(บทความนี้เป็นการวิเคราะห์เบื้องต้นเพียงเท่านั้น)
หลังจากก่อนหน้านี้ที่ทาง SCB ได้ประกาศจัดตั้งบริษัท SCB X ซึ่งเปรียบเสมือนยานแม่ลำใหม่ขึ้น เพื่อเตรียมสอดรับกับการทำธุรกิจพาณิชย์แบบดิจิทัลไปเมื่อเร็วๆ นี้นั้น
เมื่อวานนี้ (2 พฤศจิกายน 2564) SCB ก็มีเรื่องที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อ SCBS บริษัทในเครือของ SCB X ได้เข้าซื้อหุ้น Bitkub ในสัดส่วนร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาท ซึ่งหลังจากประกาศล่าสุดที่ออกมาจากทาง SCBS นั้นก็คงจะทำให้ใครหลายคนตกใจไม่ใช่น้อยสำหรับการลงทุนครั้งใหญ่ของ SCBS และยังถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และชัดเจนแล้วว่าจะรุกตลาดธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไร โดยหลังการเข้าซื้อหุ้นในกิจการครั้งนี้ ทำให้ Bitkub กลายเป็น Unicorn ตัวที่ 2 ของประเทศไทย
คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Group CEO ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า “Bitkub ได้เดินมาถึงจุดที่เราได้กลายเป็นโครงสร้างสำคัญของเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศไทย หรือที่เรียกว่า Digital Economy ต่อจากนี้ Bitkub ไม่ได้เป็นเพียงสตาร์ทอัพอีกต่อไป แต่กำลังจะก้าวมาเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อวงการการเงิน 3.0 ของประเทศไทย ในตอนนี้เราได้พา Bitkub มาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญมาก และเพื่อที่จะนำ Bitkub ให้ก้าวไปสู่ระดับโลก พวกเราต้องการพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งมาเป็นกำลังเสริมให้ไปถึงได้เร็วขึ้นอย่างยั่งยืน นั่นเป็นเหตุผลที่เราจับมือร่วมกับ SCBS”
นั่นจึงเป็นที่มาของคำถามว่าทำไมสถาบันทางการเงินอย่าง SCB ที่อยู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ถึงเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการของ Bitkub ซึ่งปัจจุบัน Bitkub เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเป็นผู้นำในด้านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลใน BItkub มีมูลค่ารวมประมาณ 1.03 ล้านล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งทางตลาดอยู่ที่ร้อยละ 92 และในช่วง 9 เดือนดังกล่าว Bitkub มีรายได้ 3,279 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,533 ล้านบาท
สิ่งที่น่าใจคือทิศทางและเป้าหมายของ SCB X ที่ปัจจุบันไม่ได้จำกัดตัวเองเป็นเพียงแค่สถาบันทางการเงินอีกต่อไป แต่มุ่งสู่การเป็น Tech Company เพื่อรองรับในการขยายธุรกิจการเงินที่หลากหลายมากขึ้น ให้สามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้อย่างทันยุคทันสมัย ไม่เพียงแต่เท่านี้ SCB ยังมีการร่วมมือกับบริษัทหลายแห่งอย่าง AISCB เป็นบริษัทร่วมทุนกับ AIS เพื่อให้บริการสินเชื่อดิจิทัล และอื่นๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้เห็นว่า SCB กำลังจะกลายเป็น Tech Company แห่งหนึ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก
นอกเหนือจากนี้ การลงทุนใน Bitkub ยังเป็นการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน และสามารถหนุนเสริมในธุรกิจของแต่ละบริษัทได้เช่นเดียวกัน โดยทางฝั่งของ SCB ก็จะได้แนวคิดและได้ทางลัดที่สามารถดำเนินธุรกิจในสินทรัพย์ดิจิทัลโดยที่ไม่ต้องสร้างแพลตฟอร์มใหม่ และลดการแข่งขันลงได้ ในขณะที่ Bitkub เองก็จะได้แนวคิดการบริหารและการจัดการที่ SCB สั่งสมมาจากการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมาต่อยอดและพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเองให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น นั่นทำให้ทั้งคู่ยังประหยัดเวลาซึ่งกันและกันและไม่ต้องเป็นคู่แข่งทางการค้าอีกต่อไป กลับกันแต่ละฝั่งก็จะได้เป็นพันธมิตรในการต่อยอดธุรกิจให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลออกไปสู่ระดับโลกได้ง่ายขึ้น สอดรับกับกลยุทธ์ที่ทั้งคู่มีอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน
Content Creator
