บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน ตุลาคมปี 2560 ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และใช้โครงการนี้จนมาถึงปัจจุบัน โดยมุ่งเป้าไปที่การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
เงื่อนไขของการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าการจะเข้าถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐล้วนมีเงื่อนไขมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
1. ต้องมีอายุ 18 ปี ขึ้นไป
2. มีสัญชาติไทย
3. มีรายได้ไม่เกินหนึ่งแสนบาทต่อปี
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลลุงตู่ไม่เข้าใจคำว่าสวัสดิการที่รัฐควรมีให้กับประชาชน เพราะ 1. เป็นการแบ่งแยก ทำให้สวัสดิการที่ประชาชนควรเข้าถึงมีไม่เท่าเทียมกัน 2. คำว่าสวัสดิการควรเข้าถึงได้ง่าย ไม่ใช่มีเงื่อนไขต่างๆ มากมาย ยังไม่นับเรื่องประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ทำให้เข้าถึงบัตรสวัสดิการได้ยาก
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประชาชนใช้ แต่ใครได้ประโยชน์?
เงื่อนไขการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2566 เป็นตัวอย่างชัดเจนที่สุด ในการจำกัดการใช้เงินของประชาชนเฉพาะที่ เพราะสามารถใช้ได้เพียงร้านที่เข้าร่วมรายการและร้านธงฟ้าประชารัฐเท่านั้น ซึ่งร้ายเหล่านี้เมื่อเข้าร่วมโครงการก็เสียภาษีสาหัสกันเลยทีเดียว
แต่ๆๆ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้เต็มๆ คือเหล่านายทุนต่างๆ ที่เป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคนั่นเอง หรือจะเป็นการเดินทางด้วยระบบขนส่ง ก็ไม่พ้น BTS MRT ที่มีทั้งกลุ่มทุน ตลอดจนมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลอยู่ดี และกลุ่มเหล่านี้หากดูจากการเปิดเผยรายชื่อในงานโต๊ะจีนพลังประชารัฐที่มีการระดมทุนเข้าพรรค หรือดูความเชื่อมโยงกับรัฐบาล ล้วนเป็นกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่สนับสนุนรัฐบาลลุงตู่และพรรคพลังประชารัฐทั้งนั้น จนอาจเรียกได้ว่าเป็นการเอาเงินภาษีประชาชนมาแจกให้ประชาชน เพื่อเอาไปใช้จับจ่ายใช้สอยให้กับกลุ่มทุนที่มีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ในประเทศแต่มีทรัพย์สินเกินครึ่งของประเทศกันเลยทีเดียว พูดง่ายๆ ก็คือ อัฐยายซื้อขนมยาย แถมยายยังโดนดูดเงินไปด้วยนั่นเอง
ยังไม่หมดเท่านี้ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังจำกัดจำนวนเงินในการใช้งานต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดวงเงินค่าใช้จ่ายต่อวันหรือต่อเดือน เช่น ซื้อสินค้าอุปโภคหรือบริโภคได้ 300 บาท ต่อเดือน หรือการใช้ระบบขนส่งสาธารณะก็จำกัดวงเงินให้ใช้ได้แค่ 750 ต่อเดือน
บางครั้งตั้งวงเงินไว้คนลงทะเบียนไม่หมด ไม่ครบ แต่งบออกมาก่อน เงินทอนพวกนี้ก็ต้องตั้งคำถามว่าหายไปไหนกันแน่

ชวนคิดก่อนเคลม
ขณะที่พรรคการเมืองพยายามเสนอนโยบาย หรือชูนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือนโยบายที่มีลักษณะเดียวกัน เพื่อเอาชนะใจประชาชนในศึกเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เสนอเพิ่มวงเงินให้บัตรสวัสดิการ 700 บาท หรือพรรครวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ลูกพรรคออกมาเคลมว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้คิดนโยบายและเตรียมเพิ่มวงเงินให้เป็น 1,000 บาท ก็อยากจะฝากถึงพรรคการเมืองเหล่านี้ รวมถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ช่วยมองถึงปัญหาอุปสรรค และข้อสงสัยเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่มีอยู่ รวมทั้งพิจารณาว่าโครงการนี้ควรมีอย่างต่อไปหรือไม่ หรือจะปรับปรุงอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด
แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ต้องแก้ตอนนี้ คือการมีสวัสดิการที่ทั่วถึง ตอบรับกับอนาคตของประเทศที่ต้องรองรับสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงการรักษาพยาบาลที่ฟรีจริง ปัญหา หรือ PM 2.5 ที่ควรเร่งแก้ปัญหาให้ประชาชนมีอากาศที่สะอาดได้หายใจ ไม่ใช่การแจกเงินอย่างไร้ประโยชน์
#บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #บัตรคนจน #การเมือง #ป้อม700 #ตู่1000 #ตู่ปาดป้อม #เพื่อไทย10000 #แข่งกันแจก #เลือกตั้ง66