fbpx

โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน ในวันที่โคตรคูลกำลังเติบโตอย่างโคตรคูล

ถ้าหากพูดถึงนักร้องหนุ่มอารมณ์ดี นาทีนี้คงไม่มีใครเกิน โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน เพราะด้วยความสามารถที่หลากหลาย จึงส่งผลให้ โอ๊ต มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเป็นอย่างมาก เพราะชายคนนี้ เป็นได้ทั้งนักร้อง นักแสดง ดีเจ ยูทูบเบอร์ และด้วยบุคลิกที่เป็นคนสนุกสนาน เฮฮา บวกกับความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่มักจะทำให้คนรอบข้างมีรอยยิ้มได้เสมอ เค้าจึงเป็นที่รักของเพื่อนๆทั้งในและนอกวงการ และยังมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น คอยซัพพอร์ต ไม่เว้นในวันที่มีประเด็นดราม่าต่างๆ ไม่ว่ากระแสดราม่าจะถาโถมเข้ามามากแค่ไหน โอ๊ต ปราโมทย์ ก็ยังคงเป็น พ่อหมี ในสายตายตาของแฟนคลับเสมอ แต่กว่าจะมาเป็น โอ๊ต ปราโมทย์ ผู้ซึ่งเป็นที่รักของแฟนคลับได้ในวันนี้นั้น มันไม่ง่ายเลย

เด็กชายปราโมทย์ ปาทาน ลูกครึ่งไทย-ปากีสถาน ถือกำเนิดด้วยหมอตำแยที่แฟลตบ่อนไก่ เมื่อวัน 9 ธันวาคม พ.ศ.2527 เป็นบุตรคนที่ 3 จาก 4 ของคุณแม่มันทนา ผลสินธุ์ โอ๊ต ปราโมทย์ ในวัยเด็กเป็นคนหัวดีและมีผลการเรียนที่อยู่ในเกณฑ์ดีในระดับชั้นประถมศึกษา แต่พอเริ่มเข้าศึกษาที่ โรงเรียนสีกัน(วัฒนานันท์อุปถัมภ์) ในระดับชั้นมัธยม โอ๊ต ก็ได้เจอกับเพื่อนและได้ใช้ชีวิตมัธยมอย่างสุดเหยี่วง ดนตรี กีฬา ผู้หญิง คือสิ่งที่เด็กมัธยมทุกยุคต้องเคยสัมผัส และโอ๊ต ปราโมทย์ คือบุคคลที่ได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้มา ในวัยมัธยมโอ๊ตได้เล่นทั้งดนตรีและกีฬา ในด้านของกีฬาโอ๊ต ปราโมทย์ ชื่นชอบในการเล่นฟุตบอลเป็นอย่างมาก และได้เป็นตัวแทนโรงเรียนสีกันเข้าร่วมแข่งขันในรายการ “ควิก จูเนียร์ ฟุตซอล ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ 2001” แต่ว่าในทางดนตรีก็ไม่น้อยหน้ากันเพราะโอ๊ต ปราโมทย์ได้ฟอร์มวงกับเพื่อนๆเพื่อประกวดภายในโรงเรียนซึ่งใช้ชื่อวงว่า Ebola โดยตำแหน่งแรกของโอ๊ตคือมือกีต้าร์ และได้ขยับบทบาทมาเป็นนักร้องในภายหลังและสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศได้ในปีถัดมา ขณะที่ตนกำลังเรียนอยู่ ม. 5 แต่ด้วยความสนุกสนานและเพลิดเพลินกับชีวิตมัธยม ในที่สุดโอ๊ตก็จบ ม.6 พร้อมกับความว่างเปล่าเพราะไม่รู้ว่าจะเรียนต่ออะไร แต่เจ้าตัวตัดสินใจบอกกับคุณแม่ว่าอยากเรียนนิเทศเพราะเป็นสิ่งที่ตัวเองสนใจและชื่นชอบ แต่สิ่งที่คุณแม่ทำคือพาโอ๊ตไปทำหนังสือเดินทางและส่งไปเรียนที่ออสเตรเลีย

เมื่อเดินทางมาถึงออสเตเรียนอกจากที่จะต้องเรียนแล้วโอ๊ตยังต้องทำงานพาร์ทไทม์เป็นผู้ช่วยในครัวที่ร้านอาหาร แต่ดูเหมือนฟ้าจะมีตาเพราะโอ๊ต ปราโมทย์ได้ถูกชักชวนจากรุ่นพี่ชาวไทยในออสเตรเลีย ให้ไปเล่นดนตรีกลางคืนที่ผับไทย ซึ่งหลังจากที่โอ๊ตได้เริ่มร้องกลางคืนมาเรื่อยๆจนเริ่มมีเงินเก็บ โอ๊ตเริ่มรู้ตัวเองว่าอยากเรียนดนตรี เพราะคิดว่าอาชีพนี้หาเงินได้และสามารถเลี้ยงชีพได้ เจ้าตัวจึงตัดสินใจโทรหาครอครัวที่ไทยว่า อยากกลับไทย จะกลับไปเรียนดนตรี ซึ่งประโยคนี้ก็ทำให้คุณแม่ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังดีที่มีพี่ชายคนรองเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย จนในที่สุดโอ๊ตได้กลับมาที่ประเทศไทย และเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต แต่โอ๊ตเองก็ต้องเรียนปรับพื้นฐานวิชาทฤษฎีดนตรี เพราะว่าเจ้าตัวนั้นไม่มีความรู้ทางด้านทฤษฎีดนตรีเลย แต่ด้วยความมุ่งมั่นก็ทำให้เจ้าตัวได้เข้าศึกษาที่นี่ได้สำเร็จ

ซึ่งภายหลังจากได้ศึกษาที่วิทยาลัยดนตรี โอ๊ต ปราโมทย์ เองก็สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยด้วยการพาวง RSCM Band คว้าแชมป์ Breeze FM-UBC Jazz Challenge ในปี 2006 หลังจากนั้นเจ้าตัวได้เซ็นสัญญากับ GMM Grammy พร้อมกับเล่นดนตรีกลางคืนที่ร้าน Route66 โดยมีเพื่อนซี้อย่าง ซานิ เป็นเพื่อนร่วมงานในขณะนั้น แต่การเป็นศิลปินสังกัดแกรมมี่นั้นอาจจะดูไม่ราบรื่นเท่าไหร่เพราะว่างานจ้างก็ไม่ได้มีเยอะเท่าศิลปินคนอื่นๆ รายได้หลักมาจากการร้องกลางคืน ซึ่งได้เดือนละประมาณหนึ่งแสนบาท แต่สุดท้ายจ้าตัวก็ตัดสินใจลาออกจากร้านเพราะว่าอยากประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินมากกว่า แต่หลังจากที่โอ๊ตได้ตัดสินใจทิ้งเงินแสน

ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่มีอะไรดีขึ้นเพราะงานจ้างก็ยังคงเท่าเดิม จนเจ้าตัวคิดว่าจะเลิกร้องเพลง แต่สุดท้ายก็มีตัวละครสำคัญที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของชายที่ชื่อ โอ๊ต ปราโมทย์

ตัวละครที่ว่าก็คือ พลอย หอวัง ซึ่งทั้งสองรู้จักกันได้จากการแนะนำของเป๊ก เปรมณัช และด้วยคาแรคเตอร์ของโอ๊ตปราโมทย์ บวกกับความสามารถที่หลากหลาย พลอยหอวังจึงตัดสินใจชวนโอ๊ตมาทำ รายการ Paloy’s Diary ซึ่งหลังจากทำได้ไม่นานรายการก็เริ่มเป็นกระแสในโลกออนไลน์จนทำให้โอ๊ต ปราโมทย์ โด่งดังในขั่วข้ามคืน และในภายหลังโอ๊ตปราโมทย์ได้เริ่มเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์และเค้าได้โอกาสจาก WhiteMusic อีกครั้งกับบทบาทการเป็นนักร้อง ซึ่งในขณะเดียวกันเจ้าตัวก็เริ่มทำรายการคนหน้าหมีร่วมกับเพื่อนซี้อาร์ต มารุต นอกจากนี้ยังมีรายการ จันทร์ช็อคโลก ที่เจ้าตัวเป็นดีเจร่วมกับ อาร์ท มารุต แต่พอเจ้าตัวเริ่มจริงจังกับการทำรายการออนไลน์มากขึ้น โอ๊ต จงตัดสินใจที่จะออกจาก WhiteMusic และเอาเวลามาทุ่มเทให้กับ โคตรคูล อย่างเต็มที่ และปัจจุบันได้จดทะเบียนเป็น บริษัท โคตรคูล จำกัด

หลังจากที่โอ๊ต ปราโมทย์ตัดสินใจเปิดบริษัทจริงจังเจ้าตัวก็ผันตัวมาเป็น ceo อย่างเต็มรูปแบบโคตรคูลได้เดินหน้าผลิตคอนเทนท์ออกมามากมายไม่ว่าจะเป็นรายการสุดอิตอย่าง จีบหนูหน่อย ที่ได้รางวัล Thailand Zocial Award และรายการ คนหน้าหมี หมีพาซิ่ง แคมป์ปลิ้น ซึ่งทุกรายการถือว่าประสบความสำเร็จในระดับนึง และทำให้ โคตรคูล เริ่มขยับขยายบริษัท มีการว่าจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ผลงานส่วนตัวของโอ๊ต ปราโมทย์เองก็ยังมีเข้ามาแบบไม่ขาดสายไม่ว่าจะเป็นงานซีรีส์ ภาพยนต์ พิธีกร หรืองานร้องเพลง แต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดอยู่กับที่และเดินหน้าต่ออย่างเต็มที่ในการทำคอนเทนท์ จนล่าสุดในช่วงโควิด-19 โอ๊ตเองก็ได้มีเวลาเล่นเกม GTA กับเพื่อน และได้เปิดเซิฟเวอร์ โคตรคูล ทาวน์ ในเกม GTA ซึ่งเจ้าตัวจริงจังถึงขั้น จดทะเบียนบริษัทในชื่อ โคตรคูล เกมมิ่ง ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ซึ่ง โคตรคูล ทาวน์ เองก็เป็นอีกหนึ่งเซิฟเวอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มของคนเล่น GTA Roleplay เพราะต่างก็มีเหล่าดารา นักแสดง เข้ามาร่วมเล่น

และล่าสุด ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2564 โอ๊ต ปราโมทย์ ได้เดินหน้าเปิดบริษัท โคตรคูล มิวสิค ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท และเตรียมเดินหน้าทำค่ายเพลงอย่างเต็มรูปแบบ ถ้าหากว่าทุกคนได้อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วคงจะรู้ได้ว่า กว่าที่โอ๊ต ปราโมทย์จะเดินทางมาถึงวันนี้นั้นมันไม่ง่ายเลย เพราะตลอดชีวิตของการเป็นศิลปินในแกรมมี่นั้นก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ จนเจ้าตัวคิดว่าอยากจะเลิกร้องเพลง เพราะทุกความสำเร็จต่างก็ต้องใช้เวลา และในวันนี้ทุกอย่างที่โอ๊ต ปราโมทย์ ทำมาด้วยความมุ่งมั่น และความพยายาม มันได้ออกดอกออกผลแล้ว และทุกท่านคงเห็นได้ชัดแล้วว่าเค้ากำลังประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นอย่างมาก

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า