fbpx

คุยกับมาง อาร์ตี้ เปา แห่ง bamm แก๊งเพื่อนที่คู่ใจของคนที่โดนเท (แต่เท่อยู่)

“ตู้มมม!”

คือเสียงแรงระเบิดของวงการ T-POP ที่กลับมาเป็นกระแสในยุคนี้และได้เปิดโอกาสให้วัยรุ่นไทยได้หันมาสำรวจความฝันตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในล้านๆ ความฝันที่หล่นหายไปของเด็กไทยก็คงหนีไม่พ้นการเป็นศิลปินนักร้อง การกลับมาของกระแส T-POP ก็ได้จุดไฟแพสชันของวัยรุ่นและมอบความหวังแก่อุตสาหกรรมเพลงไทยอีกครั้ง

วันนี้ Modernist จึงถือโอกาสพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ วง bamm Co-ed Group (วงที่มีเพศหลากหลาย) ที่มาในคอนเซปต์ของ ‘แก๊งเพื่อนสนิท 3 คน’ ที่พร้อมจะปลอบโยนคนอกหักด้วยดนตรีสนุกๆ และเนื้อหาโดนใจ ซึ่งเรามั่นใจว่าหลายท่านอาจจะเคยได้ยินเพลงพวกเขาผ่านหูมาบ้างแล้ว อย่างซิงเกิลล่าสุดที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อเดือนมีนาคม มียอดเข้าชม Music Video ใน YouTube กว่า 10,000,000 วิว นั่นก็คือเพลง “ฉันจะฉาปเธอ” และด้วยท่อนฮุกที่ติดหูทำให้เพลงยังคงเป็นกระแสมาจนถึงวันนี้

เราได้ชวน 3 สมาชิกของวงอย่าง มาง-ปิยธิดา เล็กกลาง, อาร์ตี้-ศรุต ลิ่วเกษมศานต์ และ เปา-ธีรภัทร ตรีวิมล มานั่งพุดคุยเกี่ยวกับชีวิตการเรียน ความสนใจ ดนตรี ที่มาที่ไปของ bamm และประสบการณ์ทำงานร่วมกับค่ายเพลงใหม่ไฟแรงอย่าง LIT Entertainment 

มาสัมผัสความเป็น ‘bamm’ ไปพร้อมๆ กันกับบทสัมภาษณ์ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แพสชันและความสนุกสนาน พบกับมุมมองที่น่าสนใจจากสมาชิกทุกคนที่เรารับรองว่าจะไม่ทำให้ผู้อ่านและ BAMMBOO (ชื่อแฟนคลับ) ต้องร้อง “เอ๋ง” อย่างแน่นอน

มีอะไรให้อ่านบ้างในบทความนี้?

Hi there  😉
“ทุกครั้งที่ไปงาน เราเห็นความตั้งใจของทีมงานแต่ละคน
แล้วมันทำให้รู้สึกว่าต้องทำสิ่งที่ตอบโจทย์งานที่เขาคิดมา”

ก่อนที่จะมาเป็นศิลปิน แต่ละคนอยู่ในแวดวงดนตรีกันอยู่แล้วหรือเปล่า

เปา: ก่อนที่จะมาเดบิวต์เป็นศิลปินก็ไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไหร่ แต่เราก็ชอบดนตรี เห็นศิลปินแล้วก็รู้สึกชื่นชมเขา รู้สึกว่าอยากเป็น (ศิลปิน) บ้างเลยฝึกเล่นกีต้าร์ก่อน แล้วค่อยๆ ฝึกร้องเพลง และก็ทำคอนเทนต์ร้องเพลงลง YouTube  

มาง: หนูเคยประกวดรายการ The Voice kids Thailand ตอนอายุ 13 และรายการ The Voice Thailand Season 6 ตอนอายุ 17 ปี หลักๆ ก็แค่นี้เลยค่ะ ต่อมามันเป็นช่วงโควิดซีซันแรก อยู่บ้านเฉยๆ แล้วรู้สึกหมดไฟ แล้วเราไปเห็นรุ่นพี่ที่ชมรมของมหาฯลัย พี่โดม (จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม) พี่มุก (นิตา ชวลิต) โพสต์ตามหาเด็กฝึกมาร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันค่ายเพลงใหม่ เรารู้สึกว่าน่าสนใจดีก็เลยส่งคลิปออดิชันไปแล้วก็ติด เลยได้มาอยู่ค่าย LIT ค่ะ

อาร์ตี้: ผมกับเปาคล้ายๆ กัน คือทำเพลง Cover ลง YouTube แล้วก็มีทำงานเบื้องหลัง Production ด้วย เป็นคนถ่ายและตัดต่อครับ จริงๆ แล้วที่ทำ Cover เพราะจะหาเส้นทางเป็นศิลปิน 

ตอนนี้แต่ละคนกำลังเรียนหรือเรียนจบทางด้านไหนบ้าง

มาง: หนูเพิ่งเรียนจบสดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ จากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเป็นศิลปินเลย (หัวเราะ) เพราะหนูก็มีความฝันอื่นด้วยเหมือนกัน อย่างตอนม.6 อยากเป็นครู แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งความฝันที่อยากเป็นนักร้องหรือคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ หนูแค่คิดว่าชีวิตคนเรามันก็ต้องมีทางเลือกอื่นเผื่อไว้ ก็เลยเลือกเรียนศึกษาศาสตร์

เปา: ตอนนี้เรียน Broadcasting นิเทศศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พูดตรงๆ ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับภาควิชาเท่าไหร่เพราะผมอยู่กลุ่มทุน ต้องทำงานให้มหาฯลัยอยู่ตลอด ได้ทำงานเบื้องหลังกับเบื้องหน้า เป็นทั้งพิธีกร ทั้งสตาฟ หรือผู้กำกับการแสดง (Show Director) ด้วย ส่วนใหญ่เกี่ยวกับงานอีเวนท์ วุ่นวายแต่ก็สนุกครับ แต่งานเบื้องหลังที่ชอบคือเป็น Producer หรือไม่ก็ Show Director ครับ รู้สึกว่าชอบการเห็นภาพรวมงาน คือเรามีภาพในหัวที่อยากให้มันเป็นอยู่แล้ว

อาร์ตี้: เรียนภาพยนตร์ มศวครับ ตอนแรกผมอยากเป็นศิลปินตั้งแต่เด็ก แต่รู้สึกว่ามันยากที่จะไปถึงตรงนั้นได้ เลยลองหาอย่างอื่นทำ เห็นรุ่นพี่เขาสะพายกล้องแล้วเท่มากเลยอยากสะพายบ้าง ทำมาเรื่อยๆ แล้วรู้สึกชอบเท่ากันทั้งสองอย่าง ก็เลยเลือกเรียนภาพยนตร์ครับ

ได้เอาความรู้ที่เรียนมาปรับใช้กับการเป็นศิลปินบ้างไหม

มาง: (หัวเราะ) ถ้าในเรื่องของเพลง ในแง่ของ Production ต่างๆ ไม่มีเลยค่ะ ศูนย์ แต่ถ้าเป็นเรื่องการใช้ชีวิตหรือทัศนติในชีวิตประจำวัน มันมีหลายๆ อย่างที่หนูเรียน เช่น จิตวิทยา การพัฒนามนุษย์ สามารถนำมาปรับใช้กับแนวคิดทัศนคติของตัวเอง ให้เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ กับคนที่มาปรึกษาได้

เปา: ผมว่าไม่ค่อยมีนะครับ รู้สึกว่า… ไม่มีครับ (ทุกคนหัวเราะ) 

ผมรู้สึกว่ามันเป็นทักษะที่เรารู้ว่าแต่ละงาน (เบื้องหลัง) มันมีอะไรบ้าง เรื่ององค์ประกอบ หรือทีมงานเขาผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะเป็นงานๆ หนึ่ง ทุกครั้งที่ไปงาน เราเห็นความตั้งใจของแต่ละคนแล้วมันทำให้เรารู้สึกว่าต้องทำสิ่งที่มันตอบโจทย์งานที่เขาคิดมา

อาร์ตี้: เอาความรู้ในด้านเบื้องหลังมาใช้เวลาเรา 3 มีเวลาว่างระหว่างรอเพลงปล่อยก็จะมาทำผลงาน Cover กันเองบ้าง

มาง: ใช่ ลงในช่องของค่ายอีกช่อง (YouTube) หนึ่ง ชื่อว่า ‘สนามเด็ก LIT

แต่ละคนชอบเพลงแนวไหนและศิลปินคนไหนบ้าง

เปา: แล้วแต่ช่วงครับ แต่ช่วงนี้ผมชอบเพลงร็อค ร็อคยุคเก่าอย่างวง Queen หรือ Pink Floyd เพราะรู้สึกว่าในตอนที่วุ่นวายเพลงร็อคมันคุยกับเรารู้เรื่อง 

มาง: ของหนูส่วนใหญ่จะเป็น City Pop, Neo Soul, R&B อย่าง City Pop หนูจะชอบเพลงยุค 80 ของญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่เพราะรู้สึกว่า “ว้าว!” ถ้าให้เลือกศิลปินที่ชอบมากที่สุดก็คงเป็นวง PREP ค่ะ

อาร์ตี้: ผมชอบ Pop Mainstream เลยครับ เพลงแนวตลาดๆ แล้วก็ชอบพี่ Jackson Wang ครับ

อาจจะตอบไปบ้างแล้วในสื่อ แต่อยากให้ลงรายละเอียดอีกสักนิดว่ามาอยู่ค่าย LIT Entertainment กันได้อย่างไร

เปา: มายังไงวันนั้น

มาง: ขับรถ

(กริบ)

อาร์ตี้: ผมลงคลิป Cover ทั้งใน YouTube และ Instagram ส่วนตัว แล้วพี่ๆ เขาก็ DM ผ่าน Instagram มา

มาง: เขาประกาศในกลุ่มว่าอยากได้ศิลปินใหม่ๆ มาร่วมงานกัน เราเลยทักไปหาพี่มุกว่าหนูสนใจ แล้วส่งคลิปไป ไม่เยอะค่ะ 30 คลิป (หัวเราะ) ตอนแรกส่งไปล็อตหนึ่งแล้วพี่มุกตอบว่า “ขอบคุณค่ะ” อ๋อ หนูยังส่งไม่หมดค่ะ กำลังโหลด พี่เขาสนใจแล้วก็ให้มาเจอกันที่ค่าย

เปา: ของผมทำคอนเทนต์ทั้งใน YouTube และ Instagram เขาเห็นแล้วก็ติดต่อมา แต่ความตลกคือพี่มุกเป็นคนทักผมมาใน DM แล้วผมตกใจนึกว่ามิจฉาชีพ อยู่ๆ มาบอกว่าจะเปิดค่ายใหม่แล้วก็พูดถึงพี่โดม The Star อะไรเนี่ย มันไม่ใช่ละ ผมกลัวเพราะมันเป็นช่วงรอยต่อที่ผมจะย้ายไปเรียนในกรุงเทพฯพอดี แล้วจริงๆ ผมยึกยักกับเขามาพักหนึ่งเลยครับ จนแม่ต้องมาด้วยในวันที่เซ็นสัญญา

บรรยากาศการทำงานกับพี่โดมเป็นอย่างไรบ้าง    

เปา: ครบรสครับ มีทั้งพาร์ทที่จริงจังสุดๆ และเล่นสุดๆ ผมรู้สึกว่าพี่โดมเป็นได้ทุกอย่าง ถ้าเห็นในโซเชียลมีเดียจะมีแฟนคลับชอบ Tag พี่โดมแล้วบอก “ผู้บริหารเป็นทุกอย่างแล้ว” เป็นทั้งคนจัดไฟ ตากล้อง เป็นทุกอย่าง การที่เขาให้อะไรเราหลายๆ ทำให้รู้สึกว่าเราอยากให้เขาบ้าง

it’s nice to meet y’all 
“พวกเราคุยเล่นกันบ่อยจนดูเหมือนเป็นแก๊งเพื่อน
จริงๆ แล้วนั่นคือคาแรคเตอร์ของวงเราที่ต้องการจะเป็นเพื่อนของทุกคน”

ทำไมถึงชื่อวง bamm

อาร์ตี้: เคยเห็นใน Comic ไหมครับที่จะมีเสียงระเบิดแล้วเขียนว่า “BAMMM!”

เปา: มันเป็นการรวมตัวของกลุ่มก้อนพลังงาน 3 ก้อนที่พร้อมจะระเบิดตลอดเวลา เขามองเห็นว่าเรามีเอเนอร์จีที่ไปสุด พอมารวมกันก็พร้อมจะระเบิด หรือเป็นการระเบิดความสนุกสนานให้กับคนดู

วง bamm นิยามตัวเองเป็น ‘นักร้อง’ หรือ ‘ไอดอล’

มาง: ในความคิดหนู คำว่า ‘ไอดอล’ มันครอบคลุมหลายอย่างมาก สมมติคนๆ หนึ่งอยากเป็นหมอ เขามีไอดอลของเขาที่เป็นหมอ เขาอยากเป็นเหมือนคนๆ นั้น หนูคิดว่าไอดอลคือการที่เรามีคนๆ หนึ่งเป็น Role Model แล้วเราก็อยากจะทำให้ได้แบบนั้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม แล้วการเป็น ‘ศิลปิน’ ถ้าใครสักคนอยากเป็นศิลปินเหมือนกันเขาก็จะมองศิลปินเป็นหนึ่งในไอดอลเหมือนกัน

 เพราะฉะนั้นสำหรับหนู คำว่าไอดอลมันครอบคลุมคำว่าศิลปินเลยมากกว่าจะเป็นแค่คำว่า ‘ไอดอล’ ตามที่หลายๆ คนกำหนดความหมายไว้แค่นั้น

เปา: เหมือนกันครับ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมองเราเป็นอะไรก็ได้ ถ้าให้นิยามตัวเองผมว่าเราเป็น ‘ศิลปินนักร้อง’ ครับ เราทำผลงานออกมาแล้วคนอาจจะมองว่าอยากเป็นแบบเรา อยากเป็นพี่มาง พี่ตี้ แบบวง bamm ก็ได้ หรือจะมองเราแต่เป็นคนที่ร้องเพลงก็ได้ เป็นสิทธิ์ของเขา

อาร์ตี้: จริงๆ ผมไม่รู้นิยามคำว่าไอดอลหรือศิลปินเท่าไหร่ ผมเป็นแค่คนๆ หนึ่งที่มีอาชีพเป็นนักร้อง ไม่ได้รู้สึกว่าต้องนิยามตัวเองเป็นอะไร

ก่อนเดบิวต์ค่าย LIT จะให้เด็กฝึกทุกคนทำ ‘Showcase’ ร่วมกัน ตอนนั้นเราเห็นเคมีของวง bamm ไหม

เปาและอาร์ตี้: ไม่เลย

อาร์ตี้: ตอนแรกผมเห็นน้องพรู (ธันวา เนตรไทย) ตอนนั้นน้องเด็กมาก แล้วก็เห็นเปานึกว่าเป็นทีมงานสักคนเพราะเขาดูแก่ ส่วนสมาชิกผู้หญิงผมไม่รู้ว่าจะเป็นใคร ตอนนั้นมีสมาชิกวง PiXXiE แล้วก็พี่มาง แต่ PiXXiE เขาดูเป็นกลุ่มก้อนอยู่แล้วก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นพี่มาง แต่นึกไม่ออกว่าใครจะเป็นผู้ชายอีกคนจนกระทั่งมาทำ Showcase ด้วยกันครับ สนุกดี

เปา: ผมต้องบอกว่าผมไม่รู้เรื่องตั้งแต่แรกว่าจะมีการจับกรุ๊ป ผมเข้ามาด้วยคลิปเล่นกีต้าร์ สิ่งที่คิดตอนนั้นคือ “ค่ายนี้มันค่ายอะไรวะ” เราจะได้ไปปล่อยเพลง Acoustic หรือเปล่า ก็ผิดคาดแต่ไม่ได้ผิดหวัง 

แต่ตอนเห็นพี่อาร์ตี้วันแรกรู้สึกว่า “ไม่อ่ะ” อะไรก็ได้แต่ไม่เอาคนนี้

ทำไมล่ะ

เปา: คือผมเป็นคนที่ค่อนข้างขี้แอ็คอยู่แล้ว ไม่ชอบให้ใครมาทับไลน์เรา เห็นวันแรกแล้วก็แอ็คกันทั้งคู่ แต่พอได้มาทำ Showcase ก็เห็นเคมีบางอย่างที่พอจะไปกันได้ รวมถึงพี่มางด้วย ก็ไม่ติดฮะ

มาง: พอเริ่มสนิทกัน ทำโชว์ด้วยกันก็เห็นทัศนคติ ความคิดอะไรหลายๆ อย่าง

ช่วงก่อนเดบิวต์เราต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง ในแง่ของ Teamwork

เปา: เราไม่ค่อยได้ปรับอะไร รู้สึกว่าระหว่างทางนั้นเราก็ค่อยๆ ปรับกันในระดับหนึ่งแล้ว 

อาร์ตี้: ผมว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญด้วยที่พวกเรามีความ Active ทั้ง 3 คนเลยไม่ค่อยมีปัญหาในการทำงานเท่าไหร่ เราอยากทำมันด้วยกัน

เปา: ยิ่งช่วงเดบิวต์คือใส่สุดมาก บ้าพลังซ้อมกัน

แต่ละคนมีจุดเด่นต่างกันในทั้งด้านการร้อง เต้น แร็ป เราต้องบาลานซ์ทักษะเหล่านี้กันไหม

มาง: การบาลานซ์แบบนี้มันมีอยู่แล้วในแต่ละเพลง ความสามารถเด่นๆ ที่แต่ละคนมีเราจะไม่ไปจำกัดว่าจะต้องมีแค่นี้ ถ้าเขาทำได้พี่ๆ (ทีมงานค่าย) ก็จะให้ทำมากขึ้นไปอีก อย่างเปาก็มี Cover Rap เยอะ อาร์ตี้มีเต้นที่ลงในช่อง ส่วนหนูก็มีร้องเพลง

เปา: ในแง่ของผลงาน หลายๆ ส่วนผมว่ามันถูกบาลานซ์มาหมดแล้ว เช่น ท่อนเพลง ท่าเต้น บางเพลงพี่ตี้จะได้โชว์เต็มที่ บางเพลงพี่ตี้ได้แร็ป ต้องบอกว่าจริงๆ เรา 3 คนสามารถทำได้ทุกตำแหน่ง แต่จุดเด่นจะต่างกัน

วงการเพลงไทยมี Co-ed Group (วงที่มีสมาชิกทั้งหญิงและชาย) อย่างวง BAZOO กับ 3.2.1 แต่ละวงก็มีเอกลักษณ์ในช่วงเวลาของตัวเอง แล้วเอกลักษณ์ของ bamm ที่เป็น Co-ed Group ในยุคนี้คืออะไร  

เปา: แปลกฮะ ผมรู้สึกว่าแฟนคลับเขาชอบที่เราตลก แล้วแฟนคลับก็เป็นอย่างนี้

อาร์ตี้: ด้วยความที่พวกเราคุยเล่นกันบ่อยจนดูเหมือนเป็นแก็งเพื่อน จริงๆ แล้วนั่นคือคาแรคเตอร์ของวงเราที่ต้องการจะเป็นเพื่อนของทุกคน

มาง: พร้อมที่จะปลอบทุกคนเวลาเศร้า โดนเทมา

เนื้อเพลงแทนใจคนอกหักพร้อมทำนองสนุกสนานถือเป็นเอกลักษณ์ของ bamm 

เปา: ใช่ วางไว้แล้วว่าคาแรคเตอร์ของวงมันคือแก็งเพื่อนที่ช่วยรับฟัง ให้คำแนะนำ

อาร์ตี้: อย่างเพลงแรกของเราที่ชื่อ “โดนเทแต่เท่อยู่” การโดนเทมันควรเป็นเรื่องเศร้าแต่เราพยายามเท่ จริงๆ แล้วก็เป็นคนเศร้าแหละ

แล้วทำไม “โดนเทแต่เท่อยู่” ถึงเป็นเพลงเปิดตัวของวง

อาร์ตี้: Concept เพลงค่อนข้างจะเป็น bamm แล้วคาแรคเตอร์วงเราก็เข้ากับเพลงมากๆ ตัว MV พวกเราก็เป็นแก็งเพื่อนของคนที่โดนเทมา

ความลำบากในการเปิดตัวช่วงโควิด-19     

มาง: ลำบากสุดๆ ไปเลยค่ะ เดบิวต์ได้ 9-10 วันหนูก็คิดโควิด แล้วการโปรโมทก็โดนเลื่อนหมดเลย

เปา: อีกแง่หนึ่งก็รู้สึกว่าเพลงได้ทำงานหนักเพราะคนสามารถมีพื้นที่ในการฟังได้ เพลงแบกเรา ไม่ใช่เราแบกเพลง

เปา: ตอนนั้นมี Challenge ใน TikTok

มาง: ช่วงนั้นคนอยู่บ้านเยอะเพราะ WFH เลยหันมาเล่น TikTok กันเยอะขึ้น พอดีกับที่เพลงเราปล่อย

อาร์ตี้: 3 วันหลังจากเดบิวต์ไม่มีใครร้องเพลงเราได้ แล้วไปโผล่อีกทีในตอนที่ทุกคนร้องได้ เพลงเราดังมาก 

รู้สึกอย่างไรกับช่วงที่ไม่สามารถเจอกับคนดูตัวต่อตัว

อาร์ตี้: ช่วงนั้นผมรู้สึกว่าไม่เห็นคนดู แล้วคนดูก็ไม่เห็นผม ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมีคนรู้จักเราไหม ไม่รู้จนกระทั่งได้ออกงาน แต่ตอนสถานการณ์ดีขึ้นแล้วรู้สึกใจฟูตอนได้ยินคนร้องเพลงมาก

มาง: เหมือนกัน มีหมดใจบ้างนิดหนึ่งค่ะ รู้สึกท้อ มีถามตัวเองเหมือนกันว่าเห็นอะไรจากตัวเราหรือยัง

let’s talk about your music!
“สิ่งที่ทั้งเราและแฟนคลับต้องการเหมือนกันคือ ความสามารถในการเข้าถึงกันได้ง่าย”

ให้ทั้ง 3 คนเลือกเพลงที่ชอบของตัวเองคนละ 1 เพลง

มาง: “เอ๋ง” ค่ะ เพราะชององค์ประกอบดนตรีของเพลงนี้มากที่สุด และชอบที่มันมีกลิ่น Pop ที่มันสามารถ Rearrange ไปได้หลายแนว และก็ชอบ MV มากด้วยเพราะมันมีความแฟนตาซี

เปา: “โดนเทแต่เท่อยู่” เพราะชอบเอเนอร์จีของทุกคนตอนปล่อยเพลง นึกย้อนกลับไปแล้วอยากเห็นทุกคนมีเอเนอร์จีนั้นบ่อยๆ เวลาปล่อยเพลง มันดูสดใหม่ แล้วในมุมของเมนแร็ป ผมชอบท่อนแร็ปของเพลงนี้ที่สุดแล้ว

อาร์ตี้: “ฉันจะฉาปเธอ” ครับ เพราะชอบเวลาได้ยินคนดูร้อง แล้วท่าเต้นค่อนข้างง่ายสุดในทุกเพลง เวลาไปร้องสดจะเห็นคนแอบเต้นตามทุกที เป็นเพลงที่ทำให้เราได้สื่อสารกับคนดูและก็น่าจะดังที่สุดของพวกเรา

ตอนทำเพลง “ฉันจะฉาปเธอ” คิดไหมว่าจะดังขนาดนี้

มาง: ไม่คิดเลยค่ะ (หัวเราะ)

อาร์ตี้: เพลงนี้เหมือนกระพริบตาแล้วปล่อยออกมาเลย

เปา: พูดตรงๆ นะครับ ตอนปล่อยเพลง “เอ๋ง” เราคาดหวังไว้เยอะ แต่ค่อนข้างจะไม่เป็นไปตามที่หวังขนาดนั้น เพลงนี้ก็เลยรู้สึกว่า เออ เราปล่อยใจดีกว่า แต่สุดท้ายจู่ๆ ก็บู้ม งงเลย พี่ๆ ทีมงานทุกคนบอกจะล้านแล้ว มันเพิ่มวันละ 250,000 วิว

รู้สึกอย่างไรที่ได้ไปทำการแสดงแบบใกล้ชิดคนดูสุดๆ ที่ Siam Walking Street

เปา: รู้สึกร้อนมาก (หัวเราะ)

มาง: หนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพนกวิน (หัวเราะ)

เปา: แต่เป็นอีกงานหนึ่งที่เรารู้สึกใจฟู 

อย่างที่บอกว่าวง bamm อัดอั้นกับการเจอคนดู พอจะได้ทำงานทีก็มีโควิดมา พอหายปุ๊บก็มาอีก ก็รู้สึกว่ารอบนี้ก็ฤกษ์งามยามดีสักที คนดูก็มาให้เราเห็นเป็นตัวเป็นๆ กันค่อนข้างเยอะเลย ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ทั้งเราและแฟนคลับต้องการเหมือนกันคือความสามารถในการเข้าถึงกันได้ง่าย

มาง: จริงๆ พวกเราอยากคุยกับพวกเขาอยู่แล้วค่ะ อยากถามว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง สนุกไหม ร้อนหรือเปล่า หนูรู้สึกว่ามันใกล้แล้วเราได้ยินเสียงเขาชัด ได้เห็นสีหน้าและแววตาของพวกเขาแล้วดูมีความสุขมาก มันทำให้หนูอยากทำโชว์ไปเรื่อยๆ เพื่อตอบแทนสิ่งที่เขาให้เรามา

BestFriendsForever
“การยอมรับความคิดเห็นเขาไม่ได้หมายความว่าเราจะแย่อย่างที่เขาพูด”

อยากให้เปรียบเทียบ T-POP ในอดีตและปัจจุบันผ่านมุมมองทั้งในฐานะคนฟังและศิลปิน

มาง: หนูเคยคิดว่าการที่จะอยู่ตรงนั้นได้มันไม่เหนื่อยเลย เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันต้องใช้เวลาเยอะขนาดไหนกว่าจะปล่อย 1 เพลงออกมาได้ แต่พอได้มาสัมผัสกับมันจริงๆ เรารู้สึกว่าหลายๆ อย่างมันไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ไม่ใช่ว่าปล่อยเพลงปุ๊บแล้วดัง มันต้องดูยอด แม้กระทั่งฤกษ์วันถ่ายทำ สีเสื้อมงคล หนูก็รู้สึกว่ามันยากและเหนื่อยกว่าที่เราเคยคิดตอนเด็กๆ ซึ่งพอได้มาทำ มันเหนื่อยแต่ก็มีความสุขค่ะ

ความรู้สึกที่มันเหมือนเดิมคือเราเคยมีความสุขที่ได้ดูเขา แล้ววันนี้เราเป็นคนที่มีความสุขที่เห็นเขามาดูเรา

อาร์ตี้: สำหรับผมเมื่อพูดถึง T-POP จะนึกถึงคำว่า “Lively” ครับ มันฟังแล้วรู้สึกตื่น ตอนนั้นเป็นอย่างไรตอนนี้เพลงที่ออกมาก็ยังเป็นอย่างนั้นครับ จากทุกวงเลย ฟังแล้วผมรู้สึกสนุก ชีวิตมีสีสันขึ้น

เปา: ผมก็ยังรู้สึกว่าเรายังเป็นคนฟัง T-POP คนหนึ่งอยู่ เวลาพี่ๆ หลายๆ วงปล่อยเพลงออกมาเราก็ยังรู้สึกเหมือนก่อน สำหรับวงอื่นเราก็เป็นแฟนคลับเขาเหมือนกัน แต่ในแง่ศิลปินก็รู้สึกว่าเราก็อยากทำให้มันเต็มที่บ้าง มันเป็นความรู้สึกที่เราเป็นได้ทั้ง 2 อย่างในเวลาเดียวกันครับ

เคยเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับวงอื่นไหม

เปา: ผมว่าเรื่องการเปรียบเทียบมันปฏิเสธไม่ได้เลย อยู่ที่ว่าเราเปรียบเทียบเพื่ออะไร เราไม่ได้เปรียบเทียบเพื่อกดตัวหรือลดค่าคนอื่นลง

มันเหมือนร้านอาหารมีอยู่ร้อยร้านในศูนย์อาหาร คนสามารถเลือกกินอะไรก็ได้ และเราก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับการที่เขาเลือกกินร้ายอื่น วันใดวันหนึ่งเราอาจจะทำเมนูใหม่ขึ้นมาแล้วเขาอาจจะชอบร้านเรา แล้วก็ไม่รู้สึกว่าเราต้องไปอวดใครด้วยว่าคนมากินของเราแล้ว เราอยากให้มันเป็นศูนย์รวมวงการที่คนพลุกพล่านมากกว่า

เห็นภาพวง bamm ในอนาคตเป็นอย่างไร

อาร์ตี้: ผมว่าก็คงเหมือนเดิมแต่หลากหลายขึ้น ไปแนวทางใหม่ๆ ที่ไม่เคยไป แต่เราก็ยังคงคาแรคเตอร์ไม่ให้เสียไป

เปา: เราพยายามคิดอะไรที่แปลกใหม่และเช็คผลตอบรับตลอดครับ แล้วเราสามารถเอาตรงนั้นมาปรับแก้เป็น Product ที่อาจจะไม่มีใครเคยเห็น เคยฟังก็ได้ แน่นอนว่าจะทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ สุดท้ายขึ้นอยู่แต่ละคน แต่เรามีความตั้งใจในทุกขึ้นตอนจริงๆ

คำแนะนำสำหรับคนที่อยากจะเข้าวงการ T-POP

มาง: ถ้ามีความฝันหรือสิ่งที่อยากทำ ก็อยากให้ทำต่อไปเรื่อยๆ ในข้อจำกัดอะไรก็ตามที่ตัวเองมี อย่างเช่นบางคนไม่ได้กำลังจ่ายค่าเรียนร้องเพลงแพงๆ หรือเรียนเต้น หนูก็เป็นคนหนึ่งที่ฝึกด้วยตัวเองมาโดยตลอด

อาร์ตี้: แล้วก็เก่งกว่าพวกผมด้วย

มาง: ไม่ๆ (หัวเราะ) อยากให้ทำเท่าที่ตัวเองไหว เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ ‘โอกาส’ สิ่งสำคัญคือเราควรวิ่งหาโอกาส ไม่ว่าจะเล็กๆ หรือยิ่งใหญ่ ลองคว้าไว้ มันไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้วค่ะ ถึงแม้จะแพ้หรือผิดหวังแต่มันก็ทำให้เราเรียนรู้และก้าวต่อไปมากกว่า

คิดว่าการมีความฝันแล้วลงมือทำให้มันเกิดขึ้นจริงสำคัญที่สุดค่ะ

เปา: อยากแนะนำให้หาอะไรยึดเหนี่ยวในการเดินไปเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งดู ถ้าวันหนึ่งจู่ๆ เราตกลงมาแล้วไม่มีอะไรให้จับไว้เลย ผมรู้สึกว่ามันจะเจ็บหนักและภาพฝันอาจจะเลือนลางหายไปเลยก็ได้ 

สิ่งยึดเหนี่ยวนั้นอาจจะเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งสำหรับผมคือ น้องหมา เพราะหมาก็เป็นสิ่งที่คอยเยียวยาใจเราได้เสมอ

อาร์ตี้: อยากจะบอกให้ซื่อสัตย์กับความฝันครับ แต่ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยท้อกับมันแล้วก็เลิกทำไป แต่จริงๆ แล้วผมซื่อสัตย์กับมันนะ เพราะถึงแม้จะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น ผมก็ยังทำ (ตามความฝัน) มาเรื่อยๆ ไม่หยุดเลยครับ แค่มันอาจจะไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักในชีวิตตอนนั้น 

ถ้าเราชอบทำอะไรก็ทำเถอะครับ จังหวะชีวิตของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่คนที่โอกาสมาถึงแล้วก็อยากให้ลองทำไปเลย แล้วสักวันมันจะเป็นของเราครับ

ฝากถึงแฟนคลับหน่อย

มาง: ขอบคุณมาโดยตลอดที่คอยอยู่ข้างๆ กันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ค่ะ แล้วอาจจะมีหลายๆ คนที่เพิ่งมาติดตาม ยินดีต้อนรับเข้าสู่แฟนด้อม BAMMBOO นะคะ เราจะพยายามสร้างผลงานใหม่ๆ ให้ทุกคนดู จะไม่ให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน แล้วสำหรับซิงเกิลหรือผลงานภายภาคหน้าเราก็อยากให้ทุกคนรอติดตาม และเป็นกำลังใจให้พวกเราไปเรื่อยๆ แบบนี้ค่ะ

เปา: อยากพูดถึงแฟนคลับวงอื่นๆ ในค่ายเราด้วย (LIT Stan) ทั้ง PiXXeL (แฟนคลับ PiXXiE) หรือ TEMPO (แฟนครับ พรู-ธันวา) บางทีเขาอาจจะรู้จักเราจากวงอื่น ก็ขอบคุณด้วยครับ

Content Creator

Photographer

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า