fbpx

แปลรักฉันด้วยใจเธอ กับฉาก Coming Out ที่ทรงพลังที่สุด

เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์

เราไม่ได้เขียนคอนเทนต์นี้เพื่อฝ่ากระแสข่าวบนโลกโซเชียลอะไรทั้งสิ้น และเราออกจะยินดีด้วยซ้ำที่บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และพีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ได้ขึ้นแสดงบนเวทีเฟสติวัลระดับโลกอย่าง Summer Sonic ที่ญี่ปุ่นในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งนั่นบ่งชี้ถึงการมีตัวตนของทั้งสองหนุ่มและดนตรี T-POP ในระดับโลกอีกครั้ง

แต่เมื่อเราเห็นข่าวทั้งหมด และประกอบกับที่ Modernist กำลังหมกมุ่นกับการเล่าเรื่องความหลากหลายทางเพศ รวมถึงเมื่อเรามีนักแสดงทั้งสองเป็นสารตั้งต้น เราก็อดนึกถึงผลงานที่ดีที่สุดของทั้งคู่อย่าง “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” (2020) ไม่ได้

กี่ครั้งที่เราดูซีรีส์เรื่องนี้ ทั้งดูเอง ดูกับเพื่อน หรือดูกับน้องๆ ในทีม เราทุกคนล้วนไม่ปฏิเสธว่านี่คือบทบันทึกการเติบโตของวัยรุ่นที่อยากมี “ความรัก” ของคนเพศเดียวกันที่ดีที่สุด เพราะมันเล่าถึงการฝ่าฝันอุปสรรคเรื่องกรอบแห่งเพศ การก้าวข้ามความสับสนในตัวเอง และการต่อสู้กับกรอบขนบครอบครัวจีน ทำให้เต๋ (บิวกิ้น) ต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองที่จะต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ รวมถึงการจัดการกับความสัมพันธ์ที่คลุมเครือของโอ้เอ๋ว (พีพี) ที่ยังรคอยคำตอบจาก “เพื่อน” คนนี้

ในตอนที่ 4 หลังจากที่เต๋และโอ้เอ๋วจูบกันใต้ทะเลลึก และโอ้เอ๋วเองก็ชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเต๋ แต่เขากลับไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้มัน “ถูกต้อง” และเป็นไปได้แค่ไหน เต๋เลยขอเพียงแค่ให้โอ้เอ๋วกลับมาเป็นเพื่อนกัน

แน่นอนว่าโอ้เอ๋วรับไม่ได้เพราะใจรักเต๋ไปแล้ว และได้แต่พร่ำถามเต๋ว่า “เขาผิดอะไร” ก่อนจะขอแยกทางด้วยการเลิกเป็นเพื่อนกับเต๋ เมื่อเขากลับบ้านไป พ่อกับแม่ของโอ้เอ๋วเห็นท่าไม่ดีเลยเรียกมาปลอบและคุยกัน เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาที่ทำให้โอ้เอ๋วร้องไห้

สิ่งที่โอ้เอ๋วถามแม่ทั้งน้ำตาด้วยเสียงสั่นเครือมีแค่ “พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกมั้ยอะ”

“ภูมิใจสิลูก ภูมิใจทุกวันนั่นแหละ ไม่มีวันไหนที่พ่อแม่ไม่ภูมิใจในตัวลูกหรอกนะ ไม่เอานะ ห้ามถามแบบนี้อีกเลยนะ” แม่ตอบลูกชายก่อนจะร้องไห้ตาม

เป็นฉากสั้นๆ ที่ทำให้เราเห็นถึงความที่ลูก “กลัว” จะทำให้พ่อแม่ผิดหวังเพียงเพราะเขาไม่ได้อยู่ในกรอบเพศตามหนังสือสุขศึกษา แต่ในการสร้างความภูมิใจให้กับพ่อแม่ มันไม่ได้มีแค่การต้องเป็นในสิ่งที่สังคมเป็น แต่ขอให้ลูกมีความสุขและเป็นในสิ่งที่ตัวเองเป็น นั่นก็เพียงพอแล้ว

ฉากสั้นๆ นี้จึงระเบิดน้ำตาเราได้อย่างง่ายดายมากๆ จากคนที่เคย Coming Out กับที่บ้านแล้วได้ผลลบตามมา ก่อนจะใช้เวลาหลักสิบปีเยียวยาให้การเปิดตัวสัมฤทธิ์ผล และต่อให้ฉากนี้มันจะสั้นจนไม่ต้องให้อย่างยืดเยื้อ นี่คือกำลังใจหนึ่งที่เราในฐานะคนเพศหลากหลายอยากให้ครอบครัวเปิดใจในความ “กล้า” ที่ลูกจะเปิดตัวกับครอบครัว

ส่วนฝั่งเต๋เอง ระหว่างที่สับสนไปมาและต้องแบกรับความรู้สึกไว้คนเดียวจนครอบครัวเริ่มสังเกตได้ โกหุ้น (ณัฏฐ์ กิจจริต) จึงเรียกมาคุยบนดาดฟ้าของบ้าน ด้วยประเด็นที่ผิดขนบลูกคนจีนเต็มๆ เต๋เงียบไปนานก่อนจะรวบรวมความกล้าและพูดออกมาด้วยเสียงจากลำขอว่า “เต๋ชอบโอ้เอ๋ว” แล้วเต๋ก็ค่อยๆ ระบายความกลัวและกดดันของตัวเองออกมา

“ก็เข้าเป็นผู้ชาย เต๋ก็นึกว่าชอบได้แต่ผู้หญิง พอชอบแล้วก็รู้สึกแปลกๆ สับสนอะโก”

“แล้วถ้าเต๋คบผู้ชายอะ มันจะโอเคเหรอ เพื่อนจะคิดยังไงอะ โก ม๊าไม่โอเคหรอกอะ”

สุดท้ายโกหุ้นก็ค่อยๆ คลายปมในใจให้เต๋ฟังว่ายังไงเราก็เปลี่ยนความคิดใครไม่ได้ จะมีทั้งคนที่โอเค และไม่โอเคที่เต๋จะคบโอ้เอ๋วเป็นแฟน

“แต่กูโอเค ถ้าน้องกูจะชอบผู้ชายอะ กูโอเค

“ส่วนม๊า ถ้าวันนี้มึงพร้อมก็เดินไปบอกเค้า ถ้าเค้าเข้าใจ มึงโคตรโชคดี แต่ถ้าเกิดม๊าไม่เข้าใจ มึงก็ไม่ต้องตกใจ มึงให้เวลาเค้านิดนึง สุดท้ายแล้วถ้าม๊ารู้เค้าว่ามึงรักคนที่มึงไม่ได้รัก แล้วมึงไม่มีความสุข ม๊าเองก็ไม่มีความสุข

“มึงแค่ทำในสิ่งที่มึงมีความสุขตั้งนานแล้ว มึงจะชอบใครก็ได้ ไม่แปลกเลยเว้ย”

เรื่องของเต๋เองบอกเราว่า ถึงแม้ว่าวันนี้เราจะไม่เปิดตัวกับ “พ่อ” หรือ “แม่” การมีญาติหรือพี่น้องคอยหนุนหลังในการชัดเจนกับความรู้สึกตัวเอง และมีเขาอยู่เคียงข้างและพร้อม “เปิดใจ” รวมถึง “เข้าใจ” ในสิ่งที่เราเป็น สมาชิกคนอื่นก็พร้อมจะช่วยสร้างความเข้าใจและเป็นกำลังใจให้กับเราที่จะยืนหยัดในตัวตนที่เราเป็นและเชื่อมั่น

ไม่ว่าตอนนี้ใครจะยังเจอปัญหาการเปิดตัวที่ไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัว ทั้งการยอมรับแบบมีเงื่อนไข หรือการปิดประตู ไม่เปิดใจ เราขอเป็นกำลังใจให้คุณยืนหยัดและเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณเป็น รวมถึงอยากทำความเข้าใจกับครอบครัวของคนมีเพศหลากหลายว่า ตัวตนที่คนในครอบครัวเป็น จะเป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างคุณค่า ความเชื่อมั่น และความสุขในการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่าเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะมี

เรื่องราวการก้าวข้ามอุปสรรคในการ Coming Out ของเต๋และโอ้เอ๋วนจึงเป็นบทเรียนที่ดี และเป็นการสร้างเสริมความเชื่อมั่นทั้งตัวของคนที่ยังเก็บซ่อนตัวเอง และครอบครัวที่ยังไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกหรือการวางตัวในครอบครัวและสังคมอย่างไร

แต่เราเชื่อว่า แค่เปิดใจ มันจะโอเคมากจริงๆ

IMAGE: NADAO BANGKOK

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า