fbpx

Memoria เมื่อความฝันมีตัวตน และความตายไม่ต่างกับการดำรงอยู่

ปัง! แรกที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ คงคล้ายเสียงไม้หวายพันเทปของอาจารย์ฟาดลงบนโต๊ะ เป็นสัญญาณก่อนที่เข้าสู่บทเรียน

Memoria ของเจ้ย-อภิชาตพงศ์ วีระเศรษฐกุล พาเราลงไปสำรวจ ‘เสียง’ ที่กำลังดำเนินอยู่ในโลก จนกระทั่งเสียงที่สิ้นสุดไปแล้ว เสียงเอี๊ยดอ๊าดของเก้าอี้ไม้เก่า ๆ เสียงแตรรถที่ไร้ทิศทาง เสียงกางเกงยีนส์ที่เสียดสีกับผ้าปูที่นอน เสียงแม่น้ำเชี่ยว ๆ กับลมแรง ๆ กระทั่งเสียงของเจสสิกา (Tilda Swinton) ที่ไม่แน่ใจในความเป็นจริงของเธอ

แม้ความหมายของ ‘เสียง’ จะไม่ได้กระจ่างชัด แต่อภิชาตพงศ์ทัวร์ครั้งนี้หรรษา ลึกลับ พาหัวระเบิดอย่างที่สุด และการมีอยู่ของเสียงเหล่านี้เป็นหลักฐานสำคัญ ที่ทำให้เสียงปรบมือกว่า 14 นาทีเกิดขึ้นในคานส์

การมีอยู่ของ ‘เสียง’ ใน Memoria เด่นชัดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สิ่งที่ชวนให้ข้าพเจ้าสนใจไม่แพ้กันคือ ‘การมีอยู่ของเสียงนั้น ๆ นำพาไปสู่อะไรบ้าง’ โดยมีเจสสิกาเป็นไกด์นำทางไปพร้อมกับความฉงน ใคร่รู้ในจิตใจของเธอ

ในภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง เสียงหลายเสียงถูกจัดว่าเป็นเสียงรบกวน และไม่พึงประสงค์ที่จะอยู่ในภาพยนตร์ อย่างเช่น เสียงพูดคุยของตัวละครแวดล้อม เสียงแตรรถ เสียงเอี๊ยดอ๊าดของเก้าอี้ที่รบกวนการพูดคุยของตัวละคร กระทั่งเสียง ‘ปัง!’ ชวนสะดุ้งที่มักจะพบได้ในหนังผีสยองขวัญ แต่ใน Memoria เสียงจำพวกนี้สลักสำคัญ และมีตัวตนเสียจนข้าพเจ้าอยากหาคำตอบจากอภิชาตพงศ์ว่ามันคืออะไรกันแน่ แม้ข้าพเจ้าจะเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าคงไม่มีคำตอบที่แน่นอน มากไปกว่าประสบการณ์ภายในความทรงจำของแต่ละผู้ชม

และเมื่อการเดินทางเริ่มขึ้น เสียงต่าง ๆ เป็นเหมือนเครื่องมือ ที่กระเทาะเปลือกนอกของร่างกาย เผยให้เห็นความทรงจำภายใน ที่มีทั้งสิ่งเน่าเฟะ หรืองดงามด้วยสายตาที่ไม่ตัดสิน และมองด้วยความใคร่รู้อย่างไม่เสแสร้ง จนความทรงจำนั้นตอบสนองกับทุกการกระทำของตัวละครได้อย่างสุดฤทธิ์

ขณะเดียวกัน ‘เสียง’ เด่นชัดเสียจนก่อตัวเป็นรูปร่าง มีพื้นที่และจับต้องได้ เสียงกลายเป็นมนุษย์ มีผัสสะและความรู้สึกนึกคิด จน ณ ขณะหนึ่งของภาพยนตร์ ข้าพเจ้าไม่อาจแยกได้ว่าสิ่งไหนคือความจริง หรือสิ่งไหนเป็นเพียงความทรงจำ และสิ่งนี้คือเสน่ห์อย่างร้ายกาจของ Memoria ที่สามารถสร้างประสบการณ์ทางภาพยนตร์ได้แปลกใหม่ และยากที่จะมีใครเหมือน

ความไม่แน่ใจในความจริงของภาพยนตร์ที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นความจริง ได้หายไปจากจอภาพยนตร์ เหลือเพียงความฉงนสงสัยที่ทั้งข้าพเจ้าและเจสสิกาต่างมีร่วมกัน เรื่องราวอาจเกิดขึ้นเพียงเพราะการเดินละเมอของเจสสิกา ทุกเหตุการณ์ ทุกตัวละคร อาจเป็นเสี้ยวของความจริงบางอย่าง หรือความรู้สึกที่ไม่อาจแสดงออกได้ด้วยกายเนื้อ จึงแสดงทุกสิ่งอย่างผ่านความฝัน ซึ่งเป็นพื้นที่ ๆ ความทรงจำสามารถโลดแล่นได้อย่างเต็มที่

‘ความฝัน’ ใน Memoria จึงเปรียบเสมือนความทรงจำตกค้างภายในจิตใจ ที่รอคอยวันเวลาให้ถูกนึกถึง และความรู้สึกของความฝันแรงกล้าเสียจนก่อเกิดเป็นเสียงพูดคุย เสียงลม เสียงฝน กระทั่งเสียงปัง! และรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นตัวตนที่มาโต้ทัศนะกับเรา

และเมื่อความทรงจำได้แสดงตนอย่างเต็มที่ เนื้อแท้ของความรู้สึกก็จะเปิดเผย และการแสดงของ ‘ทิลดา สวินตัน’ ทำให้ความรู้สึกตรงนั้นพรั่งพรู่ออกมาอย่างไม่รู้จบ

อีกหนึ่งสิ่งที่แนบสนิทกันจนไม่เห็นรอยต่อใน Memoria คือ ความตายและชีวิต แม้จะเต็มไปด้วยการกระเสือกกระสนโหยหาการมีอยู่ แต่ก็แตกสลายลุ่ยหลุดในเวลาเดียวกัน และ ถึงเป็นการร่วงโรยของชีวิตหรือแวดล้อม แต่เหมือนว่าบางสิ่งกำลังงอกงามอยู่เบื้องหลัง 

ใน ณ ขณะหนึ่ง การมีชีวิตหรือความตาย 

ไม่ได้สลักสำคัญมากไปกว่าเราดำเนินอยู่ในโลกเพื่ออะไร

‘เจสสิกา’ เป็นเหมือนภาพแทนความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์ จนความอยากนั้นนำพาเธอไปเห็นถึงจุดสิ้นสุดของอารยธรรม นั่นก็คือ ความตาย แต่ด้วยพลานุภาพของภาพยนตร์ และในโลกของภาพยนตร์ ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดที่ว่า แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ

ขณะเดียวกัน ตัวละครอย่าง ‘เฮอร์นัน’ นั้นเป็นขั้วตรงข้ามกับเจสสิกาอย่างสิ้นเชิง การมีอยู่ของพวกเขาราบเรียบไปกับพื้นน้ำ สูงต่ำไปตามแนวเขา และไม่ถูกชี้นำด้วยอะไรทั้งสิ้น การรับรู้ของพวกเขาถึงที่สิ้นสุด ที่รับรู้ได้แม้กระทั่งความตายของพวกเขาเอง

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อแนวทางของตัวละครต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่ก็แนบสนิทไร้รอยต่อ ทำให้ข้าพเจ้าไม่มั่นใจในความจริงของภาพยนตร์ หรือเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงการฉายภาพโดยจิตวิญญาณของเจสสิกา ซึ่งทำให้ทุกความทรงจำมีตัวตน กลายเป็น ‘เฮอร์นัน’ ที่เราเห็นในภาพยนตร์

ทัศนะของภาพยนตร์ที่มีต่อชีวิตและความตาย จึงเป็นการเปลือยทุกสิ่งอย่างให้เราเลือกมอง เลือกหยิบและจับผ่านประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ชมเอง แม้สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่อภิชาตพงศ์ทำมาตลอดในภาพยนตร์ของเขา แต่ใน Memoria นั้นรุนแรงจนเราแทบแน่นิ่งไปกับเก้าอี้โรงหนัง

ในท้ายที่สุดนั้น ข้าพเจ้าได้เชื่อมโยงกับตัวละครบางตัวอย่างคาดไม่ถึง การมีอยู่ของตัวละครพาข้าพเจ้าตระหนักถึงความธรรมดาของชีวิต ความไม่แน่นอนของโลก และ ณ ขณะที่ข้าพเจ้าเขียนอยู่นี้ ก็มีบางส่วนในใจที่รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของอภิชาตพงศ์จนไม่กล้าเขียนถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ Memoria ได้บอกให้ข้าพเจ้าแสดงความทรงจำนั้นออกมาเถอะ จะร้ายหรือดีอย่างไร จะมีเสียงฝน และเทือกเขานับพันโอบกอดเราไว้อยู่ดี

กว่า 2 ชั่วโมง โดยรวมของภาพยนตร์ ก็ยังเป็นฝีไม้ลายมือของเจ้ยที่หาตัวจับได้ยากเหลือเกิน แม้จะเป็นภาพยนตร์ต่างประเทศ​ แต่กลิ่นอายของอภิชาตพงศ์ยังคงแน่นและชัดเจนในแนวทาง ได้เห็นเทคนิคทางภาพยนตร์ที่อาจจะไม่ค่อยได้เห็นนักในภาพยนตร์เรื่องอื่นของเขา และอภิชาตพงศ์ยังเป็นนักทำหนังที่คุกครุ่นไปด้วยมิติการเมืองที่คมคาย ควรค่าแก่การเสพและศึกษา นี่จะเป็นภาพยนตร์ที่คุ้มค่าแก่เงินและเวลาสำหรับผู้ชมทุกคน

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า