fbpx

การเมืองยุคใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว ประชาธิปไตยอยู่บนโลก ถ้าอยากได้ไปหาให้เจอ

        การเมืองไทยมาสู่วันที่ได้นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน คนไทยกำลังจะเป็นเศรษฐีหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มันคือการเริ่มยุคสมัยใหม่ทางการเมืองไทยอย่างไม่ต้องสงสัย 

        เพราะ 1.เป็นจุดเริ่มต้นของการสลายขั้วชั่วคราวระหว่างคู่ขัดแย้งเก่าคือ นายทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย และคู่แค้นเก่าอย่างกลุ่มพันธมิตร กลุ่มอนุรักษ์นิยม และกลุ่ม กปปส. 2. อยู่ในยุคที่ฝ่ายอำมาตย์อนุรักษ์นิยมยอมเก็บดาบที่ลับไว้คอยเชือดทักษิณ หันมาจับมือกับทักษิณ เพื่อไล่ฟันพรรคก้าวไกล เพราะต้องการหยุดความเปลี่ยนแปลงที่กำลังมาถึง หยุดยุคแห่งอุดมการณ์ของคนรุ่นใหม่เรื่องประชาธิปไตยและรัฐสวัสดิการที่คนเท่าเทียมกัน นี่จึงเป็นยุคที่ยุติความขัดแย้งเหลืองแดง แต่กำลังดำเนินไปสู่ยุคการต่อสู้ระหว่างอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมแช่แข็งประเทศ และอุดมการณ์ประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะอุบัติขึ้นนับแต่นี้เป็นต้นไป

         บริหารเจอตอเตรียมรอเป็นรัฐบาลหน้าเขียว

        แต่ใช่ว่ารัฐบาลเพื่อไทยกำลังเผชิญยุคสมัยใหม่ที่ต้องต่อสู้เรื่องอุดมการณ์แค่สิ่งเดียว แต่ต้องพบกับการเผชิญหน้ากับการต่อรองจากพรรคร่วมรัฐบาล

         เห็นได้จากการจัดเก้าอี้ตำแหน่งคณะรัฐมนตรี ณ ขณะนี้เป็นไปได้ว่าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ตนเองตั้งเป้าและเคยสัญญาไว้กับประชาชนได้ทั้งหมด เพราะต้องเสียเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพลังงานให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ นโยบายของพรรคเพื่อไทยในเรื่องของพลังงานก็อาจจะเดินหน้าไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือจะเป็นนโยบายด้านเกษตร ยังต้องยอมยกตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมไปถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับพรรคร่วมอย่างพรรคพลังประชารัฐ แม้กระทั่ง มท.1 กระทรวงมหาดไทย ยังต้องเสียให้กับพรรคภูมิใจไทย โดยมีเสี่ยหนู นายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งเก้าอี้ราชสีห์ รวมไปถึงรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยก็ยังเป็นโควตาของพรรคภูมิใจไทย เรียกได้ว่าเรียบร้อยโรงเรียนหนู โรงเรียนป้อม โรงเรียนตู่ โดนฟาดเรียบกระทรวงเกรด A ด้านการบริหารและเศรษฐกิจไปเกือบทั้งหมด ทิ้งกระทรวงการคลังน้อยๆ ไว้ให้นายกรัฐมนตรีเศรษฐา นั่งเฝ้ากระเป๋าเงิน ขู่ฮึ่มๆ ว่าอยากได้เงินลื้อต้องคุยกับอั๊วก่อน

         ข้ามไปที่กระทรวงความมั่นคงอย่างกระทรวงกลาโหม เก้าอี้คชสีห์ได้ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีพลเรือนของพรรคเพื่อไทยมานั่งเต๊ะท่าแก้เขินให้ดูคุมเชิงได้ แต่ที่จริงแล้วเสมือนเป็นเพียงหุ่นเชิดก็ไม่ปาน เพราะนโยบายที่เคยพูดไว้ก่อนเลือกตั้งด้านยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ปัจจุบันเหลือเพียงการเจรจาพูดคุยกับกองทัพหาทางออกร่วมกันเท่านั้น

         เห็นหน้า ครม.ชุดนี้แล้วก็ต้องร้องว่างามไส้ เพราะมีแต่หน้าเก่าๆ สมัยรัฐบาลประยุทธ์ทั้งนั้นเลย แล้วไหนบอก “ปิดสวิตช์ สว. ปิดสวิตซ์ 3 ป.” แหม่ๆ รัฐมนตรีหน้าเดิมเต็มรัฐบาลเพื่อไทยเลยนะครับพี่น้อง อ้อลืมไปแค่ 3 ป. ไม่อยู่ก็พอแล้ว เครือข่ายองคาพยพจะอยู่ไม่สน เพราะจะก้าวข้ามความขัดแย้งในการเมืองไทยสถานการณ์พิเศษ

         เอาเป็นว่าปกติเขาจะตั้งฉายารัฐบาลทุกสิ้นปี แต่ The Modernist เห็นแล้วขอตั้งฉายาให้ไว้ก่อนล่วงหน้าเลยก็แล้วกันว่า “รัฐบาลหน้าเขียว” เพราะจะโดดนบีบจนหน้าเขียวจากพรรคร่วมรัฐบาลตลอดเวลายังไงล่ะ 

        ดูจากการดึงพรรคร่วมเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อไทยมีเพียง 141 เสียง หากเจอศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผ่านญัตติเรื่องต่างๆ รวมไปถึงการผ่านงบประมาณอาจจะมีเสียงขู่เหมือนงูดังฟ่อๆ จากพรรคร่วมของตนเอง ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง ,พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง, พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง, พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง, พรรคประชาชาติ 9 เสียง, พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง, พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง, พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง, พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง, พรรคท้องที่ไทย 1 เสียง หากเพื่อไทยทำอะไรไม่ถูกใจหรือเหยียบตาปลาพรรคร่วมเข้าหน่อย เจอคว่ำกลางสภาล่างทีเดียว นายกรัฐมนตรีเศรษฐาเดินเข้าทำเนียบอีกไม่ได้ทันที เพราะเอาเข้าจริงเจอพรรคขั้วรัฐบาลเดิมรวมตัวกันก่อหวอดก็มีเสียงเกินพรรคเพื่อไทยคือมี 157 เสียงต่อ 141 เสียงแล้ว ไหนจะเจอฝ่ายค้านอย่างก้าวไกลตรวจสอบอย่างเข้มข้นอีก 151 เสียง ยังไม่รวมจังหวะทางการเมืองนับองค์ประชุมแล้วฝ่ายรัฐบาลเกิดหายเข้าห้อง ขาดลาประชุม ติดภารกิจ ทำให้ฝ่ายค้านมีมากกว่าฝ่ายรัฐบาล ต้องปิดการประชุมหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ อายประชาชนที่ร่วมฟังการประชุมรัฐสภา

         มองการบริหารของรัฐบาลเศรษฐาแล้วมีทั้งศึกใน (รัฐบาล) ศึกนอกเต็มไปหมดจะไม่หนักอกหนักใจได้อย่างไร รัฐบาลหน้าเขียวต้องเข้าแล้วจังหวะนี้

         รัฐบาลประชาธิปไตยถดถอย

        ยังไม่นับเรื่องความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อพรรคเพื่อไทยด้านประชาธิปไตย เพราะดันกระโดดดข้ามขั้วไปจับมือกับพรรค 2 ลุงและพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจนประชาชนด่ากันระงมทั่วทั้งนครา บางคนเคยบอกให้ปาขี้เหม็นๆ ใส่หน้า เพราะพูดว่าหากพรรคเพื่อไทยจับมือกับ 2 ลุงจัดตั้งรัฐบาลจริงยอมพลีกายให้ขี้เลอะตัว ยังไม่นับบางคนที่บอกจะไปอยู่เกาะแต่เขาเคาะกันดังเสนาะเมื่อไหร่เจ๊จะไปอยู่เกาะเสียที ยังออกมาเสียดสีพรรคประชาธิปไตยว่าเป็นพรรคไม่ดีหน้าตาเฉย หรือจะเป็นคนชอบแต่งกลอนเดินหน้าสลอนอยู่ในสภา ประกาศลั่นเป็นนักเป็นหนาว่าหากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรค 2 ลุง จะยอมออกมาเป็นฝ่ายค้าน แต่กำลังได้ดิบได้ดี หยิบชิ้นปลามันกินฟรีนั่งเป็นประธานวิปรัฐบาล เขาว่าประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ แหมด่ากันก่อนเลือกตั้งซะเมามันหลังๆ จูบปากกันหวานเจี๊ยบตั้งรัฐบาลได้หน้าตาเฉย ไม่สนแล้วอุดมการณ์ประชาธิปไตย ขอให้ข้าได้เป็นรัฐบาลก็เป็นพอ นี่จึงเป็นภาพรัฐบาลที่ตกต่ำแม้กระทั่งอุดมการณ์ก็ยังไม่มี แก่นสารประชาธิปไตยจึงถดถอยสุดๆ ในรัฐบาลแบบนี้แต่เชื่อเถอะว่าประชาธิปไตยในภาคประชาชนเข้มข้นกว่ารัฐบาลหน้าด้านหน้าทนแน่นอน

        เผลอๆ อาจได้เป็นสมัยเดียวจึงต้องรีบเลี้ยวไปขุดนโยบายประชานิยมเข้ามาสู้หวังกู้กระแส ที่แน่ๆ จะทำได้หรือเปล่าเพราะพรรคร่วมเต็มไปหมด เผลอๆ ต้องยอมสยบหารนโยบายเหลือคนละครึ่งทางทั้งหมด จะได้ไม่ไปเตะตาปลาผู้มีอำนาจที่คอยเป็นค้ำเป็นถ่อรักษาอำนาจไว้ให้ นโยบายที่ประกาศไว้คงจะไม่ได้ทำทั้งหมดเพราะเป็นรัฐบาลผสม เตรียมรอเงินดูดิจิทัล 10,000 บาท คนเศรษฐกิจออกมาบ่นกันระงมดีดลูกคิดรางแก้วแล้วได้แต่คิดหนัก จะควักเงินจากไหนมาแจกจ่ายได้เต็มธานี ยังไม่นับงบประมาณที่พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมจัดทำ ฟังแล้วขำเผลอๆ บอกว่าทำไม่ได้ เตรียมเขียนสคริปต์รอเพราะเป็นรัฐบาลในภาวะวิกฤติ เจอทั้งเศรษฐกิจโลกเศรษฐกิจไทยเตรียมโยนขี้ให้รัฐบาลลุงตู่ว่าเคยทำเศรษฐกิจพังไว้ รัฐบาลเพื่อไทยเป็นฮีโร่แก้วิกฤติ ถ้าเป็นไปตามนี้เที่ยวหน้าเตรียมลาโรงละคร เจอพรรคที่มีอุดมการณ์จะเข้ามาสร้างสวัสดิการเปลี่ยนโครงสร้างประเทศได้เลย เพราะหากคุณทำประชานิยมให้กินไม่ได้อุดมการณ์กินได้จะทำลายพวกคุณ

        สรุปแล้วการเมืองไทยอยู่ในภาวะผันผวน เบื้องบนต่อรองอำนาจยังไม่เสร็จฟัดกันไม่เลิกเลยเถิดต่อรองกันยาวๆ ถึงมีรัฐบาลแล้วก็ตามที เร็วๆ นี้ระวังภัยจากพรรคร่วมของตัวเอง เสมือนท้องฟ้าที่มีพายุใหญ่ ผันผวนไปมาจากการต่รองอำนาจของท่านๆ ข้างบน ทั้งอำมาตย์ นายทุน นักการเมืองไม่ฟังเสียงมวลชน เตรียมร่วงหล่นลงมา ปวงประชาเหม็นหน้าได้เลย

        สุภาษิตว่า ผู้ปกครองเหมือนเรือประชาชนเหมือนน้ำ เรือลอยเพราะน้ำก็จมเพราะน้ำได้ เบื้องบนปั่นป่วนเหมือนพายุ ประชาชนที่เหมือนน้ำเริ่มตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของเรือเพราะมีแต่ผลประโยชน์เห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง ยามใดที่น้ำอดทนไม่ได้เมื่อไหร่จะกลายเป็นคลื่นใหญ่ซัดเรือให้เรือจม เพราะเรือมันกลวงไร้ความชอบธรรมไปเสียหมดแล้วนั่นเอง

        เหมือนที่โจรสลัดโรเจอร์ในการ์ตูน One Piece ได้กล่าวประโยคอมตะไว้ว่า “สมบัติของฉันน่ะเหรอ ถ้าอยากได้ก็เอาไปสิ ไปหาเอาเลย ฉันเอาทุกอย่างบนโลกไปไว้ที่นั่นหมดแล้ว” ส่วนประชาธิปไตยของไทย ถ้าอยากได้ให้เอาไปสิให้ไปหาเอาเลย เพราะทุกๆ อย่างอยู่บนโลกแล้วรอประชาชนไปค้นหาให้เจอนั่นเอง การเมืองยุคใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว พร้อมแล้วออกไปผจญภัยกันเลย

แหล่งอ้างอิง : thematter / bbc / pptvhd36 / matichon

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า