fbpx

ซิตี้แบงก์ เผยทิศทางเศรษฐกิจปี 65 คาดจีดีพีโลกโต 3.8%

ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย (Citibank) โดย Citigold บริการบริหารความมั่งคั่งทางการเงินของ Citi จัดงานสัมมนาออนไลน์ ‘CITIGOLD ANNUAL OUTLOOK 2022‘ อัปเดต “ข้อมูลเศรษฐกิจโลกและการลงทุนปี 2565” ครั้งสำคัญ ทิศทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังคงผันผวน และผลกระทบต่อการลงทุนในภาพรวม

ภาพรวมเศรษฐกิจโลก มีแนวโน้มชะลอตัวโดยจะขยายตัวอยู่ที่ราว 3.8% ส่วน สหรัฐฯ และจีน คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ราว 3.5% และ 4.5% ตามลำดับ เนื่องด้วยหลายประเทศมีเปลี่ยนแปลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินเข้มงวด ในขณะที่ภาพรวมการลงทุนยังคงเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง แต่นักวิเคราะห์ซิตี้มีมุมมองบวกต่อหุ้นวัฏจักรในอุตสาหกรรมที่ได้ผลประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยแนะนำกระจายการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมหลากหลาย อาทิ กลุ่มการดูแลสุขภาพ กลุ่มพลังงาน เทคโนโลยี และเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชัน (Digitalization) เป็นต้น พร้อมกระจายการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อลดความผันผวน เช่น ตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่เอเชีย ตราสารหนี้ไฮยิลด์ พันธบัตรสหรัฐอเมริกา โดยเน้นที่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในตลาดเอกชนที่มีความเสี่ยงต่ำ และใช้ตลาดทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทน พร้อมกันนี้แนะนำให้นักลงทุนเฝ้าติดตามความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาผลประโยชน์พอร์ตลงทุนในระยะยาว

มร.เคน เพ็ง นักยุทธศาสตร์การลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิก ธนาคารซิตี้แบงก์ และ นายพิชญ์ อัศวสถาพร ที่ปรึกษาทางการลงทุน ธนาคารชิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก ในปี 2565 ดังนี้

ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก ปี 2565

สถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะโอมิครอน ทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่อัตราเสียชีวิตลดต่ำลงมาก ตัวเลขยอดขายเมื่อเทียบกับตอนมีการระบาดใหม่ๆ กับปัจจุบัน มีอัตราเติบโตที่ดีขึ้น 

คาดการณ์ว่าจะไม่กลับไปยังจุดก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 แต่ก็จะไม่มีการหยุดชะงักของระบบเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน แม้ว่าทั่วโลกจะมีสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2565 มีแนวโน้มชะลอตัว โดยจะขยายตัวอยู่ที่ราว 3.8% 

ปัจจัยหลัก ที่มีต่อการเติบโตเศรษฐกิจ คือนโยบายการเงิน เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อน

เนื่องด้วยหลายประเทศมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น มาตรการการชดเชยทางการเงินขนาดใหญ่จากผลกระทบของโควิด-19 ธนาคารกลางในประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังลดทอนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE (Quantitative Easing) รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายใน 2 ปีต่อจากนี้ ตลอดจนธนาคารกลางตั้งเป้าที่จะให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นปานกลางในระยะยาว เป็นต้น ทั้งนี้คาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ราว 3.5% โดยได้รับอานิสงส์จากภาคบริการที่กลับมามีความแข็งแกร่ง ในขณะที่ภาคการผลิตยังได้รับผลกระทบจากแรงลมหนุนท้าย (tailwind) ส่วนประเทศจีนคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอยู่ที่ 4.5% โดยมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง จากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงมาตรการควบคุมในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งสินค้าออกไปยังจีน และในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์บางส่วน

ตัวเลขเงินเฟ้อจะคงอยู่ไประยะหนึ่ง และค่อยๆ ลดลงตามปัจจัย 

1. การเปลี่ยนทิศนโยบายการเงิน 

2. ห่วงโซ่อุปทานได้รับการแก้ไขไปอยู่ในจุดที่ดีขึ้น

ด้านกำไรต่อหุ้นทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น 53% ในปี 2564 น่าจะเติบโตช้าลงเป็น +7 ถึง 8% ภายในปี 2565-2566 ในส่วนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (10-year US Treasuries) จะเพิ่มผลตอบแทนเป็น 2.1% ภายในสิ้นปี 2565 แม้ว่าโควิดอาจทำให้อัตราผลตอบแทนปกติช้าลง นอกจากนี้นักวิเคราะห์ซิตี้ประมาณการผลตอบแทนหุ้นทั่วโลกในปี 2565 อยู่ที่ 8% ในขณะที่ผลตอบแทนตราสารหนี้คาดว่าจะอยู่ที่ -1% ถึง 0% อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันตลาดเพิ่มเติมได้ เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งความสัมพันธ์สหรัฐฯ – จีน หรือความสัมพันธ์สหรัฐ – รัสเซียที่อาจเลวร้ายลง ดังนั้นนักลงทุนควรจับตาประเด็นสำคัญของสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาผลประโยชน์พอร์ตลงทุนในระยะยาว 

ซิตี้แบงก์ มีมุมมองบวกต่อหุ้นวัฏจักรในอุตสาหกรรมที่ได้ผลประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

แม้ภาพรวมการลงทุนยังคงเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง แต่นักวิเคราะห์ของซิตี้ มีมุมมองบวกต่อหุ้นวัฏจักรในอุตสาหกรรมที่ได้ผลประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเล็งเห็นโอกาส โดยเน้นที่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืน และใช้ตลาดทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการถือครองเงินสดหรือตราสารหนี้ ดังนั้นแนะนำกระจายการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มอุตสาหกรรมหลากหลาย 

กลยุทธ์การลงทุนในปี 2565 แบ่งเป็น 3 ธีมการลงทุน

Long term leaders 

เปลี่ยนการลงทุนระยะสั้นเป็นการลงทุนในกลุ่มผู้นำระยะยาว แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีอุตสาหกรรมจำนวนมากที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่พบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีและสม่ำเสมอมากที่สุด คือ กลุ่มไอทีเทคโนโลยี กลุ่มการดูแลสุขภาพ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค

•Beat the cash thief

เอาชนะการถือเงินสดด้วยการลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนดี เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบทำให้หลายบริษัทต้องมีการจัดการภาระหนี้สินเป็นจำนวนมาก คาดว่ากลุ่มตราสารหนี้ที่น่าจะให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าคือ ตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่เอเชีย ตราสารหนี้ไฮยีลด์ พันธบัตรสหรัฐอเมริกา 

•Unstoppable trends 

เทรนด์การลงทุนที่ยังมาแรงคือกลุ่มพลังงานสะอาด รวมถึงความพยายามในการลดต้นทุนอันเห็นได้จากภาครัฐบาลมุ่งมั่นที่จะทำให้โลกเป็นสีเขียว (greening the world) รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยี และเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชันของทั้งบริษัทสหรัฐฯ หรือจีนที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ตลอดจนกลุ่มการดูแลสุขภาพที่พบว่ามนุษยชาติจะมีอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น

The rise of Asia 

เอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) คิดเป็น 27% ของการบริโภคทั่วโลกและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าคนชนชั้นกลางจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึง 1.5 พันล้านคนในทศวรรษหน้า มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและการปรับตัวของเทคโนโลยี 

ประเทศไทยการเติบโตของ GDP คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1% ใน 2564 ถึง 3.6% ในปี 2565 และ 4.8% ในปี 2566

โดยมาจากนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ทำให้ดุลบัญชีเงินสะพัดของเราเพิ่มขึ้น

ซิตี้แบงก์ประเมินอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทย อยู่ที่ 1.8% ตลอดทั้งปีนี้

การประเมินอัตราเงินเฟ้อ 1.8% ตลอดปีนี้ เป็นอัตราของเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ แม้จะมีราคาสินค้าต่างๆ ที่แพง เช่น ราคาหมู ราคาน้ำมัน แต่ซิตี้แบงก์มองเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น สิ่งสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อในประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำคือ อุปสงค์โดยรวมในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ ความหมายคือ การบริโภค อุปโภคของคนไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย มีแนวโน้มที่จะคงที่และไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีการปรับทิศทางเรื่องของดอกเบี้ย และนโยบายการเงินตลอดทั้งปีนี้

นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารชิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า มุมมองที่นำเสนอในวันนี้ มาจากตลาดมีการปรับตัวค่อนข้างมาก สิ่งสำคัญในการนำเสนอครั้งนี้คือ ยังสามารถการจัดพอร์ตการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และกระจายความเสี่ยงตามกลยุทธ์ที่ทางซิตี้แบงก์แนะนำให้กับลูกค้าของตน แต่ไม่ได้นำเสนอว่าจะเกิดด้านบวกหรือตลาดขาขึ้นทั้งหมด เพียงแต่จะไม่อยู่ในช่วงของการถดถอย หรือมีผลกระทบที่ทำให้เราต้องปรับกลยุทธ์ในการลงทุน     

Journalist

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า