fbpx

การวางเรียงของสถูปนม กับการเต้นรำที่เปราะบาง “But No Dancing”

“ในช่วงเวลาล็อกดาวน์ระหว่างการระบาดครั้งใหญ่นี้นำมาซึ่งโอกาสการทบทวนตัวเอง ให้เรามีเวลาในการทำสมาธิ และตระหนักรู้จากเบื้อลึกในตัวเอง รวมถึงการได้หยุดเพื่อกำหนดทิศทาง และพัฒนาตัวเองนี่ คือ ห้อวงเวลาที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถทำทุกสิ่งที่คุณปรารถนาจะทำเสมอมา เว้นแต่ก็เพียง การเต้นรำ”

ส่วนหนึ่งจากสูจิบัตร But No Dancing

ก่อนเริ่มเวลาการแสดง 17.30 นาฬิกา วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 ทางทีมงานได้บอกกับเราว่าคอยฟังเสียงดนตรีที่กำลังจะดังขึ้นมา และตรงไปยังสวนด้านหน้าของ 100 Tonson Foundation อย่าลืมสังเกตรูปต้นไม้ หรือ หมอนบริเวณสูจิบัตรเพื่อสามารถจัดเรียงกลุ่มได้เมื่อภายหลัง…..

งานครั้งนี้เป็นการร่วมมือระหว่างศิลปิน พินรี สัณฑ์พิทักษ์ กลุ่มละคร Fullfat Theater และ Throw BKK 

ส่วนทางด้านในเป็นการจัดแสดงนิทรรศการ House Call ของศิลปินหญิง พินรี สัณฑ์พิทักษ์ “สถูปนม ภาชนะ และการกลับบ้าน” ที่เรียบง่ายแสดงถึงความหมายที่เป็นนามธรรม คือ วัตถุถูกจัดวางบนภาชนะ และภาชนะถูกวางบนชั้นวางของที่ถูกออกแบบให้มีการสั่นคลอนเมื่อก้าวลงไปเหยียบ เปรียบเสมือนสถูปนมทำมาจากกระดาษทำมือต่อกันเป็นชั้นขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเป็นรูปสถูปนมรูปทรงแสดงถึงเพศหญิง

ภาพจาก 100 Tonson Foundation

เมื่อเสียงเพลง Jazz ดังลอดผ่านวิทยุขนาดเล็กขึ้นคลอออกมาเบา ๆ พลางไปกับการแสดงในสวน เมื่อมองเข้าไปผ่านกระจก เราจะไปพบกับนักแสดงคุณ กอใจ อุ่ยวัฒนพงศ์ หญิงที่กำลังแสดงภาพของความสุขสบายในช่วงเวลาของการถูกกักตัวในช่วงโควิด-19 ครั้งแรกที่ถูกมองเข้าไปผ่านในกระจกภาพที่เกิดขึ้น คือ ผู้หญิงที่กำลังถูกโอบอุ้มไปด้วยความสบายใจ บทเพลง และการหยุดพัก ลองจินตนาการภาพที่เราได้หยิบจับของหมอนขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าเข้ามาปะติดปะต่อกันจำนวนมาก และซ้อนขึ้นไปเรื่อย ๆแต่เมื่อหมอนเหล่านั้นตกลงมา ความรู้สึกก็จะตกลงมาด้วย นอกจากหมอน วิทยุ เสียงเพลง เราสามารถมองลึกลงไปได้มากกว่านั้นจากเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ ชุดลุ่มล่ามมากกว่า 1 ชุด และ 1 ชิ้น ถูกสวมใส่อย่างไม่เข้ากันดี บางครั้งอาจจะดูขัดตา แต่เมื่อบางครั้งกลายเป็นความรู้สึกอึดอัดที่ต้องแบกไว้เสียมากกว่า หรืออาจถอดออกมามองเป็นการซ้อนทับของชั้นกระดาษของบนภาชนะอย่างสถูปนมก็เป็นไปได้ นอกจากสีหน้าที่มีความสุขที่ถูกลอดออกมาผ่านกระจกที่ขมุกขมัวเมื่อเสียงเพลงเริ่มมีความถี่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนอึดอัด ไม่ได้ดั่งใจ เช่นเดียวกับการกระทำที่ถูกแสดงออกมาผ่านรอยยิ้มเคลิบเคลิ้ม ท่าทาง และการทำมือราวกับวาดรูปกลางอากาศในวันหยุดพัก

แต่หลังจากนั้น… ความผิดปกติเริ่มเจือจางเข้ามามากขึ้นสิ่งเข้มข้น เมื่อความถี่ของเสียงกลายเป็นข่าวเริ่มเรื่องของการกักตัวในช่วงโควิด-19 จำเป็นต้องกักตัวภายในสถานที่ที่เรียกว่า บ้าน นานขึ้น ซ้ำไปเข้ามาสลับกับเสียงเพลงที่เร็วยิ่งขึ้นไปอีก การกระทำย่อมสลับกันเช่นกันเพื่อบอกรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นสิ่งสวยงาม และความแปลกปลอมภายนอกกระจก บางครั้งผู้ชมอาจจะเป็นสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ภายนอกผ่านห้องกระจกก็เป็นได้ เมื่อสายตามองออกมาราวกับว่ายังไม่สิ้นสุดหรือ และเมื่อประสาทสัมผัสรับฟังจับประเด็นที่ถูกแทรก นักแสดงเริ่มเดินออกมาหน้าประตูเพื่อเชื้อเชิญสิ่งแปลกปลอมที่ว่านี้เข้าไปชมดื่มด่ำกับความรู้สึกอันแท้จริงของหญิงสาวผ่านเสื้อผ้า การกระทำ และท่วงท่าที่กำลังส่งเสียงออกมาเพื่อเคลื่อนไหวบ่งบอกถึงสัญญาณที่ดังก้องอยู่ภายในจิตใจ

DSC07754
ภาพจาก 100 Tonson Foundation

เมื่อเดินเข้าไปยังพื้นที่ปิดสถานที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า ผลงานของศิลปิน House Call ของศิลปินหญิงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงผ่านการเป็นตัวตน การเคลื่อนไหวของหญิงสาวที่กำลังทำการแสดงต่อหน้าผู้ชม เก้าอี้ถูกจัดวางเรียงตามจุดต่าง ๆ รอบห้องเป็นห้องการแสดงสดทางทัศนศิลป์ สิ่งที่น่าคิดต่อไป คือ สิ่งที่หญิงสาวผู้นี้เธอกำลังจะแสดงอะไรต่อไป

ภาพในหัวข้าพเจ้าได้มองลงมายังพื้นที่ และชุดการแต่งกายที่เธอพยายามสวมใส่อยู่นั้นคือ สิ่งที่พยายามสะบัดความคิด กับดักที่กักขังน่ารำคาญออกไป เพราะ คนเราไม่สามารถทนอยู่กับความอึดอัดนี้ได้นานเท่านานในพื้นที่แคบ ๆ ตลอดสถานการณ์โควิด-19 เกือบครึ่งปีโดยที่ไม่แม้แต่จะได้ออกไปไหน หรือสูดอากาศท่ามกลางความสบายใจ ถึงแม้ภายในภาพของข้าพเจ้าจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะนั่น คือสิ่งที่เกิดขึ้นร่วมกัน เราต่างรับรู้ และพบเจอร่วมกัน แต่ประเด็นอยู่ที่การสื่อสาร และการไล่ระดับสิ่งที่ต้องการทบทวนตัวเอง อารมณ์ ของเธอต่างหาก ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง จะได้พบกับความจริงที่ถูกตัดมาแสดงอย่างแยบยล

การอยู่บ้านที่ไม่มีทางออกไม่ใช่ที่โล่งแจ้งคงเป็นเรื่องร้ายมากไปกว่าความยินดีขนาดนั้น ตัดมาที่โฟกัสเสียงโสตประสาท สัมผัสแรกที่ข้าพเจ้าเข้ามาหลังถูกเชื้อเชิญ แตะห้องอุณหภูมิแอร์เย็นขณะหนึ่ง เราจะได้พบกับเสียงที่คุ้นเคย คือ ข่าวการแพร่ระบาดของเชื่อโควิด-19 และเสียงเล่าเรื่องจริงที่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถออกไปไหนได้เหมือนการบังคับในช่วงแรก ๆ เราอาจจะยินยอมเพื่อความสะดวกสบายแต่ความเป็นจริง คือ สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นราวกับว่าไม่สามารถขัยบตัวได้ของหญิง และชายที่เล่าเรื่องแตกต่างกันโดยเนื้อความส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ตรงระหว่างศิลปิน และเธอผู้ที่กำลังทำการแสดง อีกทั้งประสบการณ์ตรงจากสิ่งแปลกปลอมอย่างผู้ชม เริ่มที่สภาวะความกลัว ความอ่อนไหว เปราะบาง ความกลัวอยู่เสมอ ความคงที่มักจะสั่นคลอน และลดต่ำลงเพื่อถ่ายเท และปลดเปลื้องความรู้สึกออกมาลงไปเรื่อย ๆ ภาพในสายตาศิลปะการจัดวาง อย่าง สถูปนม กลายเป็นส่วนหนึ่งที่แปรเปลี่ยนเป็นรูปนามธรรมที่ส่งเสริงการแสดงภายในงานตลอดระยะเวลาที่เกิดขึ้น

ก่อนเล่าลึกลงไปอยากอธิบายการเกิดขึ้นของสถานการณ์ที่ดำเนินภายในห้องเริ่มจากความเลวร้ายแรกจนถึงขั้นสูงสุด คือ การหยุดพักหาความสงบแต่เมื่อเราไม่สามารถออกไปเดินภายนอกได้ มนุษย์อย่างเราจะค่อย ๆ บ้า และสติแตกมากยิ่งขึ้นจาก 0-100 หรือมากกว่านั้น จากนั้นจะค่อย ๆผ่อนลงมาเป็นระยะ การไหวตัว สั่นสะเทือน เปราะบางเร่งรีบเหล่านี้จะถูกแทนที่ด้วยชั้นที่ไม่คงที่ของการแสดงที่ตั้งอยู่ของภาชนะที่สวมใส่ พลังของเธอ คือ สถานะภาพการหยิบยืมสิ่งรอบตัวออกมาแสดงในระดับความเร็ว หรือความจำกัดของอารมณ์ระดับใดก็ได้อย่างไม่จำกัดราวกับเป็นไดนามิกของร่างกาย ด้วยการเต้น การพยายามปลดสิ่งที่คลุมตัวเธออย่างเสื้อผ้า จิตใจ ด้วยการเต้น ขัดขืน บีบคั้น และถูกบังคับดับสภาวะตึงเครียดที่ถดทอยทางอารมณ์ผ่านเสียง การร้องตะโกน การพูดผ่านสถานการณ์จริง

IMG_0042
ภาพจาก 100 Tonson Foundation

 นอกจากโสตประสาทที่รับรู้ต่อเนื่องไป คือ ความถี่ประกอบตัวเป็นตัวประหลาด การเต้นรำที่ไม่เหมือนการเต้นรำ แต่เป็นการเคลื่อนไหวแสดงออกถึงการปลดปล่อยอารมณ์กระจายรอบตัว และทั่งบริเวณราวกับเป็นตัวประหลาดเนื่องจากการประสบปัญหาของความกลัวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่มาพร้อมอำนาจ บาดหมาง และความไม่สบายใจที่จะอยู่ สามารถเปรียบเสมือนได้ถึงชั้นวางที่ทับถมของกระดาษที่กลายมาเป็น สถูปนม ภาชนะความรู้สึก เหตุการณ์ที่ไม่มั่นคง

เสียงร้อง ข้อบังคับ และการทบทวนตนเองด้วยการกระทำ การเดินทาง เสียงเล่าของข่าว กลายเป็นเสียงรบกวนทำลายตัวเองด้วยความบอบช้ำ กฎระเบียบที่ถูกสร้างขึ้นของบุคคลภายในบ้าน และพื้นที่จำกัดที่สามมารทำได้ และไม่ได้ในขนาดห้องสี่เหลี่ยมเพียงแค่เดิน 3 ก้าวก็สิ้นสุดขอบผนัง คือ พื้นที่ทั้งหมดของการอยู่ร่วมกันกับความจริงในช่วงสถานการณ์ที่ถูกบังคับให้กักตัวอยู่ภายในสิ่งปลูกสร้างที่เรียกว่า บ้าน มากกว่านั้นคือสภาพจิตใจถูกกีดกันด้วยตัวของมันเองไปเรื่อย ๆ

เมื่อการแสดงถูกดำเนินต่อไปเรื่อย นั้นการพยายมปลดเปลื้องความอึดอัด บีบคั้นอย่างการแต่งการเริ่มมีมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อย ๆตลอดช่วงเวลาการแสดงตามจังหวะผสมผสานกับการเต้น เราสามารถเห็นความงามสั่วไหวนี้ได้ตลอดทั้งชั่วโมงขึ้นลงตามอารมณ์ของเธอผู้เป็นนักแสดง และส่งผลปฏิกิริยายาต่อคนดูอย่างมาก การเต้นผสมผสานการเคลื่อนไหว การโยนตัวให้ล้มลงของความตายในอารมณ์ รูปแบบการต่อสู้ และการรับมือต่อช่วงเวลาที่เกิดขึ้นทั่วบริเวณร่วมกับความเป็นนามธรรมของสิ่งที่ถูกบรรจุภายในภาชนะ ประดับความเคลื่อนไหวสั่นไหว สั่นคลอน ไม่แน่นอนเมื่อถูกกระทบแท่นวางของสิ่งที่ถูกจัดวางจากการเหยียบ หรือปล่อยตัวลงให้ไปกระทบอย่างรุนแรง บอบช้ำมากยิ่งขึ้น ก่อนจะค่อยจางลง

หลังจากนั้นเสียงวิทยุลอดออกมาการประกาศคลายล็อกดาวน์เริ่มปรากฏ และมีผลผู้คนสามารถออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติรวมทั้ง เธอ และการเต้นรำเพื่อต่อสู้กับความบีบคั้นเริ่มลดน้อยลง และน้อยลงขึ้นเรื่อย ๆ ค่อยหยุดลงช้า ๆพร้อมจากการสลัดเสื้อผ้า อารมณ์ที่เป็นพันธนาการออกไปอย่างสิ้นสุดจากร่างกายจนหมดเหลือเพียงชุดที่เธอสวมใส่ที่แท้จริง และสิ่งนั้นได้ถูกยุติลงเมื่อ เธอ เดินออกผ่านประตูห้องขนาดสี่เหลี่ยม และผ่านหน้ากระจกเพื่อพบเจอกับอากาศบริสุทธิ์ และการดำเนินชีวิตปกติอีกครั้ง

ตลอดระยะเวลาทั้งหมดจะได้เห็นอารมณ์กับสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านการะกระทำ และเสียงวิทยุเล่าถึงสถานการณ์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ การหาคำตอบต่อความอึดอัด และบังคับที่อ่อนไหว และเปราะบาง การติดตามไต่อารมณ์ก็เช่นกัน

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า