18 เดือนที่มีการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโคโรนาไวรัส หลายประเทศมีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูง ทำให้หลายประเทศมีการตัดสินใจในการเปิดประเทศและใช้ชีวิตร่วมกับโควิด วันนี้ Modernist จะพาทุก ๆ ท่านไปสำรวจ 5 ประเทศที่เตรียมจะเปิดประเทศและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด โดยเป็นที่น่าจับตามองต่อไปว่า พวกเขาจะมีการจัดการอย่างไร
1.ประเทศเดนมาร์ก
เดนมาร์กเป็นประเทศแรก ๆ ในยุโรปที่ประกาศยกเลิกมาตรการโควิด-19 ทั้งหมด เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า “โควิดไม่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงของสังคมเดนมาร์กอีกต่อไป” ปัจจุบันชาวเดนมาร์กได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว ทุกคนสามารถเข้าไนท์คลับและร้านอาหารได้โดยไม่ต้องโชว์พาสปอร์ตวัคซีน ใช้ระบบขนส่งสาธารณะโดยไม่ต้องใส่หน้ากาก รวมกลุ่มขนาดใหญ่ในที่สาธารณะได้ จากข้อมูลของ Our World in Data ณ วันที่ 14 กันยายน ประชาชนชาวเดนมาร์กกว่า 74% ได้รับวัคซีนครบแล้ว ถึงแม้เดนมาร์กปลอดภัยจาก COVID-19 แล้ว แต่ทางการก็ยังไม่ชะล่าใจ และยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อตอบสนองต่อโรคระบาดได้อย่างทันท่วงที
2.ประเทศสิงคโปร์
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศแผนที่จะใช้ชีวิตร่วมกับโควิด โดยพยายามควบคุมการระบาดด้วยการกระจายวัคซีนและติดตามการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลแทนการจำกัดสิทธิ์ของประชาชน ทางรัฐบาลเองก็ยอมรับว่าโควิด-19 อาจไม่หายไปไหน และต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน เมื่อโควิดสายพันธุ์เดลตาระบาดทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศมีมากขึ้น ทำให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวว่าอาจจะกลับมาใช้มาตรการจำกัดกิจกรรมเพื่อควบคุมโควิดอีกครั้งหลังจากที่เริ่มผ่อนปรนมาตรการในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้สิงคโปร์ดำเนินนโยบาย ‘Covid Zero’ โดยจำกัดกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเข้มงวดก่อนที่จะเปลี่ยนแผนจนเป็นประเทศหนึ่งที่มีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดสูงมากแห่งหนึ่งของโลก จากข้อมูลของ Our World in Data ณ วันที่ 14 กันยายน กว่า 81% ของประชากรทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
3.ประเทศไทย
ถึงแม้ประเทศไทยจะฉีดวัคซีนช้าแต่ก็มีแผนที่จะเปิดประเทศ ช่วงแรกมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักกันในเมืองท่องเที่ยวของประเทศ อาทิ ภูเก็ต และเกาะสมุย ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ต่อมามีแผนจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเติมในเดือนตุลาคม ใน 5 จังหวัด ตามแผนระยะที่ 2 โดยมี 4 จังหวัดที่พร้อมเปิดในวันที่ 1 ตุลาคม ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ส่วนกรุงเทพฯ นั้นจะเปิดในวันที่ 15 ตุลาคม แต่ประชาชนที่ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มตามข้อมูลของ Our World in Data ยังคงน้อยอยู่ ซึ่งมีเพียงแค่ 19% รวมถึงยังมีประชาชนไม่น้อยที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว
4.ประเทศแอฟริกาใต้
วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซาได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ลง เนื่องจากอัตราการติดเชื้อในประเทศลดลง เช่น ได้ปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็น 23.00 น. จนถึงเวลา 04.00 น. ลดข้อจำกัดในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การอนุญาตให้ผู้คนรวมตัวกันในที่สาธารณะจำนวนที่มากขึ้นจเพื่อให้พรรคการเมืองสามารถหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งเทศบาลในต้นเดือนพฤศจิกายนได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังได้เตือนประชาชนว่าการระบาดยังไม่จบลง และประเทศยังมีปริมาณวัคซีนเพียงพอที่จะครอบคลุมประชากรทั้งหมด แต่อัตราการได้รับวัคซีนยังคงต่ำอยู่เพียงแค่ 13% เท่านั้น โดยรัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนนั้นฉีดวัคซีนและทำตามมาตรการต่าง ๆ ที่ยังคงอยู่เพื่อให้ประเทศเข้าสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็วที่สุด
5.ประเทศชิลี
ประเทศชิลีได้มีแผนจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยจะต้องกักตัวเป็นเวลา 5 วัน เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในช่วงฤดูร้อนของซีกโลกใต้ หลังจากอัตราการฉีดวัคซีนที่ประสบความสำเร็จ เพราะมีประชาชนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วกว่า 87% นอกจากนี้ยังมีการอนุมัติการฉีดวัคซีนจีน Sinovac สำหรับเด็กที่อายุมากกว่า 6 ปีขึ้นไปด้วย
นับจากนี้เรายังคงต้องจับตามองต่อไปว่าแต่ละประเทศจะมีการเปิดประเทศตามแผนได้หรือไม่ รวมถึงมีการปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19 ต่อไปอย่างไร เมื่อสถานการณ์โควิดยังคงแพร่ระบาดอยู่แบบนี้
ที่มา:
https://thestandard.co/key-messages-denmark-loosen-all-covid-measures/
https://edition.cnn.com/2021/09/07/asia/singapore-covid-19-restrictions-intl-hnk/index.html
https://ourworldindata.org/covid-vaccinations
https://thaiontours.com/phuket-sandbox