกัน แต่สะท้อนความเป็นจริง และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่ากัน เพื่อประโยชน์ของคนส่วนรวม  

“หากไม่สู้ก็ไม่ชนะ หากไม่คิดเปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยน แค่เรากล้ากำแพงก็ล้มแล้ว” นี่คือหัวใจหลักของ Attack on Titan และ Attack on คณะราษฎรที่มีจิตวิญญาณร่วมกันยากที่ใครจะมาเปลี่ยนแปลง 

#การเมือง #ประชาธิปไตย #2475 #ประวัติศาสตร์ #เปลี่ยนแปลงการปกครอง  #AOT #อนิเมะ #มังงะ #TheModernist 

แหล่งอ้างอิง : thematter 1 2 / democracyxinnovation / citycracker

  • นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ .โลกใหม่มาแล้ว เราไม่ยอมอีกต่อไป .BOOKSCAPE 
  • นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ .ความคิดความรู้และอำนาจการเมืองในการปฏิวัติสยาม .ฟ้าเดียวกัน 
  • ณัฐพล ใจจริง .ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (2475-2500) .ฟ้าเดียวกัน 

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า