รัฐพอใจให้คนแต่ละวัยรับรู้เรื่องเพศมากน้อยต่างกันเท่าไร และต้องการให้คนในชาติรับรู้เรื่องเพศในทิศทางใดนั้น ตอบได้ยาก
แต่เราพอจะทราบคำตอบกลาย ๆ แต่แจ่มแจ้งจากแนวทางที่ออกโดยองค์กรอิสระของรัฐ ที่มีหน้าที่กำกับสื่อวิทยุโทรทัศน์และเนื้อหาอย่าง ” สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) “
แนวทางการจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ ตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการ สำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 นั้น กำหนดว่า พฤติกรรมและความรุนแรง เรื่องทางเพศ และภาษา เป็น 3 ประเด็นที่ใช้จัดระดับความเหมาะสมของเนื้อหาและรายการที่ควรจำกัด
ซึ่งคล้ายกับการจัดเรตภาพยนต์ (Film Rating) ที่พวกเราคุ้นหูนั่นเอง
เรื่องทางเพศที่ กสทช. พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสมประกอบด้วย 3 ประเด็นย่อย ได้แก่ สรีระและการแต่งกาย การแสดงสัมพันธภาพทางเพศที่สร้างกามารมณ์ การแสดงออกที่สื่อความหมายทางเพศที่ไม่เหมาะสม และสุดท้าย ค่านิยมทางเพศที่ไม่เหมาะสมกับสังคมและวัฒนธรรมไทย ซึ่งทั้งหมดค่อย ๆ เปิดเผยเนื้อหาทางเพศมากขึ้นตามประเภทรายการสำหรับผู้รับชมแต่ละช่วงวัย ซึ่งมี 6 ระดับ ได้แก่
- รายการสำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3 – 5 ปี (ป)
- รายการสำหรับเด็ก อายุ 6 – 12 ปี (ด)
- รายการที่เหมาะสำหรับผู้ชมทุกวัย (ท)
- รายการที่เหมาะกับผู้ชมที่มีอายุ 13 ปี ผู้ชมที่มีอายุน้อยกว่า 13 ปี ควรได้รับคำแนะนำ (น ๑๓)
- รายการที่เหมาะกับผู้ชมที่มีอายุ 18 ปี ผู้ชมที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำ (น ๑๘)
- รายการเฉพาะไม่เหมาะสำหรับเด็กและเยาวชน (ฉ)
ปี พ.ศ. 2556 รัฐโดย กสทช. ได้ระดมความคิดร่วมกับสื่อ นักวิชาการ และองค์กรวิชาชีพ จนเห็นชอบร่วมกันและแน่นอนว่าผ่านความพึงพอใจของรัฐแล้ว ว่าอนุญาตให้ปรากฏเนื้อหาทางเพศในรายการสำหรับคนต่างวัยได้ในระดับที่ต่างกัน โดยมีรายละเอียดพอสังเขป ดังนี้
- สรีระและการแต่งกาย
รายการประเภท ป และ ด ตัวละคร ตัวการ์ตูน พิธีกรและผู้ร่วมรายการต้องแต่งกายมิดชิดตามกาลเทศะและประเพณี หรือตามกติกาสากล ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนต้องแต่งกายสมวัย เว้นว่าเป็นเรื่องในจินตนาการ (แฟนตาซี) หรือมีบริบทหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับรายการประเภท ท และ น๑๓ นั้น ต้องไม่มีการแต่งกายที่มีเจตนายั่วเพศ แต่อาจปรากฏได้บ้างตามบริบทของเรื่อง แต่ต้องไม่นำเสนอบ่อยครั้ง ส่วนรายการประเภท น๑๘ นั้นแต่งกายโป๊ได้บ้างตามบริบทของเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
และสุดท้ายรายการประเภท ฉ สามารถปรากฏสรีระและการแต่งกายที่โป๊ ไม่มิดชิดได้ แต่ต้องไม่ขัดกับกฎระเบียบและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
- การแสดงออกที่สร้างกามารมณ์หรือสื่อความหมายทางเพศไม่เหมาะสม
รายการประเภท ป และ ด ต้องไม่ปรากฏการชวนสร้างกามารมณ์เลย แต่สำหรับรายการประเภท ท และ น๑๓ นั้น ปรากฏการแสดงออกที่ว่ามาได้ตามบริบท โดยไม่ชี้นำไม่แสดงขั้นตอนของการกระทำที่ชัดเจน ไม่ปรากฏบ่อยครั้ง และในกรณีที่แสดงความรักต้องเหมาะสมตามประเพณี
ส่วน รายการประเภท น๑๘ นั้น ปรากฏพฤติกรรมสร้างกามารมณ์และไม่เหมาะสมได้แต่ต้องไม่ส่อไปในทางลามกอนาจาร และสุดท้ายรายการประเภท ฉ ต้องไม่แสดงขั้นตอนการผิดประเพณี ผิดกฎหมาย หรือผิดธรรมชาติที่ชัดเจน และต้องไม่ขัดกับกฎ ระเบียบ และกฎหมาย เช่นเดียวกับประเด็นย่อยก่อนหน้า
- ค่านิยมเรื่องเพศที่ไม่เหมาะสมกับสังคม และวัฒนธรรมไทย
รายการประเภท ป และ ด ต้องไม่ปรากฏค่านิยมไม่เหมาะสม สำหรับรายการ ท และ น๑๓ นั้นต้องไม่ปรากฏเช่นกัน เว้นแต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเพราะ เป็นบริบทของเรื่องหรือเป็นแฟนตาซี หรือเพื่อสะท้อนและให้การเรียนรู้สภาพปัญหาสังคม โดยต้องไม่ชักนำชักจูง
ส่วน รายการประเภท น๑๘ นั้นปรากฏค่านิยมที่ไม่เหมาะสมได้ตามบริบทของเรื่องและต้องไม่ส่อไปในทางลามกอนาจาร แต่สำหรับรายการประเภท ฉ นั้น ปรากฏได้โดยไม่แสดงขั้นตอนการกระทำอย่างชัดเจน และต้องไม่ขัดต่อ กฎ ระเบียบ และกฎหมาย
และนี่คือ ความแตกต่างของเนื้อหาทางเพศที่ปรากฏในรายการสำหรับคนแต่ละช่วงวัย ซึ่งเรียบเรียงได้จาก แนวทางการจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ฯ ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาฉบับเต็มจากเว็บไซต์ของ กสทช. เพื่ออ่านต่อได้อย่างจุใจ
ทีนี้คุณผู้อ่านอาจสังเกตและสรุปได้เหมือนกันแล้วว่า ระดับการปรากฏเนื้อหาทางเพศของรายการประเภท ท และ น๑๓ นั้นเหมือนกันทุกประเด็น อาจสะท้อนได้ว่า รัฐเชื่อว่าเด็กวัยนี้มีวิจารณญาณทางการแสดงออกด้านเพศและมีค่านิยมที่สอดคล้องกับสังคมและวัฒนธรรมแล้ว แต่ไม่แหลมคมนัก จึงต้องมีผู้ปกครองกำกับชี้แนะ
ส่วนเด็ก 6 ขวบนั้นยังมีวิจารณญาณต่อการแสดงออกทางเพศ การสื่อความหมายทางเพศ และอาจมีค่านิยม ที่ยังไม่มั่นคงกับสังคม และเรียนรู้วัฒธรรมไทยนัก ทั้งนี้ รัฐให้เหตุผลว่าต้องปกป้องและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากการรับชมสื่อที่ไม่เหมาะสมกับวัย
ซึ่งเราอาจปะติดปะต่อและคาดเดากันได้ว่ารัฐนั้น คิดว่า การเปิดเผยสรีระ การแต่งกาย การแสดงออกทางเพศ และการมีค่านิยมที่ไม่สอดคล้องกับสังคมไทย จะไปเบียดบังการพัฒนาศักยภาพและเติบโตเป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพด้านต่าง ๆ ส่งผลให้เนื้อหาทางเพศเป็นสิ่งที่ต้องจำกัด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้รับชมที่มีอายุน้อย
ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าว ยังได้พิจารณาเนื้อหาทางเพศจากภาพ เสียง เนื้อหา น้ำหนักของเนื้อเรื่อง และมุมกล้อง ประกอบกัน ผู้รับชมจึงมักเห็นตัวละครชู้นั่งรถไปด้วยกันบ้าง จูงมือเข้าห้องกันบ้าง ผ้าห่มตัวแอลบ้าง แทนการแสดงออกถึงการลูบไล้ หรือนอกใจบนเตียง
นอกจากนี้ เรื่องทางเพศ เช่น การทำแท้ง และการมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย ยังได้รับการระบุว่าเป็นการแก้ปัญหาที่มอมเมา หรือขัดต่อหลักเหตุผลที่เป็นจริงและศีลธรรมอันดีของสังคม ด้วย
ถึงตอนนี้ เราอาจคิดว่ารัฐมองการเข้าถึงเนื้อหาทางเพศ ว่าเป็นสนิมกร่อนกินทรัพยากรมนุษย์ภายในชาติ เท่านั้น แต่มิใช่อย่างนั้นเสียทีเดียว
เพราะรัฐได้ส่งเสริมเนื้อหาทางเพศให้ประชาชนเรียนรู้ ยอมรับ เข้าใจ และชื่นชมในความหลากหลายในมิติต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องเพศ ลดการเหยียดเพศ พร้อมกับส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ด้วย
สุดท้าย ในฐานะผู้รับสื่อที่รัฐร่วมพิจารณาความเหมาะสมของเนื้อหาด้านเพศนั้น เราก็คงต้องรอชมรายการที่มีเนื้อหาสุ่มเสี่ยงขัดต่อพัฒนาการของเยาวชน ในผังตอนกลางดึกกันต่อไป