fbpx

Sean Connery กับบทบาททางภาพยนตร์ที่ไม่ใช่เพียงแค่สายลับ 007

“My name is Bond, James Bond”

ประโยคเปิดตัวของสายลับมากเสน่ห์อย่าง James Bond หรือโค้ดเนม 007 ถูกแนะนำให้เรารู้จักครั้งแรกในภาพยนตร์ที่ปูทางเรื่องราวทั้งหมด อย่าง DR. NO ในปี 1962 โดยนักแสดงที่ ณ เวลานั้นยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอย่าง “Sean Connery”

นับตั้งแต่ความสำเร็จของ DR.NO ชื่อของสายลับ 007 ก็เป็นที่พูดถึงกันมากขึ้นและมีหนังภาคต่อมาอีกมากมายนับจนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 27 ภาค มีการเปลี่ยนนักแสดงไปแล้วถึง 7 คน (และกำลังจะมีคนที่ 8) แต่นักแสดงผู้ที่รับบทบาทนี้คนแรกอย่าง Sean Connery ก็ยังได้รับการยกย่องในฐานะผู้ที่บุกเบิกความสำเร็จของภาพยนตร์ชุดนี้จนเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ชุดที่ประสบความสำเร็จตลอดกาล รวมถึงบทบาทของสายลับ 007 นี้เองที่ก็ได้กลายเป็นภาพจำในการแสดงของตัวเขาเองในเวลาต่อมา

Sean Connery เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2020 เขาจากไปอย่างสงบด้วยโรคชราในบ้านพักของเขาที่บาฮามาส

แม้ว่าร่างกายและจิตใจในโลกแห่งความเป็นจริง เขาจะจากไปแล้ว แต่ในโลกอีกใบเขายังคงมีชีวิตอยู่เพียงแค่เปิดไปชมภาพยนตร์ต่างๆ ที่เขาได้รับบทบาท วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อยากจะมาแนะนำภาพยนตร์ต่างๆที่เขาเคยแสดง เพื่อที่อย่างน้อยเราจะยังได้เห็นชีวิตของเขาโลดแล่นอยู่ในภาพยนตร์เหล่านั้น

หลังจากที่บทของสายลับถูกส่งต่อให้กับคนอื่น เขาได้รับภาพการแสดงไปเป็นตัวละครอื่นๆ มากมาย เช่น มาเฟีย พ่อของอินเดียนา โจนส์ หรือแม้แต่ผู้บังคับการเรือ โดยเฉพาะบทบาทของ Jim Malone ในภาพยนตร์เรื่อง The Untouchables ในปี คศ.1987 ที่ส่งให้เขาได้รับรางวัลทางการแสดงต่างๆ ทั้งรางวัล Oscar และ Golden Globes

Zardoz (1974)

ภาพยนตร์ไซไฟของผู้กำกับ John Boorman ที่สร้างไม่นานหลังจากที่ Sean ทิ้งบทบาทของสายลับไว้ด้านหลัง ข้ามเวลาไปในศตวรรษที่ 23 มนุษยชาติถูกแบ่งออกเป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในดินแดนรกร้าง และขุนนางที่เรียกภาพดังกล่าวผ่านหัวหินบินขนาดยักษ์ที่ชื่อว่าซาร์ดอซ คอนเนอรี่รับบทเป็น Zed หนึ่งใน “ผู้ทำลายล้าง” หลังจากซ่อนตัวอยู่ในกะโหลกแมมมอธและแทรกซึมเข้าไปในโลกของผู้รักชาติในอนาคต จนในที่สุด Zed ก็กลายเป็นคนหัวรุนแรงและช่วยนำกลุ่มกบฏเอง

The Man Who Would Be King (1975)

มาจากนวนิยายของรัดยาร์ด คิปลิง เรื่องราวการผจญภัยของนายทหารกองทัพอังกฤษ 2 คนโดยมีฉากหลังอยู่ในสมัยศตวรรษที่ 19 ที่เกิดเบื่อการเป็นทหารแล้วอยากจะทำอยากจะขึ้นเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองดินแดน จึงอาศัยความรู้และเทคโนโลยีที่เหนือกว่า เดินทางไปยังดินแดนอันห่างไกลที่ผู้คนไม่อาจจะเข้าถึงได้ แดเนียล ดราวอต ที่แสดงโดย Sean connery ถูกคนในพื้นที่เข้าใจผิดว่าเป็นพระเจ้า เขาที่สุดท้ายเขาเป็นทั้งทั้งผู้ปกครองและเทพแห่งอาณาจักรแห่งนี้

The Untouchables (1987)

การันตีการแสดงด้วยรางวัลออสการ์และรางวัลลูกโลกทองคำในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ในบทบาทของ Jimmy Malone ตำรวจมือปืนลูกซองจอมเก๋า ผู้ช่วยเหลือ Eliot Ness คู่ปรับของ Al Capone ในการต่อสู้กับพวกแก๊งอันธพาลที่ละเมิดกฏหมายการห้ามสุราในสหรัฐ สำหรับนักแสดงหลายๆคน บทบาทการแสดงนี้อาจเป็นเพียงบทที่มีหน้าที่เป็นเพียงผู้ให้คำปรึกษาที่ดีให้กับตัวละครเอก แต่สำหรับ Sean Connery แล้ว เขากลายเป็นตัวละครที่โดดเด่นในหนังได้ทันที รวมถึงวิธีที่เขาเจาะลึกลงไปในบทสนทนาที่เฉียบคมของ David Mamet นั้นยอดเยี่ยมมาก และคำแนะนำของเขาที่มีให้กับ Ness เกี่ยวกับวิธีในการจับ Al Capone นั้นเต็มไปด้วยทั้งความก้าวร้าวและตรงไปตรงมา เช่น คำหนึ่งในบทสนทนาที่ว่า “เขาดึงมีด คุณดึงปืน เขาส่งคนของคุณไปที่โรงพยาบาล คุณส่งเขาไปที่ห้องเก็บศพ”

Indiana Jones and the Last Crusade (1989)

ในฐานะแฟนคลับของภาพยนตร์ชุด James Bond คนที่เหมาะสมจะมารับพ่อของอินเดียนา โจนส์ ควรจะเป็นใคร หากไม่ใช่ James Bond คนแรก ผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง Steven Spielberg เลือก Sean Connery ให้มารับบทเป็นศาสตราจารย์ Henry Jones ในภาพยนตร์ชุด Indiana Jones เหมือนกับว่าในหนังเรื่องนี้ เราได้รับชมไอคอนป๊อปคัลเจอร์สองตัวละคร ทั้ง Indiana Jones และ James Bond แสดงอยู่ในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการที่ Sean Connery ได้ทำการศึกษาตัวละคร Henry Jones เป็นอย่างดีและพบว่าความสนุกของมันคือการที่พ่อลูกคู่นี้จะแข่งขันกันอย่างไม่มีวันจบสิ้น แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นผู้ร่วมมือกันในการตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ก็จาม

หนึ่งในคำสัมภาษณ์ที่ Sean เคยพูดถึงต่อบทบาทนี้คือ “ไม่ว่า Indy จะทำอะไรก็ตาม Henry จะสามารถทำได้ และทำได้ดีกว่าด้วย”

The Hunt for Red October (1990)

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเรือดำน้ำรุ่นล่าสุดของกองทัพเรือโซเวียตนาม “ตุลาแดง” ที่ถูกบังคับการโดยโดยผู้บัญชาการเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของรัสเซียนาม Marko Ramius ผู้กระตือรือร้นที่จะปลุกกระแสสงครามเย็น รับบทโดย Sean Connery ได้นำเรือสู่คาบสมุทรบอลข่านเพื่อเข้าร่วมการซ้อมรบกับโซเวียต แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือการที่ผู้บัญชาการ Marko ได้นำเรือนี้เข้าสู่สหรัฐฯเพื่อแปรพักต์

การกระทำนี้ทำให้ทางรัฐบาลโซเวียตโกรธและอาจเป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สามได้จึงเป็นเหตุให้ตัวละครเอกอย่าง Jack Ryan ต้องหาทางติดต่อกับผู้บัญชาการ Marko ก่อนที่ทั้งสองประเทศนี้จะทำลายเรือลำนี้จะเป็นเหตุให้เกิดสงครามโลกต่อไปได้

แม้จะมีเสียงวิจารณ์ในด้านความไม่เข้ากันในการพูดรัสเซียโดนใช้สำเนียงชาวสก๊อต แต่ Connery ตีความบทบาทของตัวละครนี้ออกมาอย่างยอดเยี่ยมในตอนท้ายของหนังระทึกขวัญตึงเครียด รวมถึงการที่มีภาพใบหน้าของเขาไปปรากฏอยู่บนโปสเตอร์ของหนัง ก็สื่อให้เห็นถึงความสำคัญของบทบาทที่เขาได้รับในภาพยนตร์เรื่องนี้ และส่งผลให้มันกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ชุด Jack Ryan

นอกจากภาพยนตร์ 5 เรื่องที่เราหยิบมาแนะนำนี้แล้ว ยังมีภาพยนตร์อีกมากมายที่ถูกนำแสดงโดยนักแสดงระดับตำนานท่านนี้ แม้ว่าวันนี้เขาจะจากเราไปแล้ว แต่ชื่อของเขาจะยังถูกพูดถึงไปอีกยาวนานตราบใดที่เขายังคงมีชีวิตและโลดแล่นอยู่ในภาพยนตร์เหล่านี้

หลับให้สบาย
Sir Sean Connery

อ้างอิง: Smooth Radio, Rolling Stones, Wikipedia

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า