fbpx

รู้จัก “จูด้ง – เทพฤทธิ์” คอเล่ารุ่นใหม่จาก “ไทยรัฐตามล่าหาคอเล่า”

THE MODERNIST x THAIRATH TV

เขาว่ากันว่าการหาตัวตนเป็นหนึ่งสิ่งที่อาจจะยากที่สุดในชีวิตมนุษย์ว่าตนเองนั้นอยากทำอะไรกันแน่ แล้วเราจะทยานความฝันของตนเองให้สำเร็จแบบนั้นได้อย่างไรกัน นี่คือสองสิ่งที่ยากที่สุด เฉกเช่นเดียวกันผู้ชายที่ชื่อ “เทพฤทธิ์ เอี่ยมต่อม” คอเล่ารุ่นใหม่ที่เป็น 1 ใน 2 คนที่ชนะจากโครงการ “ไทยรัฐตามล่าหาคอเล่า” ผู้ซึ่งมีจุดเด่นในการเล่าข่าวสไตล์สนุกสนาน และแตกต่างจากคนอื่นๆ ซึ่งนี่คือจุดสำคัญที่ทำให้เขาก้าวเข้าสู่รันเวย์หน้าไทยรัฐทีวี

แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ จากนักศึกษาสถาบันการพลศึกษา ก้าวเข้าสู่พนักงานสายการบิน และเริ่มหาทางว่าตนเองนั้นเหมาะสมในการเป็นผู้ประกาศข่าว เขาผ่านความเจ็บปวดจากการ Casting ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และพยายามปรับตัวเปลี่ยนแปลงอยู่สม่ำเสมอ ผมอาจจะบอกได้ว่าเขาคือหนึ่งคนที่สามารถใช้คำว่า “ความพยายามไม่เคยทำลายใคร” ก็ได้ เพราะวันนี้เขาประสบความสำเร็จในการเป็นผู้ประกาศข่าวภายใต้โครงการนี้ ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มมีผลงานจากการผลิตชิ้นงานข่าวในสถานีฯ บ้างแล้ว ผมเลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับเขาให้มากขึ้นกัน

มีอะไรให้อ่านบ้างในบทความนี้?

ก่อนหน้านี้คุณทำอะไรมา

ผมเองเรียนจบในคณะศิลปศาสตร์ สื่อสารการกีฬา จากสถาบันพลศึกษา วิทยาเขตกรุงเทพฯ คือเรียนเกี่ยวกับนิเทศนี่แหละครับ แต่ว่าตอนนี้คืนความรู้นี่คืนอาจารย์ไปหมดแล้วครับ แล้วก็ช่วงระหว่างเรียนก็ได้มีการไป Casting ไม่ว่าจะเป็นพิธีกร DJ เป็นนักแสดงก็เป็นมาแล้ว แต่ว่าเวลาไป casting เนี่ยโอกาสไม่ติด 90% เลย คือเรียนรู้จากความผิดหวังมา เพราะตอนนั้นเราก็ยังเด็กด้วย อาจจะยังไม่พร้อมในหลายๆ เรื่อง เวลาเจอกล้องก็จะมีอาการมือสั่น ปากสั่น ลืมสคริปบ้าง มันก็เลยเก็บเก็บเกี่ยวเข้ามาเรื่อยๆ นะครับ 

จนเราออกไปหาประสบการณ์อื่นเพิ่ม เพราะว่าบางอย่างก็ไม่มีในห้องเรียน พอมันไปเจอสถานการณ์จริงเราจะรู้ว่าสถานการณ์นี้เราควรจะแก้ยังไง ได้เจอคู่ต่อสู้จริงๆ ว่าเข้ามา 100 คนจะสู้ยังไง ศึกษาคู่ต่อสู้ ถ้าเรามาทำแบบเดิมๆ คนอื่นเขาก็ทำ แล้วเราต้องทำยังไงให้มันมีจุดเด่น อันนี้ไล่ตังแต่ชื่อเลย เมื่อก่อนผมชื่อจูนไม่ได้ชื่อจูด้ง คือมันไม่เด่นน่ะ เวลาไป casting คนนั้นก็ชื่อจูน คนนี้ก็ชื่อจูน เราก็เลยมาตั้งใหม่ เอาเป็นจูด้งแล้วกัน ในประเทศไทยมันน่าจะยังไม่มีแหละ  นี่แหละเป็นที่มาขอชื่อจูด้ง แล้วก็หา charactor มาเรื่อยๆ จนมาฝึกงานปี 4 ก็ไปฝึกงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้ไปอยู่โต๊ะกีฬาครับ ก็ลงไปทำข่าวแต่เป็นข่าวที่ไม่ได้ยากครับ เป็นข่าวกีฬามหาวิทยาลัย 

แล้วพอทำงานก็ไม่ได้ทำเกี่ยวกับสื่อเลย มาสายการตลาดออนไลน์อยู่ 3 ปีครับ แล้วก็จากนั้นออกมาขายของปีนึง ตอนนั้นเรารู้สึกเก่งละ ได้เรื่องการตลาดออนไลน์ด้วย ก็ทำไปได้เรื่อยๆ ทำไปสักครึ่งปีก่อน ขายได้เดือนละ 2-3 หมื่น ทำไปทำมาในยุคข้าวยากหมากแพง เจ๊งเรียบร้อย ก็กลับมาทำงานครับ มันไม่ไหวแล้วเงินกู้ติดเพดานแล้ว ก็ทำงานสายการบิน ตอนนั้นสอบติดพอดีครับ เป็นตำแหน่ง Ramp Agent ครับ ซึ่งแต่ละที่ก็จะแตกต่างกันไปแต่ของเขาก็จะใช้หมดเลยครับไม่ว่าจะเป็น Marshaller โบกเครื่องบินนะครับ แล้วก็ Headset คุยกับกัปตันนะครับใส่หูฟังคุยเวลากัปตัน Landing มาจอดนะฮะเราก็จะฟังว่าเครื่องโอเคประมาณนี้ครับ แล้วก็ทำเกี่ยวกับลากอุปกรณ์ในสนามบิน แล้วก็วางแพลนโหลดให้กัปตัน เหมือนคำนวณว่าควรจะอยู่ Hole ไหนเพื่อเวลาที่ Landing เครื่องขึ้นแล้วมันจะไม่เกิดอุบัติเหตุ 

ทำไมถึงมาโครงการ “ไทยรัฐตามล่าหาคอเล่า”

วันนึงอยู่ดีๆ ไทยรัฐเปิดโครงการ “ไทยรัฐตามล่าหาคอเล่า” ผมก็คิดว่าเขาคงเปิดขำๆ หรือเปล่า เขาเปิดจริงหรอ ก็ลองส่งคลิปเข้าไปดูมั้ยสักคลิป ใน Tiktok ด้วย โอเค ส่งง่ายเลย พอผมถึงบ้านผมก็ใส่ชุดสูทตัวเล็กๆ หุ่นเหมือนข้าวหลามมัด พุงปลิ้นเลย ตอนนั้นแบบลองส่งดู พอส่งปุ๊บก็ไม่ได้คิดอะไร ตอนนั้นส่งช่วงท้ายๆ โครงการแล้วด้วย สรุปได้เข้าไปรอบแรก รอบ 10 คน งงมาก มาได้ยังไง เสร็จแล้วพอมาวัน workshop ก็จะได้เจอกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นด้วย เขาเหมือนทดสอบผู้เข้าแข่งขันด้วยนะครับ 

ผมก็ดูนะครับว่าแต่ละคนนี่ทำอะไรมา บางคนก็เคยเป็นผู้ประกาศข่าวมา เขาแบบพูดคล่องมาก ตอนแรกผมก็นึกในใจเอาไงดี วัน demo ไม่มาไม่ได้มานิหน่า อย่างงี้สู้ไม่ได้แน่นอน “พระเจ้านี่มันอะไรกันเนี่ย” ตอนแรกผมกะจะไม่มาวันทดสอบแล้ว แต่ว่ามีคนนึงพี่ที่เขาเป็นผู้ประกาศ เขาชื่อว่าพี่กอล์ฟ (ทัศนัย โคตรทอง) ก่อนที่จะจบ workshop วันนั้นเขาก็บอกประมาณว่า “ก็สำหรับวัน demo นะครับน้องๆ ก็ขอให้ทำเต็มที่นะ เก่งไม่เก่งเดี๋ยวเราค่อยว่ากัน ถ้าน้องมี charactor ไม่แน่นะมันอาจจะใช่ก็ได้” 

คำพูดนี้แบบ “อื้อหือ! เหมือนแสงสองสว่างมาจากฟากฟ้า โอ้พระเจ้า ส่องมาที่ตาของฉัน โอ๊ะ เข้าตา” คือมันสร้างแรงบันดาลใจแบบ “เอาเว้ย ต้องมาแล้วพูดขนาดนี้” เขาปูทางให้เราหรือเปล่าเนี่ย วัน demo ก็มาเลย แต่ว่าก่อนที่จะมาก็ได้เตรียมตัวนะ แทบไม่ได้นอนเลย ก็พยายามซื้อหนังสือพิมพ์มาหัดอ่านให้มันไม่สะดุด แต่ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาเลยนะ จากวัน workshop ไปวันทดสอบ รู้สึกว่าจะแค่วันเดียว เอาล่ะสู้ก็สู้ 

พอรู้ว่าติด 10 คนสุดท้ายแล้วรู้สึกยังไง

ตอนนั้นรู้สึกว่า ติดได้ยังไงอะ แต่ว่า 10 คนสุดท้ายก็ยังไม่เท่าไหร่ แล้วพอมา 5 คน ก็จะงงๆ ตอนแรกวันทดสอบผมกะว่าปีหน้าค่อยมาใหม่ ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่น่าได้หรอก เดี๋ยวปีหน้ามาใหม่ เดี๋ยวไปฝึก มันคงยังไม่พร้อมหรอกมั้ง แต่เราเข้ารอบเฉย 10 คนแรกที่ผมเข้ามา ผมเห็นทักษะแต่ละคนแล้ว แล้วผมก็เริ่มจดแล้วว่ามีใครน่ากลัวน่าจะเข้ารอบได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยดูผู้หญิง ผมจะดูผู้ชายมากกว่า แต่ผมมองว่าเรารุ่นใหม่ไฟแรง เขาอาจจะชอบคนใหม่ก็ได้นะ

ถึงวันทดสอบคุณเป็นอย่างไรบ้าง

พอถึงวันทดสอบรู้สึกว่าช่วงที่นั่งผมจะสะดุดเยอะ อาจจะเพราะว่าไม่มีประสบการณ์ด้วย แล้วก็เหมือนผมไปลน ตอนที่ภาพกับเสียงมันไม่เท่ากัน ผมอ่านอยู่แล้วพอเงยหน้าขึ้นมา อ้าวเห้ย ภาพกับเสียงไม่เท่ากัน เอาแล้ว ลนเลยจังหวะนั้น เกิดการผิดพลาดขึ้นในส่วนของการนั่งอ่านข่าวนะครับ แต่ว่าพอยืนอ่านเหมือนผมจะจำสคริปได้ มันโชคดีพอดีมันมีข่าว วาริน (จิ๋ม) หอมสุด มันมีอยู่ 2 ข่าวและเป็นข่าววาไรตี้ด้วย ด้วยความที่มันเข้ากับผมด้วยก็เลยรู้สึกว่ามันเริ่มสบายขึ้น เริ่มไม่เครียดละ เริ่มปล่อยวาง ปล่อยเต็มที่เลยมีอะไรมี charactor อะไรก็ดึงออกมา เล่นกับผู้ชม เล่นกับกล้อง พอยืนเราก็เริ่มจะเป็นนักแสดงด้วย ใช้ทักษะนี้นิดนึงก็จบไป คณะกรรมการก็ comment อย่างที่พี่เบิร์ด (ณัชฐพงศ์ มูฮำหมัด) บอกก็ต้องแก้ในเรื่องของภาษาข่าวที่ผมยังไม่มีภาษาข่าวในหัวเลย ทำให้ผมเวลาเล่าแล้วติดการใช้ภาษาวัยรุ่นมากเกินไปก็ต้องไปปรับ แล้วในเรื่องของการอ่านที่ต้องให้มันลื่นไหลกว่านี้ 

แต่ในเรื่องของคำชมเนี่ยกรรมการก็จะชมไปในทิศทางเดียวกัน ก็คือคุณมี charactor นะ มันสามารถที่จะไปต่อยอดในอนาคตได้สำหรับวงการบันเทิง ถ้าเราเรียนนิเทศมาแล้วเรามองคนเนี่ย มุมมองมันจะคล้ายๆ กัน มันจะมีประโยชน์กับธุรกิจแบบนี้ในอนาคต วันนี้ไทยรัฐรับผมเข้ามา เขาน่าจะอยากดึงผมมาเพื่อทำข่าวให้ดูแตกต่าง จากเดิมที่มันอยู่ในกรอบอาจจะทำให้มันนอกกรอบขึ้น ผมว่าเขาน่าจะเอาผมเข้ามาทำในส่วนนี้ เหมือนร่วมสร้างปรากฎการณ์ใหม่ในเรื่องของการเล่าข่าวให้มีสีสัน charactor ให้มีจังหวะในตัวเอง

แล้วพอมา 5 คน คนที่เล็งๆ ไว้มีหายไปบ้างมั้ย

ผมก็พยายามเข้าไปดูคนที่มี Tiktok นะครับ ว่าเขาอ่านคล่องมั้ย อ่านสไตล์ไหน จะได้ไม่ไปเล่นทับกัน เนื่องจากเราเคยทำงานสายการตลาดมา เราก็จะวิเคราะห์ข้อมูลของคู่แข่ง แต่ฝั่งผู้หญิงผมไม่ได้กลัวนะครับ ส่วนมากจะไปวัดกับผู้ชายมากกว่าว่าเขาอ่านยังไง มี charactor หรือเปล่า ผู้หญิงไม่ได้สนใจเท่าไหร่แต่เขาเก่งกันหมดไง ก็มีอ่านสะดุดบ้างบางคน แต่พอมารอบที่ผู้บริหารสัมภาษณ์ แฟนผมบอกว่า “คุยกับเขาให้รู้เรื่องนะจ๊ะ” คือเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) แม่ก็บอกว่าคุยกับเขาให้รู้เรื่องนะลูก กรรมการมี 3 คน ผมก็พยายามจะดึงสติคุยกับทุกท่านให้รู้เรื่อง ก็เกร็งมากเหมือนกัน กลัวจะตอบไม่ตรงประเด็น ถามอย่างตอบอย่าง พยายามจะตั้งสตินะครับ เพราะก็ไม่คิดว่าจะเอาผู้บริหารมาสัมภาษณ์เลย ก็คิดว่าเขาเห็นความสำคัญของเราขนาดนั้นเลยเหรอ 

แล้วพอเขาประกาศ 2 คนสุดท้ายแล้วมีเราอยู่ใน VTR รู้สึกอย่างไร

เพื่อนๆ ก็ทักมาเต็มเลยครับ ญาติๆ ทางฝั่งแฟนก็ทักมาครับว่าติดแล้วเหรอ อ่านเมื่อไหร่ ทางช่องเขาก็ promote เราด้วยนะ คือตั้งแต่ที่ผมเคยไป Casting มาก็เคยติดบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับจะเอามา promote ขนาดนี้ แล้วพื้นที่โฆษณาเป็นแสนเป็นล้าน เราก็รู้สึกว่าเขาคงจะคาดหวังกับเราประมาณหนึ่งเหมือนกัน

รู้สึกอย่างไรเมื่อเราได้เข้ามาในบ้านหลังใหญ่อย่างไทยรัฐ

ด้วยความที่ตัวไทยรัฐเองคือสื่ออันดับ 1 อยู่แล้ว ถ้าพูดถึงเรื่องข่าวเขาทำได้ดี แล้วเขาเลือกเรา เราก็รู้สึกดีใจ วันนี้เราได้เข้ามาบ้านไทยรัฐแล้ว จริงๆ แล้วตอนเด็กๆ เคยมาทัศนศึกษา เป็นฝั่งหนังสือพิมพ์ เราไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงเราเดินเข้ามาในฐานะนักเรียนที่มาทัศนศึกษา แต่วันนี้เราเข้ามาในฐานะพนักงานของเขา รู้สึกดีใจ แล้วก็รูปปั้นของท่านกำพล วัชรพล ตอนผมเข้ามาตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าใคร ผมก็ไปยืนหน้าท่านก่อนแล้วผมก็บอกว่า ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ ไม่ได้บอกว่าขอให้ติดนะครับ แล้วสรุปก็ติด

รู้สึกอย่างไรบ้างที่เราได้มาสานฝันของท่านกำพล

ก็จะทำให้ดีที่สุดนะครับ ผมนึกถึง Rating ก่อนเลยว่าพยายามจะเป็นอันดับ 1 ของช่องให้ได้  ถ้าเป็นไปได้ใน 5 ปีจะทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็มาทบทวนตัวเองว่าทำไม 5 ปียังทำไม่ได้ มันมีอะไรผิดพลาด เราควรจะแก้มั้ย ถ้าแก้ไม่ได้ก็พิจารณาตัวเองและปรับปรุงแก้ไข ดูว่าคนอื่นเขาอ่านยังไง เขาอ่านแบบนี้หรอ เราจะเติมไฟเติม feeling ให้ได้แบบนี้ แล้วก็ศึกษาผู้บริโภคด้วยว่าชอบมั้ยหรือไม่ชอบ ผมจะพยายามอ่าน comment 

มีใครเป็นต้นแบบในช่องนี้บ้าง

ในช่องที่เด่นๆ ก็คือคุณอาร์ม (ชนะ เดชพิรัตนมงคล) เพราะว่าแม่ผมชอบ แล้วผมก็ดูตามแม่ ดูรายการตะลอนข่าวครับ แก charactor เด่นดีครับ เล่าข่าวสนุก เป็นสไตล์ที่มัดใจแม่บ้านนะ ขวัญใจคนอายุเยอะ ส่วนกลุ่มตลาดผมคิดว่าน่าจะเป็นเป็น Gen Y หรือ Gen Z ที่เขาดูจะชอบผมมากกว่า แต่ถ้าเป็นกลุ่มตลาดคุณชนะก็จะเป็นแม่บ้านมากกว่า

แล้วทำไมเลือกข่าว วาริน (จิ๋ม) หอมสุด

ผมอยากให้มันเด่นครับ เพราะว่าผมคิดไว้แล้วว่าต้องมีคนส่งเยอะ เราจะเอาข่าวอะไรดีที่จะทำให้คณะกรรมการเขาสะดุดและสนใจ ไม่ปล่อยผ่าน ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ดูป้ายยังไม่ได้กดเล่นคลิป แบบป้ายอะไร ลองอ่านนิดนึง ก็เลยเลือกข่าวที่มันดูมีอะไรขึ้นมา ซึ่งคณะกรรมการก็พูดถึงเรื่องนี้อยู่ เราก็แปลกใจ ตอนแรกผมคิดว่าเขาน่าจะชอบแนวเรียบร้อยหรือเปล่า แต่เขาชอบแบบนี้เหรอ ตอนแรกก็แค่อยากจะส่งให้มันผ่านไปในส่วนของรอบแรกเฉยๆ แต่พอรู้ว่าเขาชอบอะไรแบบนี้ก็ดีใจ 

แปลว่าเราใช้ความรู้ด้านการตลาด ทำให้ตัวเองเป็นจุดเด่นใช่มั้ย

ใช่ครับ เพราะว่าเวลาทำ content ลง Tiktok เขาจะเลือกดันคลิปที่มันแตกต่างจากคนอื่น คือการที่เขาจะดันคลิปให้มีคนดูได้เราก็ต้องทำการบ้านนิดนึง จริงๆ ผมก็เคยคุยกับแอดมิน Tiktok ด้วย เลยรู้เรื่องการทำการตลาด การที่จะทำให้เราเป็นจุดเด่น ให้เป็นที่สนใจเราควรจะทำอย่างไร ก็ได้ความรู้ในส่วนนี้มาปรับให้มันเข้ากับการส่งคลิปคัดเลือกมาครับ 

วันนี้เป็นผู้ประกาศข่าวแล้ว ความรู้ทางการตลาดสำคัญยังไงในวงการข่าว

สำคัญมากนะครับ อย่างเรื่อง Rating ผมเห็นเขาวัด Rating กันอยู่ เราก็ต้องใช้ความรู้ในด้านการตลาดมาวิเคราะห์คนที่จะรับสื่อจากเรานี่แหละ ยกตัวอย่างเช่น Facebook ตะลอนข่าวก็เข้าไปสุ่มดูเลย อารมณ์เหมือนทำวิจัย เข้าไปดูว่าคนดูของเราเขาชอบอะไร เสพสื่อแบบไหน แล้วก็อ่านคอมเมนต์ว่ามีคำตำหนิติชมอย่างไรบ้างเพื่อนำมาปรับปรุง ก็คือศึกษาคนดูว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร 

ประโยคที่ว่าความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร คิดว่าจริงมั้ย

ผมว่าจริงนะครับ ถ้าเราตั้งใจแล้วก็ลงมือทำมัน ผมเองก็ผ่านการล้มมา แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ท้อแท้นะครับ ไม่ได้ล้มเลิกแบบตอนเรียนที่ casting ไม่ติดก็ไม่เอาแล้ว ไม่ใช่แบบนั้นครับ พอมีโอกาสเข้ามาเราก็ฝึกไว้ก่อนครับ แล้วก็อยากฝากถึงน้องๆ ทุกคนนะครับ เวลาเรามีความฝันอะไรขอให้เราพยายามทำมัน ถ้าวันหนึ่งโอกาสมันเข้ามาหาเรา ผมอย่างให้น้องๆ คว้ามันเอาไว้ ถ้าเราชอบเราพยายามและเรามีพรสวรรค์ด้วยผมว่า 3 สิ่งนี้จะทำให้เราก้าวไปสู่ที่ 1 ของอะไรก็ได้ ถ้าเราตั้งใจ มีพรสวรรค์และมีพรแสวงผมว่าที่ 1 ไม่ยากครับ 

มองอนาคตตัวเองอีก 5 ปีหลังจากนี้ไว้ยังไง

อยากพัฒนาตัวเองให้ไปถึงจุดสูงสุดของสายงานนี้นะครับ ผมอยากจะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ๆ รายการใหม่ๆ หรือถ้ามีโอกาสได้เป็น creative หรือช่วย producer ก็อยากจะออกแบบรายการให้มีความแปลกใหม่มากขึ้น ผมก็ต้องไปคิดว่าผมจะสร้างอะไรที่แปลกใหม่ให้กับไทยรัฐทีวีได้บ้างนอกจากรายการแบบเดิมแล้ว ผมอยากจะใส่รายการที่เป็นหมวดความบันเทิงให้กับไทยรัฐด้วย 

ในฐานะคนทำสื่อ อยากให้สังคมดีขึ้นด้วยสื่อหรือไม่

อยากครับ เพราะสื่อก็เปรียบเหมือนเป็นกระบอกเสียง พอเราอยู่ตรงนี้เราก็สามารถเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนได้ เราสามารถบอกข้อมูลดีๆ ต่างๆ ให้ประชาชนรู้ได้ ก็คงจะให้ความรู้แก่เด็กๆ ผมคิดว่าถ้าผมทำงานไปนานๆ ก็จะมีฐานแฟนคลับแล้วพอเรามีช่องทางสื่ออื่นๆ ก็จะมีคนติดตามก็จะสามารถให้ความรู้กับเด็กๆ พวก Gen Y, Gen Z ซึ่งเขาน่าจะชอบสไตล์นี้ ผมก็เลยจะใช้สื่อตรงนี้ที่เขาทำให้เราดังได้ เอามาให้ความรู้กับน้องๆ เยาวชน

แล้วพอได้มาเป็นผู้ประกาศข่าวแล้วตอนนี้อยู่ในขั้นตอนไหน

เบื้องต้นมีเข้าไปดู Studio แล้วก็เขียนสคริปหาข้อมูลทำสกู๊ปของตะลอนข่าวนะครับ แล้วก็เดี๋ยวจะลงไปเป็นพิธีกรในรายการไหนก็ต้องรอติดตามกันครับ

แล้วตอนนี้พอได้เป็นผู้ประกาศข่าวจริงๆ แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

อย่างยากเลยครับ ตอนแรกคิดว่ามาอ่าน มาจำข่าวแล้วก็อ่าน อ่านไทยให้มันคล่องๆ ก็น่าจะจบมั้ง แต่จริงๆ มันต้องมีสติหนิ ต้องทานข้าวมานะจ๊ะ ไม่งั้นสติหลุด Producer สั่งวุ่นวายมาก เวลาเขาสั่งในหู อย่างรายการตะลอนข่าวเขาเปิดหูตลอดนะ แบบเราเข้าไปก็มีสตินิดนึง นั่งสมาธิ ใครสั่งอะไรตอนเราอ่านข่าวอยู่ มันจะมีภาษามือด้วยนะ ผมก็พยายามดู ผู้ประกาศข่าวจะพูดไม่ได้เพราะมันจะออกไมค์ เพื่อให้รู้ว่าตรงนี้พลาดนะ จะต้องแก้ไขยังไงอะไรอย่างนี้ครับ มันจะมีวิธีแก้ปัญหาที่ค่อนข้างยากเพราะว่ามันเป็นรายการสดนะครับ มันมีรายละเอียดที่แก้ไขยากที่คนข้างนอกอาจจะไม่รู้ แล้วก็เรื่องการสั่งงานผ่านหูฟัง การแก้ไขสถานการณ์เบื้องหน้า การเรียงสคริป การจำโปรยข่าวอันนี้ต้องพยายามที่จะจำแล้วก็พูดได้แบบไม่ต้องดูนะครับ

ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเป็นผู้ประกาศข่าว

ถ้าน้องๆ สนใจก็อยากให้ลงมือทำนะครับ พี่เองก็ไม่ได้เป็นผู้ประกาศข่าวตั้งแต่แรก งานในสายนี้นะครับ เพื่อนพี่ที่เป็นนักข่าวบอกว่ากว่าจะขึ้นมาเป็นผู้ประกาศข่าวได้อาจจะใช้เวลาเป็น 5 ปี 10 ปี ต้องลงพื้นที่ แต่วันนี้พี่มาถึงตรงนี้ได้แล้ว ความพยายามน้องๆ ก็ต้องทำให้มันประสบความสำเร็จมันมีโอกาสอยู่แล้ว ทั้งโอกาส เวลา จังหวะของชีวิตน่ะนะครับ ถ้าวันนึงมันมาถึงแล้วน้องๆ ต้องพร้อมแล้ว พี่อยากจะบอกน้องๆ ว่า ฝึกไปเลยครับเก็บประสบการณ์ เราชอบทำอะไรถ้าเรารู้ตัวเร็วให้น้องๆไปเก็บประสบการณ์เลย แล้วถ้าวันนึงโอกาศมันมาแล้วซึ่งมันไม่ได้มาบ่อยๆ เขาไม่ได้เปิดบ่อยๆ นะ เมื่อเขาเปิดแล้วเราก็ต้องพร้อมที่จะเข้าไปสู้ แสดงความเป็นตัวเอง 


มุมมองคณะกรรมการ

บุ๊ค – สืบสกุล พันธ์ดี หัวหน้าผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ในฐานะคณะกรรมการกล่าวถึงการคัดเลือกขวัญเข้ามาเป็นผู้ประกาศข่าว ในโครงการ “ไทยรัฐตามล่าหาคอเล่า” ว่า “สำหรับจูด้งเอง เราเห็นบุคลิกที่แตกต่าง อันนี้ชัดเจนเลย ตอนรับโครงการตามล่าหาคอเล่า เราไม่ได้กำหนดว่าให้เล่าแบบไหน จะเล่าแบบเอาใจชาวบ้านร้านตลาดแบบตลกๆ หรือจะเล่าข่าวแบบจริงจังก็ได้ แต่เขาสามารถเอาชนะคอเล่าคนอื่นที่เล่าแบบจริงจังมาได้ ตั้งแต่คลิปวารินทร์ (จิ๋ม) หอมสุด คือคลิปไม่ถึง 1 นาที แต่มันกลับทำให้ทุกคนรู้สึกถึงพลังของเขา เราดูคลิปจูด้งเราก็ยิ้ม ดูไปดูมา ดูหลายรอบนะ มันก็ตลกได้ทุกครั้งอะ มันไม่ได้รู้สึกว่าเขาสร้างขึ้นมา และจูด้งเข้ามาทำ workshop ก็ตลกอย่างที่เห็น”

ในขณะที่ ปังปอนด์ – กฤตนัน ดิษฐบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ส่องสื่อ มีเดีย แลป จำกัด ในฐานะคณะกรรมการตัดสินอีกคนกล่าวเสริมถึงการคัดเลือกว่า “จูด้งเองเป็นคนที่มีบุคลิกเฉพาะทางที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกคนนี้ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่เรารู้สึกว่าอ่านข่าวชาวบ้านแล้วมันสบาย ลื่นไหล และเป็นตัวเองมาก และด้วยบุคลิกเฉพาะทางของเขา เชื่อว่ามันจะเป็นอาวุธให้เขาสามารถเป็นคอเล่าในไทยรัฐทีวีได้อย่างแน่นอน เราเลือกตัดสินใจเอาเขาเข้ารอบมา”

Content Creator

Photographer

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า