หลังจากการแข่งขันอันเข้มข้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาของเด็กฝึก 35 คน ที่ต้องพิสูจน์ทั้งความสามารถทั้งการร้อง การเต้น การแรป การพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งภายใต้ความกดดัน การรับมือกับโจทย์ต่างๆ และการเอาชนะใจตัวเองรวมถึงแฟนคลับ วันนี้ LAZiCON ไอคอนป๊อป ตัวท็อปเดบิวต์ ได้ผู้ชนะทั้ง 5 คนที่เตรียมจะเดบิวต์ให้แฟนๆ และประชาชนได้พิสูจน์ฝีมือของพวกเขาแล้ว
หลังจากการแข่งขันเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 9 มกราคมที่ผ่านมาจบลง เมื่อผ่านพ้นโมงยามแห่งความฝันที่กลายเป็นจริงในพริบตา และต้องตื่นมาใช้ชีวิตกันต่อไปในวันใหม่ 4 ผู้ชนะจากรายการทั้งออฟโรด-กันตภณ จินดาทวีผล, ไดร์ม่อน-ณรกร ณิชกุลธนโชติ, เจลเลอร์-กฤติมุก จันทร์ชื่น และ เป็นต่อ-จีรภัทร พิมานพรหม ได้อยู่ตรงหน้าเราตามนัดหมายที่ช่องวัน 31 จัดสรรไว้
ใช่, และเราทราบว่าต้าห์อู๋-พิทยา แซ่ฉั่ว ผู้ชนะอีกหนึ่งคนไม่สามารถร่วมให้สัมภาษณ์กับเราได้ตามคำแนะนำของคุณหมอ แต่เราก็อุ่นใจที่เราได้คุยกับเขาผ่านหน้าจอออนไลน์ ซึ่งคุณสามารถติดตามสกุ๊ปสั้นๆ นี้ได้ท้ายบทความในอีกไม่กี่อึดใจ
แน่นอน, พวกเขาไม่เชื่อตัวเองเลยว่าความฝันที่ต่างรอคอยมาตลอดระยะเวลาแห่งความพยายามจะกลายเป็นจริงแล้ว
เบื้องหน้าของเราคือเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อเราถามไถ่ถึงเรื่องราวตลอดการแข่งขันที่ลากยาวกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา ต่อให้ชีวิตวัยรุ่นของพวกเขาจะหายไปเพื่อต้องทุ่มเทกับการทำตามความฝันในครั้งนี้ แต่ระหว่างทางมันมีทั้งมิตรภาพของเพื่อนที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน พลังความรักจากแฟนคลับที่ส่งต่อให้พวกเขาอย่างหนาแน่น และปลายทางที่ไม่มีใครเห็นเลยว่าเส้นทางในวงการบันเทิงจะไปต่อทางไหน
แต่เราคงจะขอโอกาสแทนน้องๆ ผ่านการฟังปากคำของพวกเขา ให้พวกเขาได้เป็นที่หนึ่งในใจของเธอ
เธอที่หมายถึงคุณๆ ทุกคน ที่กำลังเปิดหน้าเว็บและอ่านเรื่องราวของพวกเขานี่แหละ
ทำไมถึงตัดสินใจทำตามความฝันของตัวเองผ่านการแข่งขัน LAZiCON
ออฟโรด : ตอนแรกผมไม่รู้ว่ามีรายการประกวดบอยแบนด์ เคยได้ยินแต่ของต่างประเทศ รู้มาบ้างว่าการเป็นบอยแบนด์เป็นยังไง แต่ไม่ได้เสพขนาดนั้น เพราะว่าส่วนตัวออฟโรดมาสายนักแสดง ที่ Atime 26 เราแคสมาเป็นนักแสดง แล้วค่ายเห็นโอกาสตรงนี้ เนื่องจากถ่ายทำไม่ได้ช่วงโควิด-19 จนค่ายบอกว่ามันมีรายการนี้นะ ลองส่งชื่อไปมั้ย ลองดู แต่ผมเครียด เพราะผมยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรขนาดนั้น ผมชอบการแสดงประมาณหนึ่ง แต่ผมยังไม่เคยลองฝั่งบอยแบนด์เลย ทักษะเต้นของผมเป็นศูนย์ ทักษะร้องก็ไม่ได้ฝึกขนาดนั้น ผมมีความกลัวเยอะ เพราะมารายการนี้ คนอื่นพร้อม มีทักษะเยอะ แล้วผมไม่มีทักษะ ไม่เคยเรียน ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย ผมจะไหวมั้ยกับรายการนี้ แต่ถ้าเราไม่ตั้งใจกับมันสักครั้ง จะรู้ได้ยังไงว่าเราไปได้ไกลแค่ไหน เลยลองมาเต็มที่กับรายการนี้ดู
ที่ค่าย Atime 26 ส่งผมมา เขาเห็นอะไรบางอย่างในตัวออฟโรด เห็นความเป็นนักสู้ เพราะรายการนี้ต้องใช้ความพยายาม ความอดทนสูงมาก ความกดดัน ความเครียดอะไรต่างๆ มากมาย พอมารายการนี้ ได้เจอเพื่อน ได้พัฒนาตัวเองขึ้นมา ผมมีความสุขมาก ต่อให้มันจะเหนื่อย ต่อให้มันจะท้อ แต่ผมก็ไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาตนเอง ผมไม่เคยคิดเลย ที่ต้องได้เดบิวต์ ได้อันดับดีๆ ผมโฟกัสอย่างเดียวคือการทำสเตจให้ดีที่สุด เพราะผมเคยมีความฝันตอนเด็กๆ ว่าผมอยากมีผลงานใน Youtube อยากมีผลงานให้คนอื่นได้เห็น คือสิ่งที่ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก สุดท้ายแล้วผลนั้นมันจะส่งกลับมาให้เราเอง
ไดร์ม่อน : ได้แข่งขันรายการหนึ่ง และผิดหวังกลับมา เราท้อ เพราะว่าเราทำได้ไม่ดีพอ เราก็ไม่อยากที่จะทำแล้ว แต่เหมือนมีคนแนะนำว่าจะมีรายการบอยแบนด์เกิดขึ้น เลยลองดูสักครั้งก็ได้ เผื่อเราจะได้เป็นศิลปินอย่างที่เราชอบ เพราะก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ติดเกมมาก เล่นวันละประมาณ 14-15 ชั่วโมง มารายการนี้เราได้เจอมิตรภาพ ได้เจออีกครอบครัวนึงเลย รู้สึกดีมากๆ ครับ ที่เข้ามารายการนี้ จากตอนแรกเป็นเด็กฝึกอิสระครับ
เป็นต่อ : เป็นต่อเกือบจะไม่ได้มาเข้าร่วมรายการนี้แล้ว เพราะว่าเป็นช่วงที่เป็นต่อเปิดเทอมพอดีฮะ ด้วยความที่เป็นต่อเป็นเด็กทุนอยู่ที่จีน และเหมือนเราขาดเรียนไม่ได้เลยในช่วงที่มีตารางเรียน เราก็ขอดูตารางจากพี่ๆ ทีมงาน ซึ่งมันแน่นมาก เราอยู่ด้วยกัน เราซ้อมกันทุกวัน ถ่ายทำกันเกือบทุกสัปดาห์ ซึ่งมันตรงกับตารางเรียน ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าร่วมรายการจึงเครียดมาก คุยกับทีมงานตลอดว่าเอายังไงดี สุดท้ายแล้วมันเป็นโอกาสหนึ่ง แต่อย่างน้อยมันเป็นโอกาสหนึ่งที่ลองทำมาตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ซ้อมกับที่บริษัท เพราะฉะนั้นเลยตัดสินใจเข้าร่วมรายการนี้ ตอนแรกมีแผนไปจีน แต่ว่าด้วยสถานการณ์ต่างๆ ครับ มันต้องรอโอกาสอยู่ และก็มีรายการนี้ขึ้นมาครับ
เจลเลอร์ : เจลเลอร์เคยเดบิวต์ไปแล้วรอบนึง แล้วทีนี้วงไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เลยมีการแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง แยกย้ายที่จะไปจีนเหมือนเป็นต่อครับ แต่น่าจะคนละรายการกัน ด้วยสถานการณ์ต่างๆ เลยไม่ได้ไปครับผม จึงว่างยาวเลยครับ จนไฟแทบจะหมด จนมีเพื่อนมาชวนคือตะแตม (สิรวุฒิ สายคำติ่ง) กับต้าห์อู๋เข้ามาชวน เลยลองสมัครดู
การเจอกันครั้งแรก และการแข่งขันสเตจแรกของแต่ละคนเป็นยังไงบ้าง
เจลเลอร์ : เจลกับออฟโรดอยู่เพลงเดียวกัน (Fire-Buddha Bless) เข้ามาตอนแรก เราก็จะงงๆ กันหน่อย ออฟโรดตอนเจอกันครั้งแรก ชวนคุยเก่งมาก คุยตลอดเลย เขาเก่ง ในความหมายของความพยายาม มีน้อยคนที่จะทำได้แบบเขา เขาอดทนครับ
เป็นต่อกับเจลเจอครั้งแรกตอนเทรนครับ น้องเป็นคนน่ารักครับผม ส่วนไดร์ม่อน เขาเป็นเด็กต่างจังหวัด กว่าเขาจะเข้ามาได้ต่างๆ เหมือนเขามาช้ากว่าเพื่อน พูดเหน่อมาเลย สำเนียงราชบุรีครับ เอ็นดู ต้าห์อู๋เคยมาออดิชันเป็นบอยแบนด์วงเดียวกับเจล เจอกันที่นั่นครั้งแรกก่อน LAZiCON ครับ ได้คุยกันผ่านโซเชียลมีเดียช่วงนั้น รู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น
ออฟโรด : ตอนแรกเจอแค่เด็กในกลุ่มที่เทรนด้วยกัน พอเริ่มรวมกัน ได้เจอกลุ่มอื่น เจอไดร์ม่อน วันแรกใส่แว่นสายตา คาดผมยาวๆ ใส่เสื้อกล้าม เล่นเกมโทรศัพท์ เป็นเด็กติดเกมครับ
ของพี่เจลเลอร์ คือเห็นหน้าบ่อย ดูทรงแล้วเก่งแน่เลย ย้อมสีผมนกแก้ว (หัวเราะ) ต้องมั่นใจแน่เลย มีความเป็นบอยแบนด์สูง น่าจะเก่ง เป็นคนแปลก เขาจะเก็บทรง ไม่ค่อยคุยช่วงแรกๆ ส่วนเป็นต่อ เจอครั้งแรกคนนี้มันน่ารักจังนะ มีเสน่ห์ อยากเข้าไปกอด หน้าสวยมาก เข้าไปแล้วได้รับพลังบวกจากเขา
ส่วนครั้งแรกของพี่ต้าห์อู๋ สัมภาษณ์เสียงดังมาก พูดถึงเรื่อง “นารูโตะ ร่ายคาถาได้นะพี่” (หัวเราะ) ทำมือต่างๆ เขาเป็นคนพลังเยอะ พูดเยอะ งงๆ กับพี่เขา ไม่คิดว่าจะมาสนิทกันขนาดนี้ครับ
ไดร์ม่อน : เจอพี่ออฟโรดครั้งแรก ในมุมมองนะ เต้นเก่ง (หัวเราะ) เขาใส่เสื้อกล้าม มีกล้ามแขน พี่ออฟโรดเป็นคนที่มีความพยายามสุดยอดอะ มีความมุ่งมั่น มันเป็นพลังของผมจริงๆ นะ พลังบวกด้วย พี่ทำได้ขนาดนี้ ผมก็ต้องทำได้
เจอพี่เจลเลอร์ครั้งแรก เอาจริงๆ กลัวนะ เพราะเขาเป็นคนที่แบบนิ่งๆ ย้อมผมหลายสีมา เด็กโคฟเวอร์ป่าวนะ ของเป็นต่อ เป็นคนที่น่ารักมากเลยอะ บอกไม่ถูกเลย ยิ้มน่ารักมาก ส่วนพี่ต้าห์อู๋ ผมกลัวเหมือนกัน พี่ต้าห์อู๋เป็นนิ่งมากในช่วงแรกๆ ครับ
ก่อนหน้านี้เราคุยกับต้าห์อู๋ผ่านซูม เขาดูเรียบร้อยดีนะ
ทุกคนพูดพร้อมกัน : ไม่จริงครับ (หัวเราะ)
เจลเลอร์ : เขาอยู่ในห้องคนเดียวเท่านั้นแหละ
ต้าห์อู๋คัดจีนได้เป็นเล่มๆ เพื่อรอเป็นต่ออาบน้ำ เพราะอาบน้ำนานมาก จริงหรือไม่
เป็นต่อ : (หัวเราะ) ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี (หัวเราะ) จริงๆ เป็นคนอาบน้ำเร็ว แต่แปรงฟันนานฮะ ตอนเราอยู่ในห้องน้ำเรารู้สึกว่ามันส่วนตัว ชอบเล่นโทรศัพท์ ชอบทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตในห้องน้ำ (หัวเราะ)
ไดร์ม่อนง่วงตลอดเวลา หรือเก็บทรง
ไดร์ม่อน : เก็บทรงครับ (หัวเราะ) ไม่แน่ใจเหมือนกัน น่าจะเป็นเพราะว่าเราอยากจะนอนเพราะง่วง แต่เวลาอยู่บนสเตจเราทำให้ดีที่สุดครับ
ออฟโรดเป็นคนขี้บ่นมากๆ จริงหรือไม่
ออฟโรด : บ่นในที่นี้คือพูดกับตัวเอง แต่ไม่ได้ไปบ่นจู้จี้จุกจิกครับ คุยคนเดียวครับ (หัวเราะ) คือผมเป็นคนเจ้าระเบียบมาก ผมอยู่ห้องกับรูมเมท อะไรที่ผมเห็นว่าวางไม่เป็นที่เป็นทาง โดยที่ผมไม่ได้ทำเอง ผมรู้สึก เฮ้ย ทำไมมาวางตรงนี้นะ ทำไมไม่เก็บให้มันดี ไม่เอาไม้แขวนไปเก็บ เป็นอารมณ์คุยคนเดียวครับ เพราะผมอยู่กับรูมเมท แต่ส่วนใหญ่เขาจะไปข้างนอก เลยบ่นคนเดียวติดเป็นนิสัยเลย เป็นคนเหงาคนหนึ่งครับ
เจลเลอร์มีสองโหมด ง่วง 100 เปอร์เซ็นต์ กับดีด 100 เปอร์เซ็นต์ จริงหรือไม่
เจลเลอร์ : จริงครับ อย่างช่วงที่ดีดก็จะเป็นช่วงที่นอนเต็มอิ่ม วันที่นอนเกิน 5 ชั่วโมงครึ่งไป มันจะมีพลังงานเยอะมากทั้งวัน พอมืดๆ มาเริ่มดาวน์ลงเรื่อยๆ (หัวเราะ) เริ่มง่วง
วันแข่ง Final Stage พวกคุณรู้ผลกันมาก่อนมั้ย
เจลเลอร์ : ไม่รู้นะ เราอาศัยเดา (หัวเราะ) เราไม่มีการรู้คะแนนล่วงหน้าอยู่แล้วครับ คะแนนปิดเป็นความลับตั้งแต่เปิดโหวตเลย
ออฟโรด : กระแสหลายๆ อย่างที่ผ่านมามันน่ากลัวมาก ยิ่งไฟนอลสเตจ พลังของแฟนคลับ ทำให้เราคาดเดายากกว่าเดิมว่าอันดับจะเหวี่ยงไปขนาดไหน คนที่คะแนนเหวี่ยงมากๆ คือพี่เจลเลอร์ คะแนนโหวตของพี่เจลเลอร์มันค่อนข้างสวิงใน 2 รอบสุดท้ายของรายการ
เจลเลอร์ : คะแนนเจลเลอร์มันค่อยๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ คาดเดายากครับ
ออฟโรด : ดูตัวอย่างง่ายๆ จากไดร์ม่อน จากอันดับ 10 มาอันดับ 3 สวิงมากครับ
ไดร์ม่อน : คิดไม่ถึงว่าคะแนนจะกระโดดขนาดนี้ครับ
เมื่อพวกคุณเป็นผู้ชนะของรายการ มองกลับมาแล้วพวกคุณได้อะไรบ้าง
เป็นต่อ : นอกจากเรื่องมิตรภาพ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือทักษะครับ ร้อง เต้น รวมทั้งประสบการณ์ด้วย จากคนไม่เคยขึ้นเวทีเลยสักครั้ง ทุกคนเห็นแน่นอนว่าพัฒนาไปได้ไกลขนาดไหนในทุกด้าน ถ้าถามว่าได้อะไรจาก LAZiCON บ้าง คือทุกอย่าง ความรู้ ความสามารถ มิตรภาพ ความอบอุ่น มันพูดวันนี้ไม่หมดอะ
ออฟโรด : ได้หมดเลย คือมารายการนี้ออฟโรดรู้สึกว่ามันคือการแข่งขัน ด้วยเกม ด้วยอะไรที่มันบีบบังคับให้เราต้องแข่งกัน ให้เราต้องกดดัน แต่สุดท้ายแล้วมันทำให้มิตรภาพของเราหายไปไม่ได้หรอก เพราะการที่เราซ้อมด้วยกันทุกวัน เจอกันทุกวันตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวัน มันทำให้เราผูกพัน เราสนิทกัน แล้วยิ่งเราร่วมสเตจด้วยกันอีก การคุยกัน การเข้าใจกัน การได้มาปรึกษากัน ยิ่งทำให้เราสนิทขึ้นไปอีก
3 เดือนนี้ มันเป็นระยะเวลาที่สั้นก็จริง แต่มันทำให้เราเหมือนอยู่ด้วยกันนานมากๆ เหมือนเจอกันมานานมาก รู้จักกันดี อย่างที่ไดร์ม่อนบอก LAZiCON มันคือครอบครัว มันคือความทรงจำดีๆ ในช่วงชีวิตนึงเลยก็ว่าได้ ว่าครั้งนึงเราเคยได้มาประกวดรายการนี้ เราได้มาเจอเพื่อนดีๆ แบบนี้ ทั้ง 34 คน ได้มีผลงานใน Youtube มีความทรงจำเยอะมาก นี้แค่ส่วนหนึ่งของรายการ ไม่ใช่พาร์ทที่คุยนอกรอบ หรือเราไปเที่ยวด้วยกัน มันต่อยอดไปเรื่อยๆ มิตรภาพของเราไม่จบแล้วอะ รวมทั้งแฟนคลับครับ
ไดร์ม่อน : ได้เจอพี่ๆ ทุกคน ได้ทักษะอะไรเยอะแยะ ได้ความรู้ ได้ครอบครัว กลมกล่อมจริงๆ เราพยายามมาจนถึงตรงนี้ ขอบคุณทุกคนมากๆ จริงๆ ครับ ขอบคุณรายการ LAZ iCON ที่มีรายการดีๆ แบบนี้ ได้เจอพี่ๆ ทั้ง 34 คน ที่คอยสนับสนุนไดร์ม่อน และคอยสอนทุกเรื่องเลย
เจลเลอร์ : มันจะมีเรื่องของการให้ความรู้กันด้วยครับ เรียนรู้กันไปด้วยในตัว อย่างพาร์ทร้อง จะมีบางคนที่เขาเก่งร้องมาก คอยสอนกัน บางคนเก่งแร็ปมาก เขาก็จะคอยแบ่งปันกัน ใช้ไรม์ประมาณไหน หรือต้องมีการใช้คำประมาณไหนมันถึงจะออกมาดี กลายเป็นความผูกพันครับ
ความพยายามสอนอะไรพวกคุณบ้าง
ออฟโรด : ความพยายามไม่สูญเปล่า ถ้าเราใส่ความพยายามเข้าไป ผมตอบรับมันจะกลับมาในทางที่ดีแน่นอน ไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็ตาม
เจลเลอร์ : เต็มที่ เท่ากับไม่เหนื่อยฟรี
เป็นต่อ : ความพยายามทำให้เรารู้จักคำว่าเหนื่อยมากขึ้น ว่าการเหนื่อยมันคุ้มค่าแค่ไหน
ไดร์ม่อน : ความพยายาม ทำให้เรารู้ว่าขีดจำกัดของเราอยู่ตรงไหน
ภาพประกอบเสริม: ช่องวัน 31
ชีวิต ความฝัน และความจริงของ “ต้าห์อู๋-พิทยา”
ผู้คว้า 3.9 ล้านโหวตจาก LAZICON
Content Creator
เศรษฐพงศ์ ทองสุข
Photographer
