ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY แจ้งผลประกอบการประจำปี 2564 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า สามารถทำกำไรประจำปีมากถึง 34,054,490,000 บาท โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 23,340,251,000 บาท
รายได้ในปี 2564 มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 77,980,086,000 บาท รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 16,851,263,000 บาท และรายได้อื่นๆ จำนวน 28,075,047,000 บาท โดยรายได้ปีนี้ มีปัจจัยหลัก คือ กำไรพิเศษจากการขายหุ้นในธุรกิจสินเชื่อ “เงินติดล้อ” จำนวนร้อยละ 20 ของหุ้นที่ธนาคารถืออยู่ เมื่อช่วงไตรมาสที่ 2/2564 หากไม่คำนวณกำไรพิเศษดังกล่าว จะมีกำไรสุทธิถึง 25,609,000,000 บาท
ด้านปริมาณเงินให้สินเชื่อ ปี 2564 อยู่ที่ 1,890,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57,441 ล้านบาท จากปีที่แล้ว โดยเป็นการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ร้อยละ 6.6 สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ร้อยละ 3.9 และสินเชื่อรายย่อย ร้อยละ 0.4
ด้านปริมาณเงินฝาก ปี 2564 อยู่ที่ 1,779,139 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 55,366 ล้านบาท ซึ่งมาจากการลดสัดส่วนเงินรัฝากประจำ และชดเชยด้วยเงินรัฝากออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถาม
ขณะที่การตั้งเงินสำรอง กรุงศรียังคงรักษาระดับการตั้งเงินสำรองตามหลักเกณฑ์รอบคอบระมัดระวังเพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่งผลให้อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดที่เคยบันทึกที่ 184.2% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 จากอัตราเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2563 ที่ 175.1% ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 2.20%
ในปีที่ผ่านมา กรุงศรี ประกาศเข้าซื้อกิจการของบริษัท SHBank Finance Company Limited บริษัทให้บริการสินเชื่อเพื่อรายย่อยของธนาคาร Saigon-Hanoi Commercial Joint Stock Bank ประเทศเวียดนาม ผ่านการซื้อและรับโอนส่วนของทุน (Charter Capital) ร้อยละ 100 มูลค่าประมาณ 5,184.4 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้เข้าซื้อและรับโอนครั้งแรกแล้วร้อยละ 50 และจะดำเนินการเข้าซื้อส่วนที่เหลือที่หมด เมื่อครบระยะเวลา 3 ปี
นอกจากนี้ กรุงศรี ประกาศมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการดำเนินงานของธนาคารภายในปี 2573 และลดการปล่อยฯ จากบริการทางการเงินภายในปี 2593 รวมทั้งดำเนินงานเพื่อสนับสนุนสังคมและภาคธุรกิจไทยก้าวผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
Journalist
