fbpx

30 นาทีว่าด้วยตัวตนในการเป็นนักแสดงแบบ 100% ของแต้ว ณฐพร

มีอะไรให้อ่านบ้างในบทความนี้?

บทความเผยแพร่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564

เราคุยกับแต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ ใต้อาคารมาลีนนท์ ในวันที่เกมล่าทรชน ละครบู๊แอ๊คชั่นที่เธอทุ่มสุดตัวกำลังออกอากาศอยู่ทางช่อง 3 ในตอนนี้ ซึ่งกำลังเข้มข้นมากๆ และได้รับเสียงตอบรับที่ดีใช่เล่นทั้งแง่ตัวเลขเรตติ้ง และยอดผู้ชมย้อนหลังทั้งแพลตฟอร์มเจ้าถิ่นอย่าง CH3Plus และ Netflix ที่ทำยอดติดอันดับ Top 10 แทบทุกตอนที่ออกฉาย

ไม่ต้องพูดให้มากความ-เธอคือนักแสดงแถวหน้าที่ทุกคนต่างให้การยอมรับในฝีไม้ลายมือที่เธอแสดงออกมาในบทบาทต่างๆ ละครที่มีเธอเป็นหนึ่งในนักแสดงนำหลายๆ เรื่องสร้างปรากฎการณ์และกลายเป็นที่พูดถึงชั่วข้ามคืน

การที่เธอยืนอย่างสง่างามอยู่ในวงการบันเทิง และยืนระยะได้นานขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องผ่านการทุ่มเท ฝึกฝน และตั้งใจอย่างยิ่งยวด รวมถึงการรับมือกับความกดดัน การถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ถาโถมตลอดเวลาที่บุคคลสาธารณะหลีกเหลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องราวใหม่ของนักแสดงที่ประสบความสำเร็จในสายวิชาชีพ แต่ตลอดครึ่งชั่วโมงที่เราคุยกับเธอซึ่งถึงแม้ว่ามันอาจสั้นไปหน่อย

เชื่อเราเถอะ เรากล้าพูดได้เต็มปากว่านักแสดงสาวที่นั่งอยู่ข้างหน้าเราตอนนี้ เธอเกิดมาเพื่อเป็น “นักแสดง” จริงๆ

ทบทวนให้เราฟังหน่อยว่าคุณเข้าสู่เส้นทางสายบันเทิงได้อย่างไร

เข้าวงการด้วยการเป็นเด็กโฆษณาก่อน ซึ่งโฆษณาจะผ่านการแคสเยอะมาก และก็ไม่ได้เป็นตัวหลักพอหลังจากได้เป็นตัวหลักปุ๊บ ช่องโทรทัศน์เห็น ก็เลยให้เข้ามาแคสเป็นนักแสดงช่องค่ะ

มีความฝันมาก่อนมั้ยว่าอยากจะเป็นนักแสดง

ไม่ค่ะ ตอนแรกก็คิดแค่ว่าเข้ามหาวิทยาลัยและก็ทำงานทั่วไป ความฝันก็คือ คุณแม่เป็นสถาปนิก ก็เลยอยากเป็นสถาปนิกด้วย ไม่มีความอยากจะเป็นนักแสดง แต่ว่าตั้งแต่เด็กๆ คุณแม่ก็จะมีความว่า พอได้โอกาสอะไรมา ก็จะพยายามผลักดันให้เราทำไม่ว่าจะงานในโรงเรียน เป็นตัวแทนต่างๆ แม่ก็จะบอกว่า “ลองทำสิ ไม่ใช่ทุกคนจะได้โอกาสนะ” “อย่าไปดูถูกตัวเองว่าทำไม่ได้” อะไรแบบนี้ค่ะ แม่พยายามที่จะสอนการไม่ปิดโอกาสให้กับเรา เราก็เลยมีโอกาสได้ลองทำเพราะแม่สนับสนุน

เป็นนักแสดงช่วงแรกๆ รู้สึกยังไง

ก็ตื่นเต้น เพราะเราเป็นคนไม่ได้กล้าแสดงออกขนาดนั้น และก็ไม่ได้จินตนาการตัวเองเป็นนักแสดงด้วย แต่ว่าพอมาเป็นนักแสดง เราก็รู้สึกว่ามันเป็นอีกหน้าที่รับผิดชอบหนึ่ง ก็ไม่ได้รู้สึกว่า เอ้ย เป็นดารา เพราะว่าตอนนั้นเราก็คือเหมือนเป็นเด็กฝึกหัดคนหนึ่งที่จะต้องเข้ามาเรียนรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในการถ่ายละคร

ตอนที่ได้มาเล่นละครแรกๆ จำความรู้สึกตอนที่เข้าฉากครั้งแรกว่ารู้สึกอย่างไร

จำได้ค่ะ ตอนเล่นละครเรื่องแรก (น่ารัก-2549) เล่นเป็นเด็กในคอนแวนต์และมีหลายๆ คน ซึ่งบรรยากาศมันก็ไม่ได้กดดันเท่าไหร่ เพราะว่าทุกคนก็คือใหม่กันหมด เลยค่อนข้างสนุกสนาน แต่จำได้ว่าซีนที่เราถ่ายแรกๆ ในเรื่องคือเราจะต้องเป็นเด็กกำพร้า และเราก็ยังไม่ได้เจอแก๊งเด็กผู้หญิง ก็เจอนักแสดงผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่เป็นครูที่สอนเด็กกำพร้า แล้วก็จำได้ว่าเรามีความรู้สึกแบบ เอ้ย ไม่รู้จะมือเอาไม้ไว้ตรงไหน ถูกหรือเปล่า พูดง่ายๆ ก็คือยังไม่มีความเป็นตัวละคร มันยังเป็นเราที่รู้สึกว่าเราทำถูกมั้ย แต่ว่าเราก็ทำการบ้านไปอย่างดี จำบท จำอะไรต่างๆ ได้ ณ ตอนนั้นพูดไม่ผิด ก็คือว่าเป็นความสำเร็จของเราเล็กๆ ค่ะ

แต่ตอนนั้นก็ยังต่อสู้กับตนเองอยู่นะ ตั้งแต่เล่นละครเรื่องแรกว่าแบบเราชอบมันจริงๆ มั้ย เพราะว่าความที่ไม่ได้เป็นคนกล้าแสดงออก เราก็จะแบบต่อสู้กับตัวเองในการลุกไปทำงานแต่ละวัน จนพอได้เรียนการแสดงเราถึงรู้สึกว่า เฮ้ย เราเจอจุดที่เราจะรู้สึกสนุกไปกับมันในขณะที่เราได้ทำ ได้ลองอะไรใหม่ๆ ได้ท้าทายตัวเอง ซึ่งตอนนั้นก็เป็นละครน่าจะเรื่องที่ 3-4 และ ที่ได้ถ่ายทำ ทำให้การทำงานในแต่ละวันมันสนุกขึ้น

มีละครเรื่องไหนที่คุณชอบมากที่สุดในฐานะนักแสดง

จริงๆ ก็รักทุกตัวละครนะ แต่ว่าถ้าชอบมากๆ ก็คงเป็นแบบช่วงที่เราถ่ายทำรากนครา หรือว่าคุณชายรัชชานนท์ ที่มันเหมือนกับเป็นตัวละครในอีกยุคนึง ในอีกวัฒนธรรมนึง มันมีเสน่ห์ดี

การทำการบ้านกับบทละครที่คุณได้รับมีความยาก-ง่าย ยังไงบ้าง

เราก็ไม่รู้หรอกว่าที่เราทำมันถูกรึเปล่า แต่ว่าแต่ละคนก็มีวิธีที่ไม่เหมือนกัน เราพยายามจะจินตนาการ พยายามคิดว่าคนๆ นี้ เขาโตมาอย่างไรให้มากที่สุด ให้ละเอียดที่สุด ให้เราเห็นภาพมากที่สุด เพื่อที่เราจะได้เข้าใจความเป็นเขา มีเพื่อนยังไง ใช้ชีวิตแต่ละวันยังไง อะไรแบบนี้ค่ะ พยายามอยู่กับตรงนั้นเยอะๆ เพื่อที่เราจะได้สร้างความเชื่อนั้นขึ้นมา

แสดงว่าการอ่านบทละครไม่ได้อ่านแค่บทของตัวเองคนเดียว แต่ต้องอ่านโครงสร้างของตัวละครด้วย

ถ้าเรื่องไหนมาจากนิยายเป็นหนังสือ แต้วก็จะพยายามไปหาข้อมูลกับตัวละครนั้นให้มากที่สุด โดยจะสะท้อนจากการกระทำของเขาว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เขาอาจจะมีความเชื่อหรือว่าเคยมีประสบการณ์ตอนเด็กๆ แบบนี้รึเปล่า เขาถึงตัดสินใจทำแบบนี้ อะไรแบบนี้ก็จะคิดกลับไปกลับมาจากตัววรรณกรรม หรือบทละครค่ะ

จากคำพูดของคนทั่วไปที่ว่า “การเป็นนักแสดงมันง่ายจังเลย” คุณคิดยังไงกับคำพูดพวกนี้

แต้วว่ามันน่าจะไม่ได้อยู่ในยุคที่คนมองว่านักแสดงง่ายแล้วนะ เพราะว่ามันก็เปิดกว้าง เห็นผลงานของต่างประเทศอะไรแบบนี้ คือเราก็อยู่ในโลกใบเดียวกัน เพราะฉะนั้นแต้วคิดว่านักแสดงก็คืออาชีพหนึ่งที่ต้องผ่านการเตรียมตัวต่างๆ เหมือนกับอาชีพอื่น เพราะฉะนั้น ถ้าคนที่มองว่ามันง่าย ไม่ว่าจะอาชีพอะไร ไม่ว่าจะการมองอาชีพคนอื่น หรือว่ามองอาชีพนั้นของตนเองอยู่ มันก็เหมือนกับดูถูกตัวเอง ในทุกๆ อาชีพ

บางคนอาจจะมองว่าการเป็นนักแสดง เป็นนางแบบ ต้องรูปร่างผอม หน้าจะต้องดี สวย คุณคิดว่ามันยังเป็นอย่างนั้นอยู่มั้ย

มันก็มีคนที่มองแบบนี้อยู่ แต่แต้วว่าอยากให้มองข้าม เพราะว่าการที่จะเป็นนักแสดงมันคือการที่เรามีจิตวิญญาณของคนนั้น (ตัวละคร-บรรณาธิการ) รึเปล่า คนทุกคนเป็นนักแสดงได้หมด แต่มันอยู่ที่ว่าเราใส่ความจริงใจเข้าไปในงานแค่ไหน ซึ่งมันสะท้อนชัดมากในนักแสดง เพราะคนสามารถวัดได้เลยว่าคุณเป็นตัวละครนั้น หรือเชื่อในตัวละครจริงๆ รึเปล่า ผ่านความจริงใจ ซึ่งมันก็เอาไปประยุกต์ใช้กับงานอื่นได้หมดทุกอย่าง คือถ้าคุณซื่อตรง ซื่อสัตย์กับสิ่งที่คุณทำ มันก็จะออกมาเป็นผลงานที่คนเชื่อได้

คุณได้ทบทวนตัวเองจากงานแสดงที่ผ่านมาแต่ละเรื่องบ้างมั้ย

เราก็จะนึกย้อนไปถึงตอนที่เราทำงาน มันก็อดไม่ได้ที่จะดูว่าเราพลาด ตกหล่นอะไรตรงไหนบ้าง ซึ่งมันก็ไม่ถึงกับจดจ่อหรือจับผิดขนาดนั้น แต่ว่ามันก็เก็บไว้ในใจว่า อ๋อ เรายังมีจุดตรงนี้นะ ในวันข้างหน้าถ้าเรามีโอกาส เราจะไม่ปล่อยผ่านมัน อะไรแบบนี้ค่ะ เพื่อทำให้งานต่อไปใกล้เคียงความสมบูรณ์ที่สุด

การผ่านงานละครหลายๆ เรื่องทำให้คุณเรียนรู้อะไรจากการทำงานบ้าง

เรียนรู้เยอะค่ะ ก่อนหน้านี้เราจะเป็นคนเคร่งเครียดกับงานมาก แต่เรารู้สึกว่าสุดท้ายแล้วก็คือความพอดี คือเราต้องบาลานซ์ทั้งเรื่องการทำงานและชีวิตด้วย มันก็ค่อยๆ ไป กราฟมันไม่ได้พุ่งสูงแต่แรก แต่แต้วรู้สึกว่าอยู่ในจุดที่เราแฮปปี้ด้วย ทำงานไปพร้อมๆ กับความสุข มีความสุขจากการทำงานด้วย มันคือการหาจุดบาลานซ์ค่ะ

การมีโซเชียลมีเดียทำให้คุณได้ใกล้ชิดกับแฟนคลับมากขึ้น แต่ก็มีเรื่องของ Hate speech หรือคำคอมเมนต์เชิงลบตามมาด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณรับมือกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง

สำหรับแต้วมันบั่นทอนน้อยมาก เพราะว่าเราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้ต้องการที่จะเป็นที่รักของใคร เราก็มีเป้าหมายของเรา มีจุดยืนของเรา และก็ไม่ได้อยากจะโยนก้อนหินกลับไปให้คนที่เขาสาด Hate Speech ใส่ ก็คือไม่เป็นไร เดี๋ยวดินมันก็กลบไป ต้นไม้มันก็ตายไป เดี๋ยวมันก็แตกไปเป็นเมล็ด เดี๋ยวมันก็โตขึ้นมาใหม่อยู่ดี ถ้ามันอยู่ในดินที่สมบูรณ์จริงๆ เรารู้สึกว่าดินตรงนั้นมันมีคุณค่าของมันอยู่ ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะต้องไปแบบเปลี่ยนเพื่ออะไร

แฟนคลับมีส่วนช่วยเยียวยาจิตใจหรือช่วยทำให้คุณพัฒนาฝีมือทางการแสดงมากน้อยแค่ไหน

มีมากค่ะ เหมือนเป็นเสียงที่คอยสนับสนุนเรา ว่าเราคิดถูกนะ เราไม่ได้คิดเองเออเองอยู่คนเดียว มีเสียงสะท้อนที่น่าฟัง เสียงนกร้อง เสียงอะไรบ้าง ที่ทำให้เรารู้สึกว่าโอเค เราอยู่ในจุดที่เป็นทางที่ดี

ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา คุณดูแลตัวเองอย่างไร

ก็คงดูแลเหมือนคนอื่นแหละ พยายามรักษาความสะอาดให้มากขึ้น การทานอาหาร ออกกำลังกาย ก็คือมันมีเวลาเยอะมากไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยพยายามพัฒนาทักษะตัวเอง เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ พยายามดูว่าถ้าเวลามันเป็นของเราจริงๆ โดยที่เราไม่ได้ถูกแบ่งไปในเรื่องของการทำงาน เพราะทุกคนอยู่บ้านมันก็เหมือนได้มองตัวเองจากมุมนึงว่าเราเริ่มดูแลตัวเองเถอะ

จากโพสต์ในอินสตาแกรมของคุณ ทำให้เราเห็นว่าคุณชอบออกกำลังกายมาก นอกจากร่างกายที่แข็งแรงแล้ว มันมีประโยชน์ยังไงอีกบ้าง

จิตใจค่ะ แต้วว่ามันรีเฟล็กซ์จิตใจชัดมาก เพราะว่าเวลาเราออกกำลังกายมันทำให้เราต้องอยู่กับตรงนั้นจริงๆ เพราะว่ามันอยู่กับน้ำหนัก การที่เราต้องโฟกัสว่าเราจะใช้กล้ามเนื้ออะไรทำให้เราแอ็กชันท่านั้นท่านี้ได้ มันเลยทำให้เราแทนที่จะฟุ้งซ่านว่าเมื่อไหร่ โควิด-19 จะหาย หรือหลายๆ อย่างที่มันประเดประดังเข้ามา มันทำให้เรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน การออกกำลังกายช่วงเรื่องจิตใจมากค่ะ

พูดถึงเกมล่าทรชน ทำไมถึงตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ที่มีบู๊-แอ็คชั่นเยอะมาก

ด้วยความเป็นนักแสดง มันควรจะได้รับอะไรที่หลากหลาย เพื่อ Passion ที่จะลุกขึ้นมาทำงานทุกวัน ก็เลยคิดว่าถึงจะเหนื่อย แต่ว่ามันก็ไปได้อีก ผลงานมันก็อยู่ที่ความใส่ใจ ความเตรียมตัวของเรา เราทำมันมากแค่ไหน ผลงานมันก็ออกมาเป็นแบบนั้น

ความรู้สึกตอนอ่านบทครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง

มันตีกันค่ะ ในช่วงแรกๆ รู้สึกว่า โอ้ย ฉันห่างไกลกับเจนนรี จังเลยก็จะมีความแบบว่า โอ้ยยย (ลากเสียง) อะไรแบบนี้ แต่อาทิตย์ที่ผ่านไปก็คือช้ำ เราก็รู้สึกว่านักรบต้องมีบาดแผล ก็รู้สึกว่าเอ็นจอยค่ะ สนุกดี

ด้วยความเป็นละครบู๊ที่มีฉากแอ็กชันเยอะมาก คุณต้องทำการบ้านเพิ่มเติมหรือไม่นอกจากเรื่องของบทละคร

ต้องค่ะ มันเป็นกำแพงตอนแรกเลยว่าเราจะทำได้มั้ย เพราะถึงแม้เราจะออกกำลังกาย แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะบู๊ได้ แต่การออกกำลังกายมันเป็นพื้นฐานของเราที่มีกล้ามเนื้อ พร้อมที่จะมีมูฟเมนต์ในรูปแบบต่างๆ ก็ต้องไปปูพื้นฐานในการขยับ เพราะมันไม่ใช่แค่รู้ว่าเตะ ต่อย เป็นอย่างนี้ๆ แต่ว่ามันคือการเชื่อมโยงกันและกัน ท่านี้ต้องไปท่านั้น เป็นต้น พี่นก-ฉัตรชัย (เปล่งพานิช) พยายามบอกว่า “แต้วว่าอย่าไปมองว่ามันเหนื่อย มันคือความท้าทาย”

การออกกำลังกาย การบู๊มันทำให้เรามีวินัยกับตนเองในการพาเราจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งได้ มันทำเราเปลี่ยนความคิดเหมือนการออกกำลังกาย มันทำให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและไปให้ถึงตรงนั้น เหมือนการปูพื้นฐานความคิดอีกแบบหนึ่ง

ทำงานกับนก-ฉัตรชัย ในฐานะผู้จัด เป็นอย่างไรบ้าง

สบายใจนะคะ คือพี่นกเขาไม่ได้กดดันอะไรขนาดนั้น ทั้งที่บทมันก็แบบหนักมาก พี่นกเปิดรับและก็ให้กำลังใจ ทำงานกันแบบสบายๆ คือดีค่ะ (หัวเราะ) ไว้ใจได้เลยเรื่องภาพ เรื่องอะไรต่างๆ

แล้วการทำงานกับหมาก-ปริญ ล่ะ

เขาก็เป็นคนสบายๆ ชิลล์ๆ เขาออกกำลังกายหนักมาก คือหมากก็เป็นแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายของแต้วเหมือนกัน เพราะเขาอยู่ในกองเขาจะแบบมีอุปกรณ์นั่นนี่นู่น โปรดักทีฟดีค่ะ

รู้สึกอย่างไรบ้างกับผลงานที่ออกมาแล้วเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม

คนน่าจะชอบความใหม่ ไม่เคยเห็นเราในมุมมองแบบนี้ แต้วก็ว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนที่ดี เราทำงานมาสักระยะหนึ่งแล้ว เป็นการท้าทายตัวเอง ถึงมันจะไม่ได้ออกมาแบบสมบูรณ์ 100 เปอร์เซนต์ชแต่พูดได้ว่าเราก็เต็มที่ ถึงจุดนี้มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าการเป็นนักแสดงมันต้องทุ่มเทมากๆ จริงๆ มันวัดได้เลยว่าไม่มีเพดานในความสำเร็จ มันต้องเริ่มใหม่อยู่ตลอด คือถึงเราจะพยายามแล้ว แต่ว่ามันก็ยังพยายามได้อีกเพื่อผลงานที่ดี ทำให้เรารู้สึกว่าถึงเราจะทำงานมาหลายปี แต่มันก็ยังมีอะไรที่ท้าทายเราได้ตลอด ดีใจที่เราตัดสินใจเล่นวันนั้น และก็ออกมาเป็นผลงานวันนี้ โพรดักชันต่างๆ ภาพสวยมาก เนื้อเรื่องก็ดี เราก็ได้เห็นเราเองในมุมใหม่ๆ

ผู้ชมจะได้อะไรจากการดูเกมล่าทรชน

อย่างแรกเลยคือ ได้เห็นบทบาทใหม่ๆ ของแต้ว ในการแอ็กชันต่างๆ หรือความสมจริงในแง่ของบท ภาพที่สวยงาม ความตื่นเต้นในเส้นเรื่องที่ไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนดีก็อาจจะไม่ได้ดีเสมอไป คนร้ายก็อาจจะไม่ได้ร้ายเสมอไป เป็นการนำเสนอตัวละครในอีกมุมนึง แต้วว่ามันก็เป็นละครคุณภาพเรื่องนึงของช่องเลย อยากให้ช่วยเป็นกำลังใจและก็เชียร์ทีมงาน นักแสดงกันเยอะๆ ค่ะ

ฝากละครเกมล่าทรชน

ตอนนี้ก็น่าจะเดินทางมาประมาณนึงแล้ว ความเข้มข้นยังมีอีกเพียบเลยค่ะ มีไคลแมกซ์ มีเซอร์ไพรส์รออีกเพียบ ยังไงฝากเป็นกำลังใจและติดตามเกมล่าทรชนด้วยนะคะ (ลากเสียงสูง)

Content Creator

Photographer

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า