fbpx

รู้หรือไม่ ? “ขวาไทย” มีวันนี้เพราะ “อเมริกา” 

        ปรากฏการณ์ข่าวลืออเมริกาจะยึดประเทศ แทรกแซงการเมือง รวมถึงเตรียมตั้งฐานทัพในประเทศไทย ถึงขนาดที่กลุ่ม ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ชุมนุมประท้วงและยื่นหนังสือต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกาให้หยุดแทรกแซงการเมืองในประเทศไทย เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากฝ่ายขวาไทยผิดหวังต่อการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นล่าสุด นำไปสู่การปล่อยข้อมูลที่เรียกว่า “เฟกนิวส์” ออกมาเพื่อปลุกระดมมวลชนที่ถูกครอบงำ ให้พุ่งเป้าไปที่ผู้ร้ายอย่างสหรัฐอเมริกา ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผลเลือกตั้ง ลักษณะดังกล่าวเหมือนกับหลายๆ ประเทศที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น จีน รัสเซีย เมียนมาร์ มักมีการปล่อยข้อมูลต่างๆ นานา ออกมาให้เห็นถึงการเข้ามามีบทบาทสร้างความแตกแยกทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา  

        ปรากฏการณ์นี้หากเกิดในประเทศคอมมิวนิสต์หรือประเทศเผด็จการ ที่มีความแค้นตั้งแต่อดีตกับสหรัฐอเมริกาจะไม่น่าแปลกใจ แต่ที่แปลกใจก็คือเกิดขึ้นกับประเทศไทย ที่อดีตเป็นคนรักของสหรัฐอเมริกา มีความสัมพันธ์กันเหนียวแน่น และฝ่ายผู้มีอำนาจก็เคยตอบรับสหรัฐอเมริกาอย่างแข็งขัน รับวัฒนธรรมทุนนิยมเข้ามาในประเทศอย่างเต็มอกเต็มใจ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปพวกเขาเองกลับปลุกปั่นให้เกลียดประเทศมหามิตรของตนเองเสียได้ ปรากฏการณ์ที่หากเปรียบเทียบเหมือนคน ก็คือคนที่เคยรักกันแต่ปัจจุบันได้แยกทางกัน แล้วโจมตีว่าอีกฝ่ายผิด แน่นอนว่าเขาคนนั้นย่อมเคยตกหลุมรักมาก่อน เมื่อยามรักก็รักมาก เมื่อยามชังก็ชังมากเช่นกัน และนี่คือปรากฏการณ์การชังอเมริกาของฝ่ายขวาไทย ที่อดีต เคยตกหลุมรัก แต่ปัจจุบันชังขี้หน้ากันไปเสียแล้ว 

ข้าวใหม่ปลามัน 

        หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นตั้งแต่ยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเด่นชัดที่สุดในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เพราะบริบทของทั้ง 2 ประเทศนั้นสอดคล้องกัน  

        กล่าวคือสหรัฐอเมริกา ต้องการต่อต้านคอมมิวนิสต์ ซึ่ง ณ ขณะนั้นกำลังแผ่อิทธิพลตั้งแต่เวียดนามจนถึงกัมพูชาและลาวใน พ.ศ. 2494  ความวิตกของสหรัฐฯ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่คอมมิวนิสต์ในจีนประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับรัฐบาลจีนที่มีสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง เพราะในช่วงต้นทศวรรษ  2490  รัฐบาลก๊กมินตั๋งนำโดย เจียงไคเชค ที่สหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุน เริ่มสูญเสียพื้นที่ในการครอบครองให้กับกองทัพของเหมาเจ๋อตงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมากขึ้นเรื่อยๆ  ทำให้สหรัฐอเมริกาวิตกว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะได้รับชัยชนะ มองว่าหากสถานการณ์ดำเนินต่อไป ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการขยายระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมของตนเอง และสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.  2492  ในปลายเดือนธันวาคมหลังจากคอมมิวนิสต์จีนได้ชัยชนะในสงครามกลางเมืองแล้ว ได้สนับสนุนกองทัพเวียดนามหรือเวียดมินห์ในการต่อสู้เรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศส   

        ซีไอเอคาดการณ์ว่าหากกลุ่มเวียดมินห์ได้รับการสนับสนุนจากคอมมิวนิสต์จีน และมีอิทธิพลเหนือภูมิภาคอินโดจีน ไทยและพม่าจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคอมมิวนิสต์ตามไปด้วย  ประธานาธิบดีทรูแมนจึงอนุมัติให้สภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เริ่มศึกษาการวางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาต่อภูมิภาคเอเชีย ทำให้เกิดนโยบายป้องกันการขยายตัวของคอมมิวนิสต์ในเอเชียและภูมิภาคอินโดจีน   

        สหรัฐอเมริกาตระหนักถึงภัยคอมมิวนิสต์ที่อาจรุกรานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามทฤษฎีโดมิโน จำเป็นที่จะต้องแสวงหาหนทางที่จะป้องกันการแผ่ขยายของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค และเห็นว่าการรักษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้รอดพ้นจากการครอบครองของคอมมิวนิสต์ สำคัญต่อการป้องกันไม่ให้ญี่ปุ่นตกอยู่ในการยึดครองของคอมมิวนิสต์  เพราะญี่ปุ่นถือเป็นโดมิโนที่มีความสำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออก เป็นประเทศในเอเชียที่มีศักยภาพด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม หากไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็ยากที่ระบบทุนนิยมเสรีในเอเชียจะเติบโตเข้มแข็งได้ ซึ่งย่อมกระทบต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน และอาจทำให้ญี่ปุ่นต้องพึ่งพาเศรษฐกิจจากจีน อาจทำให้ญี่ปุ่นตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคอมมิวนิสต์ในภายหลัง  จึงดำเนินการด้วยการสร้างอิทธิพลเพื่อแทรกแซงกิจการทางการเมืองของประเทศต่างๆ ผ่านนโยบายต่างประเทศ การสนับสนุนทางเศรษฐกิจและด้านการทหาร ฉะนั้นต้องการพันธมิตรในเอเชียที่ไว้ใจได้ แม้ว่าพันธมิตรของตนจะเป็นจะเป็นรัฐเผด็จการก็ตาม ขอเพียงรัฐบาลเหล่านั้นร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ สหรัฐอเมริกาก็พร้อมให้การสนับสนุนทุกด้าน จึงจำเป็นต้องพึ่งไทยในการตั้งฐานทัพ เพื่อขนส่งรวมถึงมีฐานทัพจอดเครื่องบินในการโจมตีฝ่ายคอมมิวนิสต์ทั้งในลาวและกัมพูชา  

        สหรัฐอเมริกาให้งบพัฒนาประเทศให้เป็นทุนนิยมและสนับสนุนอาวุธแก่รัฐบาลไทย ผ่านหน่วยงานที่ชื่อว่า USIS (สำนักข่าวสารอเมริกา) และ จัสแมกไทย (คณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย) 

        สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นต้นมา ก็พยายามตอบโต้แรงกดดันจากฝ่ายคอมมิวนิสต์  โดยการเรียกร้องการคุ้มครองทางทหารของสหประชาชาติและสหรัฐอเมริกา อย่างเต็มรูปแบบ หากไม่ได้รับการคุ้มครองดังกล่าว รัฐบาลไทยอาจถูกแทนที่โดยคอมมิวนิสต์ได้ ชนชั้นนำไทย ณ ขณะนั้นต้องการหาหนทางในการรักษาผลประโยชน์ของตน จากอดีตที่เคยเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ทำให้ไทยเลือกที่จะดำเนินนโยบายต่างประเทศเพื่อเข้าหาสหรัฐอเมริกามากยิ่งขึ้น  เนื่องจากไทยมองว่าอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาจะสามารถคานอำนาจกับอังกฤษ เพื่อไม่ให้บีบบังคับไทยมากเกินไป กลุ่มผู้มีอำนาจในไทยจำเป็นต้องรักษาอำนาจไว้ และมองว่าคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อความมั่นคงของอำนาจของตัวเอง ทั้งสองฝ่ายจึงสมประโยชน์กัน  ทำให้กองทัพไทยแข็งแกร่งมีบทบาทโดดเด่นตั้งแต่นั้นมา  

        ขณะเดียวกันหน่วยงานความมั่นคงภายในอย่างตำรวจก็เข้มแข็งขึ้นมาจากการที่สหรัฐอเมริกาสนับสนุนเช่นเดียวกัน จนมีหน่วยงานตำรวจรถถัง ตำรวจน้ำ ถึงขนาดมีคำขวัญว่า “ภายใต้พระอาทิตย์ดวงนี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ 

        นี่คือภาวะข้าวใหม่ปลามันสมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ที่มีเป้าหมายต่อต้านคอมมิวนิสต์ ทำให้ประเทศไทย ในช่วงสงครามเย็นมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับสหรัฐอเมริกามากกว่าชาติใดๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  

        ผลกระทบที่ตามมาหลังจากสหรัฐอเมริกาเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย ทำให้สหรัฐอเมริกาได้เริ่มเข้ามาครอบงำระบบการเงินและการค้าของไทย  อันเป็นผลมาจากที่ไทยต้องเผชิญปัญหาการรักษาค่าเงินบาทภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลควง อภัยวงศ์ จึงได้ขอคำปรึกษาจากสหรัฐอเมริกา ที่มีนโยบายส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกทุนนิยมในขณะนั้น สถานทูตสหรัฐอเมริกาจึงสนับสนุนให้ไทยเปลี่ยนการผูกค่าเงินบาทจากเงินปอนด์ไปสู่สกุลดอลลาร์ได้สำเร็จใน พ.ศ. 2492  ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ซีไอเอรายงานว่า สหรัฐอเมริกาสามารถเข้ามามีอิทธิพลต่อไทยแทนที่อังกฤษ นี่จึงเรียกว่า เป็นจังหวะตกหลุมรักเป็นแบบนี้ ทุกวินาที จนกว่าผลประโยชน์จะหมด ความรักถึงจะจางหายไป 

สินสอดมรดกเจ้าบ่าวอเมริกามอบให้เจ้าสาวไทย 

        แน่นอนว่าหากสหรัฐฯ เปรียบเสมือนเจ้าบ่าว เข้ามาสู่ขอเจ้าสาวถึงประเทศต้องยกสินสอดทองหมั้นมาให้เจ้าสาวอย่างแน่นอน สหรัฐฯ เองเมื่อเข้ามาไทยก็ได้หอบหิ้วและทิ้งมรดกไว้ให้ไทยไว้ไม่ใช่น้อย และหลายๆ อย่างยังเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบันด้วย เช่น 

        การสร้างมหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาคให้ความรู้ในโลกของเสรีนิยม ทุนนิยม เข้าถึงจังหวัดที่อยู่ไกลความเจริญ ไกลเมืองหลวง ที่ควบคุมยาก ต่อต้านแนวคิดป่าล้อมเมืองของคอมมิวนิสต์ ขนายความเจริญไปในหัวเมืองด้วยมหาวิทยาลัยในภูมิภาค 

        สร้างวิทยาลัยฝึกหัดครูชั้นสูง ซึ่งต่อมาคือมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อบ่มเพาะสร้างครูที่เป็นเหมือนแม่แบบของโลกทุนนิยม เสรีนิยม เพื่อปลูกฝังให้เกิดการสร้างสังคมที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามคอมมิวนิสต์ มรดกของสหรัฐฯ เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้จะเห็นได้จากหอสมุดของมหาวิทยาลัยที่เคยเป็นหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและเป็นหอสมุดแห่งแรกในเอเชียที่ติดเครื่องปรับอากาศ หากใครแวะไป มศว ลองเข้าชมหอสมุดจะพบร่องรอยของอเมริกา เช่น ตราสัญลักษณ์ความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทยปรากฏที่หนังสือ รวมถึงสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ในหอสมุด 

        การสร้างถนน เช่น ถนนมิตรภาพ ที่สร้างเข้าไปในพื้นที่ภาคอีสาน เป็นถนนอีกสายหนึ่งที่สหรัฐฯ สร้างไว้ และเป็นถนนแห่งแรกของไทยที่สร้างตามมาตรฐานถนนทางหลวงอย่างมีระบบ ถนนแห่งนี้ทำให้อิทธิพลของชนชั้นนำในกรุงเทพฯ สามารถเข้าไปถึงภาคอีสานได้มากขึ้น และยังทำให้สหรัฐฯ สามารถเข้าไปตั้งฐานทัพในภาคอีสานได้มากขึ้น เรียกได้ว่าก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสังคมในประเทศโดยรวมแบบก้าวกระโดด การพัฒนาถูกส่งต่อเข้าสู่ชนบทอย่างไม่เคยมีมาก่อนจนเรียกได้ว่า เป็นยุค “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก” ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งเป็นมหามิตรของสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น 

        ตั้งฐานทัพอากาศที่สหรัฐอเมริกาใช้ในประเทศไทยช่วง พ.ศ.  2504 – 2519 และหลายฐานทัพได้กลายเป็นมรดกของสหรัฐฯ ที่ประเทศไทยใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ 

  • ฐานทัพอากาศดอนเมือง สร้างใน พ.ศ.2504 เมื่อสหรัฐฯ เริ่มติดตั้งระบบเตือนภัยทางอากาศ 
  • ฐานทัพตาคลี จ.นครสวรรค์ สร้างใน พ.ศ. 2504  
  • ฐานทัพกองบินขับไล่ที่ 421, 255 และ 390 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ และกองบินที่ 4 ย้ายจากดานัง เวียดนามใต้ มาประจำการที่นี่ 
  • ฐานทัพนครราชสีมา สร้างใน พ.ศ.2505 สหรัฐฯ เริ่มส่งเจ้าหน้าที่มาประจำการใน พ.ศ. 2505 เริ่มปฏิบัติการโจมตีจากฐานทัพนี้ใน พ.ศ. 2507 
  • ฐานทัพนครพนม สร้างใน พ.ศ.2505 ฐานปฏิบัติการพิเศษของกองทัพอากาศ, ฐานปฏิบัติการอิเล็กทรอนิกส์, ฐานปฏิบัติการเฮลิคอปเตอร์และการลำเลียง, ฐานกองบินปฏิบัติการพิเศษ และสนับสนุนการรบในลาว 
  • ฐานทัพอุดรธานี สร้างใน พ.ศ.2507 ฐานส่งหน่วยบินขับไล่, ฐานปฏิบัติการเครื่องบินขับไล่ RF-4C มีภารกิจในอินโดจีน และส่งยุทธปัจจัยสนับสนุนการรบในลาว, กองบินส่งกำลังบำรุงที่ 13, โรงเรียนฝึกบินให้กองทัพอากาศลาว, สำนักงานของ CIA ดูแลทหารรับจ้างในลาว และสำนักงานของแอร์อเมริกาและคอนติเนนตัลแอร์เซอร์วิสเซส 
  • ฐานทัพอู่ตะเภา สร้างใน พ.ศ.2508 ฐานวางแผนทางยุทธ์ศาสตร์, หน่วยสนับสนุนการต่อสู้ที่ 635 และฐานเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ที่รัฐบาลไทยอนุญาตให้ใช้ในปี 2510 
  • ฐานทัพอุบลราชธานี สร้างในปี พ.ศ.2509ฐานส่งกองบินขับไล่ที่ 8 และสำนักงาน CIA เพื่อประสานหน่วยข่าวในลาว 
  • ฐานทัพน้ำพอง จ.ขอนแก่น สร้างใน พ.ศ.2515 รองรับหน่วยบินทิ้งระเบิดขับไล่ของนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งย้ายมาจากฐานทัพดานังในเวียดนาม 

        มรดกทหารนิยม กลายเป็นมรดกที่สหรัฐฯ ทิ้งไว้ให้ไทย การให้ความสำคัญกับกองทัพ รวมถึงงบประมาณมหาศาลที่สนับสนุนกองทัพไทยจากสหรัฐอเมริกาอย่างมหาศาล จนกองทัพไทยเคยชิน หลังจากสหรัฐฯ จากไป ก็ยังของบประมาณมหาศาลจากรัฐบาลพลเรือน หรือการที่สหรัฐฯ หนุนเผด็จการทหารให้ควบคุมอำนาจการเมืองไทยตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ เรื่อยมา ก็กลายเป็นมรดกตกค้างของความคิดเก่ายุคสงครามเย็นว่าทหารต้องเป็นผู้ควบคุมการเมืองให้นิ่งสงบ สยบภัยคุกคามที่เคลื่อนไหว ทหารเท่านั้นคือผู้ปกป้องประเทศ การรัฐประหารกลายเป็นเรื่องง่ายและมีความชอบธรรม เป็นอีกหนึ่งสินสอดที่สหรัฐอเมริกามอบไว้ให้ทหารไทย ทั้งๆ ที่ทหารไทยขณะนี้ที่แสนเอาแต่ใจกลับโน้มเอียงไปตกหลุมรักจีน 

        กระชับอำนาจกษัตริย์ไทยในภาพลักษณ์นักพัฒนา หนึ่งในสัญลักษณ์ต่อต้านภัยคอมมิวนิสต์ที่สหรัฐฯ เล็งเห็นคือ สถาบันกษัตริย์ของไทย จึงมีการให้งบประมาณสนับสนุนด้านภารกิจต่างๆ การโฆษณาชวนเชื่อ และภาพลักษณ์นักพัฒนาจากชนบทที่แห้งแล้งยากจนโดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งอาจโดนกลืนโดยคอมมิวนิสต์ ให้สถาบันเข้าไปช่วยเหลือและพัฒนาพื้นที่ ทำให้ประชาชนสุขสบาย ไม่ให้หลบเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ และการสร้างภาพลักษณ์กษัตริย์นักประชาธิปไตย ทำให้ประชาชนอยู่อย่างเสรีใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุข เป็นภาพลักษณ์ตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์ที่จะทำลายความเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างดั้งเดิมของคนไทย 

        ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำเช่นนี้เป็นมรดกของสหรัฐฯ และทำให้สถาบันกษัตริย์ได้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งหลังจากที่ซบเซาลงไปจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  พ.ศ.2475 จนถึงสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม และกลับมามีอิทธิพลอีกครั้งในช่วงที่สหรัฐฯ สนับสนุนนโยบายชูกษัตริย์ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ เป็นต้นมา 

        วัฒนธรรมทุนนิยม กลายเป็นมรดกที่ไทยรับอิทธิพลมากจากสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว กิจกรรมการดูหนัง การสร้างภาพยนตร์ที่อิงความรักชาติต่อต้านภัยคอมมิวนิสต์ กิจการภาพยนตร์ไทยที่เฟื่องฟูและการถ่ายทำหนังระดับโลกของฮอลลีวูดที่ใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์  การโฆษณาชวนเชื่อ การดื่มน้ำอัดลม การเกิดเมืองท่องเที่ยวใหม่ๆ สถานบันเทิงตลอดสายของถนนเส้นเพชรบุรี หรือพัทยา กลายเป็นมรดกที่ฝังอยู่ในความเป็นไทย  จนยากจะสลัดออก 

เมื่อรักของเราต้องจบ 

        เมื่อยามรักอะไรๆ ก็หอมหวานไปหมด สถานการณ์เป็นใจ บรรยากาศชวนฝัน แต่เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปทั้งผลประโยชน์บริบทสถานการณ์เปลี่ยนไปมาก หรือการต้องจำใจให้จากไปเพราะสถานการณ์ในประเทศไม่เอื้ออำนวย ไม่เกิดฉันทามติร่วมของชนชั้นนำไทย เพราะขณะที่กองทัพสหรัฐฯ เข้ามาอยู่ในไทยหลายปี ฝ่ายชนชั้นนำไทยเริ่มมีความแตกแยกกันเองงลามไปถึงกองทัพ ปรากฏการณ์ที่ทำให้สหรัฐฯ ต้องถอยออกจากไทย เมื่อสงครามในแถบอินโดจีนและการที่ทหารปกครองประเทศมาอย่างยาวนานภายใต้ระบอบเผด็จการ 15 ปี ได้สร้างความเบื่อหน่ายให้กับประชาชน จนเกิดเหตุการณ์ประท้วงของนักศึกษา กดดันไล่จอมพลถนอม ซึ่งเป็นผู้สืบทอดอำนาจของจอมพลสฤษดิ์ และขับไล่กองทัพสหรัฐฯ ออกจากประเทศไทย 

        เหตุการณ์ดังกล่าว ถ้าหากพิจารณาตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์จะพบว่า เป็นการขับไล่เผด็จการมิใช่ขบวนการเกลียดชังของฝ่ายขวาที่มีต่อสหรัฐฯ แต่เป็นฝ่ายนิสิตนักศึกษาที่มีหัวก้าวหน้า เสรีประชาธิปไตย และแนวคิดสังคมนิยม เชื่อเรื่องความเท่าเทียมมากกว่า ที่ต้องการขับไล่เผด็จการทหาร อำนาจนิยม ซึ่งเป็นฝ่ายขวา เป้าทั้งหมดจึงถูกเพ่งเล็งไปที่เผด็จการ 3 ทรราช ได้แก่ จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พ.อ. ณรงค์ กิตติขจร มากกว่าจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การกระทำในวันที่ 14 ตุลาคม 2516 จึงเป็นจุดเริ่มต้นการถอยห่างของสหรัฐฯ อย่างมีไมตรีมากกว่าความเกลียดชังและเป็นภาวะจำยอมของฝ่ายขวาไทยที่ต้องให้สหรัฐอเมริกาถอนทัพออกจากไทย 

        แต่ฝ่ายขวาไทยยังกลัวภัยคอมมิวนิสต์มาเคาะประตูหน้าบ้านอยู่ตลอดเวลา สถานการณ์ในอินโดจีนเหมือนจะย่ำแย่เพราะลาวกับกัมพูชา ประเทศที่มีชายแดนติดกับไทยล้วนพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์ การปกปิดไม่อยู่เรื่องยังหลงเหลือทหารสหรัฐฯ ในค่ายรามสูร สถานการณ์การเมืองไทยก็ตึงเครียด เนื่องจากฝ่ายขวาอำนาจนิยมของไทยทำตัวไม่ถูก อยู่ในภาวะคิดไม่ตกว่าจะไปในทิศทางไหน มองว่าประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ไม่มีประสิทธิภาพ ต้องการให้ทหารกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง ประกอบกับสามเณรถนอมกลับไทย สร้างความไม่พอใจให้กับนักศึกษาออกมารวมตัวกันประท้วงขับไล่ ฝ่ายขวาอำนาจนิยมไทยซึ่งหวาดระแวงการสูญเสียอำนาจ และกลัวภัยคอมมิวนิสต์ ณ ขณะนั้น จึงมีการปลุกปั่นว่านักศึกษาและประชาชนที่มาประท้วงคือคอมมิวนิสต์ และมีคำประกาศว่าฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป หรือการโฆษณาชวนเชื่อว่านักศึกษาผู้ประท้วงคือคอมมิวนิสต์ นำไปสู่การสังหารหมู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และภายหลังทหารเข้ายึดอำนาจอีกครั้ง นำไปสู่การขับเพื่อนร่วมชาติเข้าสู่ป่าไปต่อสู้กับอำนาจรัฐ  

        เห็นได้ว่าเป็นขบวนการประชาธิปไตยที่ถูกมองว่าเป็นคอมมิวนิสต์เป็นฝ่ายขับไล่สหรัฐฯ ออกไปไม่ใช่ฝ่ายขวาไทย นั่นเท่ากับว่าฝ่ายขวาไทยตกหลุมรักตลอดมา แต่เพราะอะไรฝ่ายขวาไทย หรือผู้มีอำนาจของไทยในยุคหลังถึงเกลียดชังสหรัฐฯ และกลัวสหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซง เพราะในอดีตพวกเขาปล่อยให้หรืออยากให้สหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซง หรือมีฐานทัพอยู่ในไทย ผิดจากขบวนการประชาธิปไตยที่ไม่ต้องการให้มีอยู่ของฐานทัพสหรัฐฯ ในไทย 

และไทยไปมีคนใหม่ 

        คำตอบที่ง่ายที่สุดของการที่จะมีคู่รักใหม่ คือการที่มีทัศนคติไม่ตรงกัน หรือพูดง่ายๆ คือฝ่ายขวาและผู้มีอำนาจในไทย มีทัศนคติที่ไม่ตรงกับระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ กระบวนการแนวคิดของพวกเขากลายเป็นเผด็จการหรือขวาจัด ที่ไม่อิงกับโลกเสรีนิยม จึงมีการเผยแพร่ข่าวสาร สร้างความเกลียดชังเพื่อนร่วมชาติออกมาว่าพรรคก้าวไกลได้เสียงข้างมากเพราะสหรัฐฯ แทรกแซง และสหรัฐฯ จะมาตั้งฐานทัพในไทย แต่ยังตบตีความคิดของตัวพวกเขาเองไม่ได้ หรือเพราะภาวะตกค้างของความคิดตั้งแต่ยุคสงครามเย็น จึงผลิตวาทกรรมว่าคนที่เห็นต่าง หรือเยาวชน มีความคิดเป็นฝ่ายซ้ายล้มเจ้า

        เมื่อถอดรหัสทางความคิดจะพบว่าพวกเขาสับสนในตัวเอง เพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ที่มีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเจ้าพ่อเสรีนิยม ทุนนิยมหนุนหลัง จะเป็นฝ่ายซ้ายหรือคคอมมิวนิสต์ไปด้วยกันนั้นเป็นไปไม่ได้ 

        ขณะเดียวกันฝ่ายขวาอำนาจนิยมที่มองว่าคนเห็นต่างเป็นคอมมิวนิสต์กลับคบหาพี่ใหญ่แห่งโลกคอมมิวนิสต์อย่างรัฐบาลจีน รวมถึงอาวุธจากรัฐบาลจีน โดยเฉพาะเรือดำน้ำที่สัญญาถูกเอาเปรียบทุกอย่าง ไม่ว่าจะไม่มีเครื่องยนต์จากจีนจนต้องหาเครื่องยนต์จากเยอรมนี รวมถึงมีอู่ซ่อมบำรุงที่ต้องจ้างรัฐบาลจีนเป็นผู้ก่อสร้าง 

        นี่จึงเป็นกระบวนการบิดเบี้ยวทางความคิดของฝ่ายขวาอำนาจนิยมไทย ที่ยังหลงมัวเมากับอำนาจและยุคสงครามเย็น คิดว่าข่าวสารจะปลุกระดมมวลชนได้ ทั้งๆ ที่พวกเขาเองมีความคิดที่ตื้นเขิน สับสน บิดเบี้ยว จึงมีการสร้างวาทกรรม สหรัฐอเมริกาตั้งฐานทัพมาพร้อมกับฝ่ายซ้ายคอมมิวนิสต์ล้มเจ้าผสมกัน 

        นี่คือภาวะ “ขวาไทย” เคยตกหลุมรัก “อเมริกา” แต่ปัจจุบัน พวกเขาตกหลุมรักจีนประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ สิ่งที่พวกเขาพวกเขาเกลียดและกลัวไปเสียแล้ว 

ที่มา :

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า