fbpx

ดอยม่อนจอง วิวสวยประทับใจยืนหนึ่ง แถมประสบการณ์ระทึกใจ

ไม่นานมานี้ ผมโพสต์ถามในกลุ่มคนที่ชอบเดินป่า ขึ้นเขาว่า มีเขาลูกไหนแนะนำสำหรับมือใหม่ขึ้นไปแล้วไม่ผิดหวังบ้างไหมครับ คำตอบที่ได้แทบจะเทไปทางเดียวกันเลยคือ ‘ภูกระดึง’

ภูกระดึงเดินไม่ยากน้อง สะดวก มีทุกอย่าง ถ้ามีเซเว่นนี่ครบเลย
ภูกระดึงเลย ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปจริงๆ
ภูกระดึง เลยจ้า เดินทางง่าย ไม่มีรถก็มาได้ เตรียมเงินมาอย่างเดียว
แนะนำภูกระดึงอีกเสียงค่ะ เดินขึ้นไปทรมานมาก แต่ความสวยคุ้มค่า
ภูกระดึง ต้องมาเลยแนะนำจริงๆ แต่ถ้าเลย ก็ไปไม่ถึงนะเพราะมันเลย อ้ะ!!
(…คนสุดท้ายนี่ยังไงก่อนครับพี่)

คือ…ทุกคนพร้อมใจกันตอบว่าภูกระดึง ประมาณหุ้นส่วนภูกระดึง ที่อยากเชียร์ลูกค้า นาทีนั้นผมเมาคำว่าภูกระดึงมาก หลอนมากๆ จังหวะที่กำลังจะคล้อยตาม คิดว่า เอาวะ ภูกระดึงก็ภูกระดึง สะกดจิตกูขนาดนี้

แต่…เดี๋ยวดิ เราเคยไปภูกระดึงมาสองครั้งแล้วไง ไม่มีตัวเลือกอื่นเลยเหรอพี่

เหมือนใครเขียนบทไว้เลย จู่ๆ สายตาผมก็ไปเจอคอมเมนต์นึงที่แหวกกระแสสังคมมาเลยว่า ‘ม่อนจองไหม เดินง่ายระดับหนึ่ง วิวระดับสิบ’

เฮ้ย! น่าสนใจ พอไปหาคำว่า ‘ดอยม่อนจอง’ ในอินเทอร์เน็ต ภาพแรกที่เห็นผมถึงกับอุทานเป็นภาษาโมซัมบิก แปลเป็นไทยว่า “เช้ดเขร้…สวยสัส” พี่เขาไม่ได้โกหก วิวสวยระดับสิบจริงๆ อยากจะ insert รูปขึ้นตรงนี้ให้เห็นความสวยไปด้วยกัน

ผมบอกแฟนว่าไปดอยม่อนจองกัน แฟนผมตอบตกลง เก็บของ เตรียมตัวเดินทาง

แล้วก็ล้มเลิกโปรเจกต์ในเวลาต่อมา เพราะดอยม่อนจอง ถ้าไม่จองไม่ได้ขึ้น เอ้า! เพิ่งรู้

ที่เป็นแบบนี้เพราะดอยม่อนจอง รองรับนักท่องเที่ยวจำกัด เนื่องจากอยู่ในพื้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย พื้นที่ก็ไม่ได้เยอะมาก ยิ่งช่วงโควิด จำกัดแค่วันละ 100 คนเท่านั้น แล้วปีนึงเปิดให้เข้า ตั้งแต่พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ ยิ่งโคตร Exclusive ไปอีกขั้น ชีวิตดูเหนือระดับทันที ถ้าได้ไปนะ

แต่สรุปว่าเราไม่ได้ไปม่อนจอง เพราะจองไม่ทัน เป็นอันจบบทความนี้ลากันไปก่อนสวัสดีครับ

เดี๋ยวสิ! จบกันง่ายๆ เลยเหรอ เราจองได้ครับคุณผู้อ่าน น่าจะเป็นการใช้แต้มบุญที่สะสมมาตั้งแต่ต้นปีมาใช้ตอนจองขึ้นดอยม่อนจอง นี่แหละ บังเอิญมากๆ ที่วันที่เราจะไปโควต้าว่างแบบว๊างว่าง มีคนไปแค่ 30 คนเท่านั้น ก็เลยจองได้แบบไร้คู่แข่ง

วันที่ 30 ธันวาคม ผมขอวาร์ปไปที่ชุมชนบ้านห้วยปูลิง อำเภออมก๋อยเลย ผมมาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของหมู่บ้านเพื่อฟังรายละเอียด และการขึ้นดอย การไปดอยม่อนจอง ซึ่งสรุปไวไวก็คือ

  1. ต้องขึ้นรถโฟร์วิลจากหมู่บ้านไปใช้เวลาราวๆ 30 – 40 นาที ไปยังจุดที่เดินขึ้นดอยเท่านั้น ค่ารถคันละ 2,500 บาท ขึ้นได้ 5 คน
  2. ทางเดินขึ้นดอยประมาณ 4 กิโลเมตร ระหว่างทางไม่มีห้องน้ำ ไม่มีของขาย เตรียมตัวให้พร้อม
  3. ด้านบนไม่มีของขายเลย เตรียมเสบียงไปให้พร้อม ถ้าไม่พร้อมด้วยจะร้องหิววว
  4. มีลูกหาบให้บริการ ขั้นต่ำ 600 บาท แบกของได้ 20 กิโลฯ ไม่ไหวก็จ้างเถอะ อย่าเปรี้ยว
  5. ไม่มีที่พัก กางเต้นท์เท่านั้น มีห้องน้ำให้แบบห้องน้ำชั่วคราว แต่ไม่ร้าวใจขนาดส้วมหลุม ที่นี่เป็นส้วมซึมรั้วรอบขอบชิด มีน้ำประปาภูเขาให้ใช้

แน่นอนครับคนที่แข็งแกร่งอย่างผมเต้นท์ เสบียงอาหาร น้ำ รวมแล้วกว่า 20 กิโลฯ ผมจ้างลูกหาบ จะแบกเองทำไม

ส่วนความบันเทิงในการขึ้นม่อนจอง ก็บันเทิงตั้งแต่ขึ้นโฟร์วิล เลย ตอนแรกเราคิดว่าก็น่าจะทางชันๆ ทางดินลูกรัง ดินภูเขาทั่วไปที่ไหนได้ แม่งชันมากกกกกก

บางช่วงชันแบบอีกนิดพี่จะชัน 90 องศา แล้วนะ ทำไมชันได้ขนาดนี้ แล้วเราก็นั่งอยู่หลังกระบะ ด้วยความห้าวเป้งไม่ยอมนั่งหน้ารถจะโชว์เท่ไง สุดท้ายก็เด้งเป็นลูกชิ้นนายใบ้อยู่หลังกระบะตามจังหวะการขับขี่ ตลอดเส้นทางที่ไม่ราบเรียบ เราเด้งๆๆ อยู่ครึ่งชั่วโมงจนหัวแดงเพราะฝุ่น ก็ถึงจุดเดินขึ้นเขา

แค่เริ่มต้นก็มันแล้ว ภูกระดึงไม่น่ามีอะไรแบบนี้แน่นอน

แล้วการเดินขึ้นเขาก็เริ่มต้นขึ้น เราเคลียร์สัมภาระตัวเองส่งต่อให้ลูกหาบ แล้วแบกสัมภาระของตัวเองที่ก็ทำตัวเป็นภาระได้สมชื่อ (เพราะหนักชิบหายกูใส่อะไรมาวะเนี่ย….) มีคนบอกว่าดอยม่อนจอง เดินง่าย แต่สำหรับผมในฐานะที่ก็ผ่านการขึ้นเขาชันๆ อย่างเขาหลวงสุโขทัย หรือเดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิ ที่ญี่ปุ่นมาแล้ว 2 ครั้ง ง่ออออว์ (จะขิงทำไม)  ต้องบอกอนุชนรุ่นหลังที่จะมาดอยม่อนจองว่า…

อย่าเชื่อรีวิวที่บอกว่า ‘ง่าย’ เพราะมันไม่ง่ายนะ…

เพราะมีความชันของเส้นทางค่อนข้างมากอยู่ ถ้าไม่ได้เตรียมร่างกายมาดีพอ อาจจะมีท้อมากๆ กับการเดิน บางคนเดิน 5 ชั่วโมง โอ้โห้!  ซึ่งจุดพีคที่ทำให้คนท้อที่สุดเหนื่อยที่สุด คือช่วงสุดท้ายก่อนถึงปลายทางที่เรียกว่า ‘เนิบหมาหอบ’

แค่ชื่อก็รู้สึกหอบแล้วสินะ แฮ่กๆๆ

อธิบายคือเป็นทางเดินขึ้นเขาที่โคตรชันประมาณ 70 – 80 องศา ให้เราค่อยๆ เดินไต่สลับฟันปลาขึ้นไปเรื่อยๆ จากสายตาที่เราสังเกตเพื่อนร่วมทาง ส่วนใหญ่จะใช้เวลากับตรงเนินหมาหอบ เยอะเพราะความชัน ทำให้ปีนได้ยากขึ้น

แต่ถ้าพ้นเนินหมาหอบมาได้ ภาพที่เราเห็นยาวไกลสุดสายตาก็คือ วิวของทุ่งหญ้าบนสันเขา พร้อมวิวบนยอดเขาสูงที่สวยมาก เหมือนกับภาพที่ผมเสิร์ชเจอในอินเทอร์เน็ต แต่ของจริงสวยแบบเต็มสิบไม่หักมากกว่ามาก ใครที่หอบๆ เหนื่อยๆ มาเจอวิวนี่เข้าไป สวยสลบไปเลย

ไฮไลท์ของม่อนจองมี 2  จุดใหญ่ๆ ด้วยกันคือ

ภูมิประเทศบนเขาที่โล่งเตียน ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาวิว แต่เป็นทุ่งหญ้าเตียนๆ ทอดยาวไปตามสันเขา บางคนบอกว่าคล้ายเขาช้างเผือก กาญจนบุรี เพียงแต่ว่ามีความปลอดภัยมากกว่า เพราะทางเดินบนสันเขานั้น กว้าง ไม่หวาดเสียว ส่วนวิวภูเขาก็สวยมาก แบบสุดลูกหูลูกตา เขาบอกว่าเรามองเห็นทิวเขาได้ไกลไปจนถึงเขตพม่าเลย แต่ไม่รู้ว่าเขาลูกไหนนะที่อยู่เขตพม่า

อีกไฮไลท์คือ ‘ผาหัวสิงห์’ จุดที่สูงที่สุดของม่อนจองระดับ 1,929 เมตร จากจุดกางเต้นท์  จุดนี้มีไว้สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้น เดินไปถึงผาหัวสิงห์ใช้เวลาประมาณ 40 –  60 นาที แต่ระหว่างทาง วิวสวยมากจนละสายตาไม่ได้ และทำให้เราลืมเวลาไปเลย

ระหว่างเดินบนเขา แฟนผมอุทานคำว่า สวยมากๆ กี่ครั้งผมไม่ได้นับเลย แต่มันสวยมากจนภาพที่ถ่ายยังบรรยายไม่ได้ เหมือนคนเขียนหนังสือไม่เป็น แต่มันยากจะบรรยายจริงๆ  ไม่ได้ขิงนะ แต่ใครไม่เคยมาน่าเสียดาย

“คิดว่าที่นี่สวยกว่าที่ภูกระดึงหรือเปล่า…”

แฟนผมถามขณะที่เรากำลังนั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน อยู่ตรงลานทุ่งหญ้าใกล้กับจุดตั้งแคมป์ ซึ่งฟ้าก็ค่อยๆ มืดลงอย่างช้าๆ พร้อมกับอากาศที่เริ่มหนาวมากขึ้น เอาจริงๆ ถ้าตอบแบบไม่เอาใจแฟนคลับฝ่ายไหน

“เราคิดว่าดอยม่อ…” ไม่ทันที่ผมจะพูดจบ ก็มีนักท่องเที่ยวข้างๆ พูดสวนขึ้นมา

“ผมว่าดอยม่อนจอง สวยกว่า”  ผมกับแฟนหันไปมองต้นเสียง ถ้าเป็นสถานที่ปกติ คงไม่มีใครกล้าสอดแทรกความเห็นตัวเองขึ้นมาระหว่างการสนทนาของคนที่ไม่รู้จัก แต่เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มันเลยทำให้เรากล้าคุยกับคนแปลกหน้ามากขึ้น

“ผมไปมาทุกที่ ดอยหลวงเชียงดาว กลอเซโร ขุนน้ำเงา โมโกจู ดอยไหนที่ว่ายากๆ เดินนานๆ ผมไปมาเกือบหมด คิดว่าที่นี่น่าจะสวยที่สุด แถมเดินง่ายที่สุดด้วย”

เราพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย แล้วชวนเขาคุยถึงเขาลูกอื่นๆ ที่เคยปีนมา เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยไม่มีใครถามชื่อของกันและกัน เพราะรู้ดีว่าถามไปแล้วเดี๋ยวก็ลืม…

ซึ่งจริงๆ ผมก็จะตอบแบบเดียวกับเขาแหละว่า ผมชอบดอยม่อนจอง ผมว่าวิวที่ม่อนจอง น่าจะสวยกว่าภูกระดึง อาจจะเพราะความสูงของดอย และวิวสุดลูกหูลูกตา ที่โล่งเนียนตา ก็เลยทำให้ความรู้สึกของผม คิดว่าวิวที่ดอยม่อนจอง น่าจะสวยกว่าจริงๆ แหละ

เผลอๆ ผมน่าจะชอบมากกว่าฟูจิ ที่ผมเคยไปมาซะอีก ก็มันสวยจริงๆ นี่นา

…ความสวยของม่อนจองที่ผมเล่าไป จริงๆ น่าจะหาอ่าน หาดูได้หลายจากรีวิวของคนอื่นที่มีเยอะแยะ

แต่มั่นใจว่า มีอีกเรื่องนึงของม่อนจอง ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงคือ ‘เจ้าถิ่น’

ดอยม่อนจอง เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จึงไม่แปลกที่บนนี้จะมีสัตว์ป่า และเจ้าหน้าที่พิทักษ์พันธุ์สัตว์ป่าถือปืนไปมาคอยดูแลทั้งคนและสัตว์ บนนี้มีเจ้าถิ่นก็คือช้างป่า

 ‘เดคือ’ ลูกหาบวัย 16 ที่ดูแลสัมภาระให้ผม เล่าให้ฟังระหว่างที่ช่วยกางเต้นท์ว่า ตรงทุ่งหน้าที่เราเดินมา มีชื่อเรียกว่า ‘สนามกอล์ฟช้าง’ ที่เรียกชื่อนี้เพราะว่าช้างป่าชอบมาเดินเล่นเป็นสิบๆ ตัว

“แล้วจุดที่เรากางเต้นท์ คือจุดที่ช้างจะมาหากินครับ แต่มันจะขึ้นมาตอนกุมภาพันธ์”

เดคือ เล่าไปก่อกองไฟให้เราไป ก่อนผมจะถามเดคือ ไปว่า “ช้างที่นี่มันดุไหม”

“ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากเจอครับ” เดคือ เล่าด้วยเสียงปกติ แต่ผมรู้สึกไม่ปกติเลย

ที่ผ่านมาเดคือ บอกว่าเขาเองก็ไม่เคยเจอช้างในช่วงนี้มาก่อน เพราะว่าช้างป่าจะหากินเฉพาะด้านล่างตรงที่เราจอดรถโฟร์วิลไว้เท่านั้น หรือบางจุดที่เราเดินขึ้นเขา ซึ่งจะหากินตอนเช้ามากๆ โอกาสเจอเลยแทบไม่มี และที่สำคัญช้างไม่ได้ขึ้นมาหากินในช่วงที่เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นมา

นั่นเลยเป็นหนึ่งในสาเหตุว่าทำไม ดอยม่อนจอง ถึงเปิดให้ขึ้นเขาได้จำกัดช่วงเวลาด้วย ส่วนหนึ่งก็เพราะเจ้าถิ่นเขาอยู่บนนี้ 

“ถ้าเกิดนอนๆ อยู่แล้วน้อนช้างโผล่มาทำยังไง” ผมชวนคุย

เดคือ ยิ้มแล้วตอบผมให้สบายใจว่า “วิ่งสิครับ…ยิ่งถ้าช้างตกมัน มันวิ่งเข้าใส่เราเลยนะ” 

โอเคสบายใจขึ้นเยอะ ขอบคุณเดคือ มากๆ ที่แนะนำวิธีเอาตัวรอด

แล้วตลอดทั้งคืนผมคิดวนเวียนเรื่องช้างป่าเจ้าถิ่นตลอดเลยว่า ถ้าน้อนโผล่มา เราจะทำยังไง จะทักทายท่าไหน หรือจะวิ่งยังไง แล้วถ้าไปเจอระหว่างเข้าห้องน้ำ ที่โคตรจะมืด (ห้องน้ำมืดจริง แถมอยู่กลางป่าด้วย) เราจะเข้าห้องน้ำให้เสร็จก่อน หรือวิ่งหนีน้อนก่อนดี

คิดไปสารพัด ก็หลับไปโชคดี ช้างไม่มาเยือน ไม่โผล่มาตอนผมเข้าห้องน้ำ แล้วเราก็กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

แต่หลังจากผมลงดอยม่อนจอง ได้แค่วันเดียว มีข่าวประกาศมาในกรุ๊ปดอยม่อนจอง ว่า

“คืนวันที่ 2 มกราคม นักท่องเที่ยวโดนช้างเหยียบตอนราวๆ กลางดึกตรงโซนกลางเต้นท์ โชคดีที่นักท่องเที่ยวแค่บาดเจ็บบริเวณไหล่กับหน้าอก และเต้นท์เสียหาย”

ผมตบเข่าฉาดคิดในใจ กูนึกแล้วมันมีบางอย่างตะหงิดใจผมว่าเหมือนจะมีช้างมาเร็วๆ นี้แล้วก็มาจริงๆ ซึ่งเหตุการณ์ช้างขึ้นมาเร็วกว่าปกติทำให้ดอยม่อนจอง ปิดรับนักท่องเที่ยวทันทีเพื่อความปลอดภัยทันที ทำให้ฤดูกาลนี้มีหลายคนอกหักไม่ได้มาม่อนจอง เยอะมากๆ แต่ผมถือว่ายังโชคดีที่ได้ขึ้นมาเยือน

และโชคดีมากที่ช้างไม่ขึ้นมาวันที่ผมอยู่

ดอยม่อนจอง นอกจากทำให้ผมประทับใจในวิวแล้ว
ในเวลาเดียวกันยังทำให้ผมระทึกใจด้วย

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า